คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย
เรียบเรียงโดย : นายอิทธิพล โคตะมี
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต
คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.)
คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) หมายถึง คณะกรรมการที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการวางแนวทางและกรอบความคิดสำหรับการปฏิรูปการเมืองในช่วงเวลา พ.ศ. 2535-2540 และส่งอิทธิพลสำคัญต่อกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 โดยคณะกรรมการนี้ได้รับการแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ พ.ศ. 2537 ให้ดำเนินการค้นคว้าหาแนวทางการปฏิรูปการเมือง แล้วเสนอกลับมายังสภาผู้แทนราษฎรในการสร้างกระบวนการปฏิรูปการเมืองในเวลาต่อมา คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีกรรมการจำนวน 58 คน ได้แก่
1. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการ
2. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานคณะกรรมการ
3. นาวาโทเดชา สุขขารมณ์ รองประธานคณะกรรมการ
4. พลเอกสายหยุด เกิดผล รองประธานคณะกรรมการและ โฆษกคณะกรรมการ
5. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ กรรมการ
6. นายอารีย์ วงศ์อารยะ กรรมการ
7. นายบุญศรี มีวงศ์อุโฆษ กรรมการ
8. นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล กรรมการ
9. นายสุรเกียรติ เสถียรไทย กรรมการ
10. นายพรศักดิ์ ผ่องแผ้ว กรรมการ
11. นายพรชัย สุนทรพันธ์ กรรมการ
12. นายเสถียร หอมขจร กรรมการ
13. นายวิวัฒน์ เอี่ยมไพรวัลย์ กรรมการ
14. นายกิติพงษ์ หังสพฤกษ์ กรรมการ
15. พลโทแป้ง มาลากุล ณ อยุธยา กรรมการ
16. พลเรือตรีทำนุ เนตรโรจน์ กรรมการ
17. นาวาอากาศเอกหวล วัฒนาถาวร กรรมการ
18. พลตรีสนอง อุทธโยธา กรรมการ
19. นายอรุณ งามดี กรรมการ
20. ผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย กรรมการ
21. นายปราโมทย์ ฝ่ายอุปาระ กรรมการ
22. นายโชคชัย อักษรนันท์ กรรมการ
23. นายสม จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการ
24. ประธานสภาหอการค้าไทย กรรมการ
25. นายสัก กอแสงเรือง กรรมการ
26. นายนิพนธ์ สรการ กรรมการ
27. ร้อยโทภูมิศักดิ์ หงส์หยก กรรมการ
28. นายสว่าง พรรณพฤกษ์ กรรมการ
29. นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง กรรมการ
30. นายสุธรรม เฮ่าบุญ กรรมการ
31. นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม กรรมการ
32. นายสุวิทย์ หาทอง กรรมการ
33. นายทิวา ธเนศวร กรรมการ
34. นายประวัฒน์ อุตตะโมต กรรมการ
35. นายพิศาล มูลศาสตรสาทร กรรมการ
36. นายอุดร ตันติสุนทร กรรมการ
37. นายรักเกียรติ สุขธนะ กรรมการ
38. นายคณิน บุญสุวรรณ กรรมการ
39. นายสมศักดิ์ คูณเงิน กรรมการ
40. นายชาญ สุทธิสารากร กรรมการ
41. นายปาน พึ่งสุจริต กรรมการ
42. นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม กรรมการ
43. นายวิบูลย์ เข็มเฉลิม กรรมการ
44. นายเอนก นาคะบุตร กรรมการ
45. ศาสตราจารย์อมร จันทรสมบูรณ์ กรรมการ
46. ศาสตราจารย์วิษณุ เครืองาม กรรมการ
47. ศาสตราจารย์กระมล ทองธรรมชาติ กรรมการ
48. นายประทาน คงฤทธิศึกษากร กรรมการ
49. นางสายสุรี จุติกุล กรรมการ
50. ศาสตราจารย์นิคม จันทรวิทุร กรรมการ
51. นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน กรรมการ
52. นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ กรรมการ
53. ร้อยโทสุวิทย์ ยอดมณี กรรมการ
54. นายณรงค์ นุ่นทอง กรรมการ
55. นายอนุช อาภาภิรม กรรมการ
56. นายมนตรี รูปสุวรรณ กรรมการ
57. นายทิวา เงินยวง กรรมการ
58. ศาสตราจารย์ไพศิษฐ์ พิพัฒนกุล กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ
บทบาทหน้าที่
คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย ถูกกำหนดบทบาทสำคัญในการแสวงหาองค์ความรู้และสังเคราะห์ข้อเสนอแนะขึ้นมา จากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา โดยทำหน้าที่สำคัญ ใน 3 เรื่องคือ
1.ศึกษา พิจารณา ค้นคว้า ตรวจสอบ รวบรวมความคิดเห็นและเรียบเรียงบทบัญญัติขึ้นเป็นร่างรัฐธรรมนูญ
2.ศึกษา พิจารณา ค้นคว้า ตรวจสอบ รวบรวมความเห็นและเรียบเรียงบทบัญญัติขึ้นเป็นร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง และร่างกฎหมายอื่นอันจำเป็นต่อการพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3.ศึกษา พิจารณา ค้นคว้า ตรวจสอบ รวบรวมความคิดเห็น และยกร่างข้อเสนอแนะเพื่อจัดทำแผน หรือโครงการพัฒนา หรือปฏิรูปการเมืองการปกครองของประเทศในระยะเฉพาะหน้าและระยะยาว โดยสอดคล้องกับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข[1]
'ความเป็นมาของคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย '(คพป.)
หลังการปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์ “พฤษภา 35” ซึ่งประชาชนชูคำหลักในการรณรงค์ว่า “นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง” และการปฏิรูปการเมืองได้กลายเป็นกระแสสำคัญขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเรือตรีฉลาด วรฉัตร หนึ่งในผู้ชุมนุมคนสำคัญในเหตุการณ์พฤษภา 35 ประกาศอดอาหารประท้วงอีกครั้งเพื่อกดดันให้รัฐบาลในขณะนั้นเร่งรัดให้มีการปฏิรูปการเมืองเพื่อพิทักษ์เจตจำนงของวีรชนประชาธิปไตย โดยเรือตรี ฉลาดอาศัยวาระครบรอบ 2 ปี เหตุการณ์พฤษภา 35 เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 4 ประเด็น คือ (1) ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับสภาผู้แทนราษฎร (2) ให้คณะรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง (3) ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และ (4) ให้เลือกตั้งนายกเทศมนตรีจากประชาชนทุกตำบล การดำเนินการอดอาหารครั้งนี้มีนักวิชาการเห็นด้วยจำนวนมาก แต่รัฐบาลนายชวนไม่เห็นด้วย จึงได้หาทางแก้ไขปัญหาโดยให้ฝ่ายสภาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อศึกษาปัญหาแทน
คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) จึงเริ่มต้นขึ้นเมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในปี 2537 ศาสตราจารย์มารุต บุนนาค แต่งตั้งตั้งคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) โดยมีศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี เป็นประธาน[2] ท่ามกลางความไม่เห็นชอบของหลายฝ่าย อาทิ พรรคพลังธรรม ที่มีนายบุญชู โรจนเสถียร เป็นหัวหน้าพรรค แต่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรมสนับสนุนแนวทางองค์กรปฏิรูปการเมือง[3] โดยก่อนหน้านั้นได้ยื่นข้อเสนอต่อเรือตรีฉลาด วรฉัตร ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านมาตรา 153 ให้อำนาจวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรในการตั้ง คณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตามที่มอบหมาย แล้วรายงานต่อสภาตามเวลาที่กำหนด
แม้ว่าการตั้ง “คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.)” เป็นไปเพื่อหาทางออกจากสถานการณ์วิกฤตทางการเมืองเฉพาะหน้าในขณะนั้น มากกว่าจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรตามที่เขียนเอาไว้[4] วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2537 นักวิชาการจำนวน 12 คนนำโดยนายแพทย์ประเวศ วะสี กับ นายธีรยุทธ บุญมี[5] จึงได้นำเสนอทางออกใหม่ โดยแถลงข่าวประกาศเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อตั้ง “คณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปการเมืองไทยเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ” ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้นายแพทย์ประเวศจะได้รับตำแหน่งประธาน คพป. (โดยจำยอม) แล้ว แต่การที่นายแพทย์ประเวศเสนอการแก้ปัญหาใหม่ก็เพราะข้อเสนอให้มีการตั้ง คพป. ได้ถูกเรือตรี ฉลาดปฏิเสธไปแล้ว ดังนั้น จะเห็นได้ว่าในช่วงแรก คพป. ยังไม่ได้รับการยอมรับนักแม้แต่นายแพทย์ประเวศเอง
ข้อเสนอกรอบความคิดในการปฏิรูปการเมือง
กระนั้นก็ตามนายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้นำขององค์กรนี้ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ดำเนินบทบาทในการนำเสนอความรู้ความคิดในลักษณะที่เป็นรูปธรรมทางวิชาการ มีการผลิตผลงานวิจัยได้ส่งมอบให้ประธานรัฐสภาเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2538 และภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จึงได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือ ข้อเสนอกรอบความคิดในการปฏิรูปการเมืองไทย พร้อมๆ กับงานวิจัยอีก 15 เล่ม[6] ลักษณะการปฏิรูปการเมืองของ คพป. มีสาระสำคัญ 4 ประเด็นคือ
1. การปฏิรูปทางการเมืองต้องแก้ไขปัญหาของระบบการเมืองทั้งระบบไม่ใช่จุดใดจุดหนึ่ง โดยหยิบยกปัญหาทุกปัญหาที่ระบบการเมืองนั้นๆ ประสบอยู่มาพิจารณาและหามาตรการแก้ไขทั้งระบบให้สอดคล้องกัน ไม่ใช่แก้ที่จุดใดจุดหนึ่งแล้วไปสร้างปัญหาให้จุดอื่น
2. การปฏิรูปการเมืองมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสุจริตและประสิทธิภาพทางการเมือง ดังนั้นจึงต้องปฏิรูประบบการเมืองโดยขจัดการทุจริตทุกรูปแบบ สร้างเสถียรภาพทางการเมืองและส่งเสริมประสิทธิภาพขององค์กรทางการเมือง
3. ยกร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (organic law) ให้เป็นการปฏิรูปการเมืองโดยทำให้แล้วเสร็จในคราวเดียวกัน (package) เพื่อสร้างความสุจริตและประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นแก่ระบบการเมือง หรือแนวทางรัฐธรรมนูญนิยม
4. การปฏิรูปการเมืองดังกล่าวยึดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเป็นกรอบหลัก ทั้งนี้ โดยมุ่งปรับปรุงระบบรัฐสภาแบบล้าสมัยให้เป็นระบบรัฐสภาแบบทันสมัยและมีเหตุผล (rationalized parliamentary system)
หลังจากส่งมอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) ให้กับสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว คณะกรรมการจึงยุติการทำงานลงไปตามวาระเป็นอันสิ้นสุดบทบาทของ คพป.
บรรณานุกรม
กิตติศักดิ์ สุจิตรารมย์. ทัศนะของสื่อหนังสือพิมพ์และปัญญาชนสาธารณะที่มีต่อสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ ระหว่าง พ.ศ. 2535-2540. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2557.
คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย. ข้อเสนอกรอบความคิดในการปฏิรูปการเมือง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับ คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.), 2538.
รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์. เศรษฐศาสตร์รัฐธรรมนูญ: บทวิเคราะห์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 เล่ม 1. กรุงเทพฯ: มติชน, 2546.
[1] คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย. ข้อเสนอกรอบความคิดในการปฏิรูปการเมือง. พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับ คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย (คพป.) 2538.
[2] โดยคำสั่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ 10/2537 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2537
[3] การประชุมกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 800 คนประกอบด้วย ส.ส.พรรคความหวังใหม่ ส.ส.พรรคพลังธรรม สมาพันธ์ประชาธิปไตย ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย และประชาชนทั่วไป ซึ่งมีผู้มีชื่อเสียงเข้าร่วมหลายคน อาทิ อาทิ นพ.เหวง โตจิราการ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประทีป อึ๊งทรงธรรม ฮาตะ วีระ มุสิกพงษ์ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ จาตุรนต์ ฉายแสง สมศักดิ์ โกศัยสุข ยืนยง โอภากุล ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ พิเชษฐ์ พัฒนโชติ จิตราวดี วรฉัตร ประสาร มฤคพิทักษ์ พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อารมณ์ มีชัย จรัล ดิษฐาอภิชัย วรัญชัย โชคชนะ เป็นต้น (เรียบเรียงจาก กิตติศักดิ์ สุจิตรารมย์. ทัศนะของสื่อหนังสือพิมพ์และปัญญาชนสาธารณะที่มีต่อสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ ระหว่าง พ.ศ. 2535-2540. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2557, น. 206-208)
[4] อ้างใน กิตติศักดิ์ สุจิตรารมย์. ทัศนะของสื่อหนังสือพิมพ์และปัญญาชนสาธารณะที่มีต่อสถานะและบทบาทของสถาบันกษัตริย์ ระหว่าง พ.ศ. 2535-2540. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2557. หน้า. 218 และรังสรรค์ ธนะพรพันธุ์. เศรษฐศาสตร์รัฐธรรมนูญ: บทวิเคราะห์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 เล่ม 1. กรุงเทพฯ: มติชน, 2546.
[5] นักวิชาการทั้ง 12 คนมีดังนี้ 1.เสม พริ้งพวงแก้ว 2.ประเวศ วะสี 3.ธีรยุทธ บุญมี 4.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ 5.สุมิตร ปิติพัฒน์ 6.เอกวิทย์ ณ ถลาง 7.สมยศ เชื้อ ไทย 8.ฉลาดชาย รมิตานนท์ 9.นิธิ เอียวศรีวงศ์ 10.อานันท์ กาญจนพันธ์ 11.ชยันต์ วรรธนภูติ 12.สุริชัย หวันแก้ว
[6] สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ (ศึกษารูปแบบการจำกัดสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้ไว้อย่างเหมาะสม) โดย วรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ศาลรัฐธรรมนูญและวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญโดย กมลชัย รัตนสกาววงศ์ ระบบการตรวจสอบทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง โดย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ องค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ โดย วิษณุ วรัญญู ระบบการควบคุมตรวจสอบรัฐบาลทางการเมืองที่เหมาะสม โดย สุรพล นิติไกรพจน์ ระบบการเลือกตั้งที่ลดการซื้อเสียงและให้โอกาส คนดีสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อทดแทนระบบการเลือกตั้งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดย ไพฑูรย์ บุญวัฒน์ การจัดตั้งองค์กรเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม โดย ไพฑูรย์ บุญวัฒน์ การปรับปรุงระบบพรรคการเมือง โดย บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ ระบบการบริหารหน่วยธุรการของรัฐสภาให้เป็นอิสระ โดย มนตรี รูปสุวรรณ รูปแบบองค์กรที่ปรึกษาและให้คำแนะนำทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อประกอบการยกร่างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดย ทิวา เงินยวง รูปแบบและวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดย พูนศักดิ์ ไวสำรวจ ระบบการออกเสียงแสดงประชามติ โดยนันทวัฒน์ บรมานันท์ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ โดย สมคิด เลิศไพฑูรย์ ระบบการเสนอและพิจารณากฎหมายการเงิน โดย อรพิน ผลสุวรรณ์ สบายรูป การปรับปรุงการทำงานของคณะกรรมาธิการของสภาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดย ธงทอง จันทรางศุ, อ้างอิงจาก http://ci.nii.ac.jp/ncid/BA83724930, เข้าถึงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559.