ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ (ศชอ.)
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ดร.สติธร ธนานิธิโชติ
ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ (ศชอ.) เป็นกลุ่มการเมืองที่ดำเนินการตามแนวทางอนุรักษ์นิยมและชาตินิยม ก่อตั้งขึ้นและมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในท่ามกลางกระแสการต่อต้านรัฐบาล พลเอกประยุทธ์_จันทร์โอชา และกระแสข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นับแต่ ปี 2563 เป็นต้นมา
กลุ่ม ศชอ. ได้รับการจัดจำแนกให้เป็นกลุ่มมวลชน “ขวาใหม่” ซึ่งมีการเคลื่อนไหวและแสดงออกทางอุดมการณ์ในลักษณะตอบโต้ หรือเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลควบคู่ไปกับการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ในช่วงเวลาที่เกิดข้อเรียกร้องต่อสถาบันฯ โดยเปิดเผยตรงไปตรงมา[1]
การเคลื่อนไหวของ ศชอ. นั้น จะมุ่งเน้นไปในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำบนพื้นที่ออนไลน์เป็นหลัก โดยวิธีการสำคัญของกลุ่มฯ อันหนึ่ง คือการรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความต่อบุคคลต่าง ๆ ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยใช้แฟนเพจเฟซบุ๊กในชื่อเดียวกับกลุ่ม เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร
บุคคลสำคัญของ ศชอ.
สมาชิกคนสำคัญและมีบทบาทในการเคลื่อนไหวของ ศชอ. ได้แก่ แน่งน้อย อัศวกิตติกร ประธาน ศชอ. และ นพดล พรหมภาสิต ทำหน้าที่เลขาธิการ ซึ่งทั้งสองเป็นแกนนำที่ร่วมจัดตั้งกลุ่มขึ้น โดยแน่งน้อยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. พิษณุโลก พรรครวมพลังประชาชาติไทยรวมถึงเป็นอดีตผู้ประสานงาน กปปส. พิษณุโลก[2]ในขณะที่นพดลดำรงตำแหน่งรองประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย รวมถึงเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย[3]
สมาชิกที่เคลื่อนไหวเป็นผู้ที่มีประวัติทางการเมืองไปในทางอนุรักษ์นิยมและชาตินิยมและแสดงท่าทีวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เช่น ทรงกลด ชื่นชูผล (ผู้กองปูเค็ม) นักเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อต้านพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล วริศนันท์ ศรีบวรกิตติ์ (แอดมินเจน ผู้ดูแลแฟนเพจสนับสนุนรัฐบาล “เชียร์ลุง”) อดิสรณ์ โสภา (เอ มินเนี่ยน เจ้าของบ้านที่ปรากฏในวิดิโอ “หมู่บ้านทะลุจักรวาลบานบุรี") ผู้บริจาคเงินสนับสนุนกลุ่ม เตชะ ทับทอง (ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการต่อจากนพดล มีประวัติการทำงานเพื่อสังคม เช่น มูลนิธิร่วมร้อยหัวใจไทย รวมถึงเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรม “100 ตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ”) นอกจากนี้ ยังมีสมาชิก-ผู้ร่วมเคลื่อนไหวอื่น ๆ เช่น “ป้าอยุธยา” “ป้าสมุทรสาคร” “ป้าระยอง” และ “ป้าพัทลุง”
ความเป็นมา
แฟนเพจเฟซบุ๊กของ ศชอ. ได้เปิดทำการและโพสต์ข้อความแรกใน วันที่ 2 กันยายน 2563[4] สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์โดยแน่งน้อย อัศวกิตติกร ที่ระบุว่า ศชอ. ได้จัดตั้งขึ้นในเดือนกันยายน[5] โดยแน่งน้อยกล่าวว่า ศชอ. เกิดจากการพบเห็นการคุกคาม ด่าทอ หรือ “บุลลี่” (bully) กันในโซเชียลมีเดียและได้ปรึกษากับ นพดล พรหมภาสิต ในการจัดตั้งกลุ่ม[6] ในขณะที่นพดลอธิบายที่มาของการก่อตั้งกลุ่มว่ามีการคุกคามสถาบันกษัตริย์ ทำให้ผู้ที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เนื่องจากถูกคุกคามบนพื้นที่ออนไลน์ในลักษณะ “ทัวร์ลง” หรือการรุมด่าในสื่อสังคมออนไลน์[7] พวกเขาเชื่อว่ามีการระดมความเห็นจำนวนมากของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองบนพื้นที่โซเชียลมีเดียส่วนตัว ในโพสต์เปิดตัวของ ศชอ. ได้ระบุว่า ศชอ. เป็นกลุ่มภาคประชาชนที่มีภารกิจให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ถูกละเมิด หมิ่นประมาทหรือคุกคามบนโซเชียลมีเดีย และดำเนินคดีกับผู้ที่คุกคาม โดย ศชอ. จะดำเนินการและให้คำปรึกษาทางกฎหมายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยระบุว่ามีผู้ใหญ่ใจดีและผู้สนับสนุนพร้อมช่วยเหลือค่าใช้จ่าย[8]
บทบาทและการเคลื่อนไหวของของกลุ่ม ศชอ.
การเคลื่อนไหวช่วยเหลือผู้ถูกคุกคามและประเด็นอื่น ๆ บนพื้นที่โซเชียลมีเดียตามที่ ศชอ. ประกาศภารกิจและเป้าหมายในการช่วยเหลือและดำเนินคดีผู้ถูกคุกคามหรือล่วงละเมิด (ที่ ศชอ. เรียกว่าเป็นการบูลลี่) ศชอ. ได้มีบทบาทในการรับมอบอำนาจหรือขอความช่วยเหลือจากดารา นักแสดง หรือผู้มีชื่อเสียงหลายรายในการดำเนินคดีกับผู้ที่แสดงความคิดเห็นคุกคามบนพื้นที่ออนไลน์ โดยตัวอย่างผู้ที่ขอความช่วยเหลือและมอบอำนาจให้ ศชอ. ดำเนินการ มีทั้งบุคคลในวงการบันเทิง เช่น อรนภา กฤษฎี (ม้า) พศุตม์ บานแย้ม (อาร์ต) กิตติ เชี่ยววงศ์กุล (เกลือ เป็นต่อ) บุคคลในวงการสื่อมวลชน เช่น กนก รัตน์วงศ์สกุล อัญชะลี ไพรีรักษ์ ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาล หรือมีท่าทีสนับสนุนรัฐบาลรวมไปถึง นพ.ยง ภู่วรวรรณ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยในกรณีนี้ ศชอ. ได้ฟ้องดำเนินคดี อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล (ส.ส. พรรคก้าวไกล) ในข้อหาหมิ่นประมาท[9]
ศชอ. ยังได้เคลื่อนไหวในประเด็นอื่น ๆ ต่อบุคคลที่แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เช่น การยื่นเรื่องให้แพทยสภาตรวจสอบ กรณีที่มีบุคลากรทางการแพทย์โพสต์ข้อความต่อการเสียชีวิตของ ทมยันตี (นักเขียนที่มีบทบาทในการจัดรายการวิทยุและมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519) หรือการเคลื่อนไหวในประเด็นเผยแพร่ข้อมูลเท็จ (Fake News) เช่น ในกระแสการ Call Out (หรือเรียกร้องให้ออกมาแสดงจุดยืน) ของดารานักแสดง หรือผู้มีชื่อเสียงที่ออกมาแสดงท่าทีวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ศชอ. ก็ได้แจ้งความกับบุคคลในวงการบันเทิงด้วยเช่นกัน[10]
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นของการเคลื่อนไหว ศชอ. ได้อ้างว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มฯ ได้รับการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐทุกองค์กรในประเทศที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับพื้นที่ออนไลน์[11]
การเคลื่อนไหวในประเด็นความผิดต่อพระมหากษัตริย์
ในส่วนการเคลื่อนไหวของ ศชอ. ที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในเบื้องต้น กลุ่มฯ ได้ประกาศว่าจะดำเนินการเฉพาะการคุกคามทางออนไลน์เท่านั้น[12] อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนพฤศจิกายน ศชอ. ได้เริ่มการแจ้งความดำเนินคดีในข้อกล่าวหาตาม มาตรา 112 ต่อทั้งบุคคลธรรมดาและฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เช่น แกนนำผู้ชุมนุมหลายคนรวมไปถึงหลานสาวของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ[13] ศชอ. ยังได้ประกาศตัวเป็นศูนย์กลางการรับแจ้งข้อมูลและให้คำปรึกษาในการร้องทุกข์ต่อผู้กระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์[14]ซึ่งในเวลาต่อมา ศชอ. ได้เรียกการแจ้งความนี้ว่า “มหกรรมแจกพิซซ่า” โดยรวบรวมหลักฐานการกระทำความผิดบนพื้นที่ออนไลน์เข้าแจ้งความ ซึ่งในช่วงนับจากเดือนมิถุนายน การเข้าแจ้งความของ ศชอ. จะปรากฏกลุ่มคนที่เรียกว่า “กองทัพมินเนี่ยนปกป้องสถาบัน” ซึ่งแต่งกายในชุดคอสตูมของตัวละคร Minion (ก่อนหน้านี้ มินเนี่ยนเป็นตัวละครดิสนีย์ที่ถูกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลใช้เรียกฝ่ายตรงข้ามหรือเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ภายหลังฝ่ายสนับสนุนรัฐได้ยอมรับนำเอาสัญญะนี้มาใช้กับฝ่ายตน (เช่น กรณีหมู่บ้านทะลุจักรวาลบานบุรี) เข้าร่วมแจ้งความด้วย
มหกรรมแจกพิซซ่าของ ศชอ. นับจากเดือนพฤษภาคม 2564 มีจำนวนผู้ถูก ศชอ. แจ้งความต่อครั้ง มีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงมากกว่า 1 พันราย[15] บทความ Voice Online ได้ระบุว่า ศชอ. เคลื่อนไหวในลักษณะเป็น “ตำรวจออนไลน์” ที่ “เฝ้าหน้าจอ” (Monitor) โดยตรวจดูการกระทำความผิดและรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความ ซึ่งหลังจากนั้นทางกลุ่มฯ จะส่งเอกสารแจ้งไปยังผู้ที่ถูกแจ้งความหรือหน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษาให้ทราบและติดตามบทลงโทษจากต้นสังกัด หากไม่มีการลงโทษจะดำเนินมาตรการทางสังคมต่อไป[16] ซึ่งมีการรายงานถึงการ “ข่มขู่” จากบัญชีเฟซบุ๊กที่ไม่เปิดเผยชื่อนามสกุลและรูปภาพผู้ใช้งานต่อผู้ถูก ศชอ. แจ้งความ ผ่านกล่องข้อความส่วนตัว การคอมเมนต์หรืออีเมล โดยแนบข้อมูลส่วนตัวของผู้ที่ถูกแจ้งความและหลักฐานการกระทำความผิด[17]
ในเวลาใกล้เคียงกัน ศชอ. ได้เผยแพร่ “แผนที่ 112” ซึ่งเป็นแผนที่จาก Google Map ที่แสดงให้เห็นตำแหน่งที่อยู่ รูปภาพ และข้อมูลส่วนตัวของบุคคลจำนวนมากซึ่งถูกกล่าวหา ว่ากระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่ง ศชอ. จะดำเนินการแจ้งความต่อไป โดย “ผู้กองปูเค็ม” อ้างว่าเป็นผู้จัดทำขึ้น อย่างไรก็ตามแผนที่นี้ถูกรายงานและถูกระงับการเผยแพร่ในเวลาต่อมา[18]
ศชอ. ยังเปิดช่องทางรับการส่งหลักฐานการกระทำผิดผ่าน LINE official ของกองทัพมินเนี่ยนปกป้องสถาบัน[19]
ศชอ. ยังได้มีการแจ้งความในลักษณะกลั่นแกล้งผู้ถูกกล่าวหา โดยมีตัวแทน ศชอ. เดินทางไปแจ้งความยังสถานีตำรวจในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ถูกแจ้งความต้องเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาในพื้นที่ห่างไกล[20]
การเคลื่อนไหวของ ศชอ. ร่วมกับกลุ่มการเมืองอื่น
ในเดือนกรกฎาคม 2564 ศชอ. ได้ร่วมเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มการเมืองอื่นภายใต้ชื่อกลุ่ม “พสกนิกรปกป้องสถาบัน” โดยร่วมกับศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กลุ่มภาคีประชาชนปกป้องสถาบันและอาชีวะปกป้องสถาบัน[21] ต่อมาเพิ่มจำนวนเป็น 9 กลุ่ม[22] มีบทบาทในการตอบโต้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลรวมถึงยื่นข้อเรียกร้องต่อหน่วยงานรัฐ เช่น การร่วมยื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไข มาตรา 112 การคัดค้านการประกันตัวและส่งตัวแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ถูกคุมขังไปรักษานอกเรือนจำ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบการทำงานของรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งทางกลุ่มเห็นว่าปล่อยปะละเลยให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จซึ่งรวมถึงสถาบันกษัตริย์[23] การเรียกร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมและแจ้งความ ส.ส. ที่สนับสนุนการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล[24] นอกจากนั้นยังมีการเรียกร้องให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตรวจสอบกิจกรรมรับน้องใหม่ ปีการศึกษา 2564 ซึ่งองค์การบริหารสโมสรนิสิตฯ ที่ได้เชิญแกนนำหรือบุคคลสำคัญจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมาเข้าร่วมพิธีปฐมนิเทศทางออนไลน์[25] นอกจากนั้นกลุ่มพสกนิกรฯ ยังสนับสนุนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ด้วยการมอบอาหารและน้ำแก่เจ้าหน้าที่ในช่วงที่มีการชุมนุม[26]
การแสดงความเห็นทางการเมือง
นอกเหนือไปจากการเคลื่อนไหวในประเด็นหลักของกลุ่มแล้ว ศชอ. ยังได้แสดงความเห็นหรือท่าทีทางการเมืองอื่น ๆ โดยเผยแพร่ลงในแฟนเพจ เช่น การกล่าวถึงประเด็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้ระบบพรรคการเมืองเข้มแข็งและป้องกันไม่ให้เกิด “พรรคล้มสถาบัน”[27] หรือความเห็นต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เช่น การโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac ที่ถูก “ด้อยค่า” จากฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยนำมาเทียบกับวัคซีนสัญชาติอเมริกัน[28] รวมไปโจมตีฝ่ายต่อต้านรัฐบาลว่าเป็นผู้ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-จีน สั่นคลอน[29]
ศชอ.ยังได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและแสดงความเห็นต่อนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ไม่เป็นที่นิยมในหมู่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลบางส่วน เช่น ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่ง ศชอ. กล่าวว่าไม่เด็ดขาดในการทำหน้าที่ ซึ่งสัมพันธ์กับการที่ ศชอ. มักจะแสดงความเห็นวิจารณ์ถึงความบกพร่องของรัฐบาลในด้านการประชาสัมพันธ์ข้อมูลและไม่ดำเนินการควบคุมการเผยแพร่ข่าวเท็จอย่างเด็ดขาด[30] ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ ศชอ. ต่อการควบคุมสื่อมวลชนที่ไร้จรรยาบรรณ[31] ซึ่งศชอ. ระบุว่าเป็นที่มาของการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและสร้างความวุ่นวายในสังคม
อ้างอิง
[1] “รู้จักกลุ่ม ‘ขวาใหม่’ ในยุคราษฎร,” Voice Online, (6 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://voicetv.co.th/read/5Vn4LDAO1. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564.; กลุ่มขวาใหม่อื่น ๆ ที่ได้นำเสนอ ได้แก่ อาชีวะปกป้องสถาบันฯ, นักรบองค์ดำ สองคาบสมุทร, และกลุ่มไทรักษา รวมถึงกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ได้นำเสนอลงรายละเอียดอย่าง 4 กลุ่มหลัก.
[2] “‘แน่งน้อย’ ผู้แจ้งจับเด็กม.3 ด้วยคดี 112 กำลังเจอดราม่า ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ก่อนใคร?” มติชนออนไลน์, (2 สิงหาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.matichon.co.th/politics/news_2862850. เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564.
[3] “รปช. ถกสมัชชาใหญ่ เคาะ 11 อรหันต์ สรรหาผู้สมัคร ส.ส. ‘อเนก-จักษ์’ ขึ้นแท่น กก.บห. ‘สุเทพ’ ลั่นเสี่ยงชีวิตรอบสองสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่,” ประชาชาติธุรกิจ, (15 ธันวาคม 2561). เข้าถึงจาก https://www.prachachat.net/politics/news-265358. เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564; จากเนื้อหา พบว่ามีบุคคลชื่อ “นพดล พรหมประสิทธิ์” อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้นเพิ่มเติม ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับ “นพดล พรหมภาสิต”.
[4] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (2 กันยายน 2563), เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/109823630850556. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564.
[5] “ชวนทำความรู้จัก ‘ป้าแน่งน้อย’ และ ศชอ. ที่แจ้งความคนด้วย ม.112 กว่าพันคน,” ประชาไท, (11 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://prachatai.com/journal/2021/07/93916. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564..
[6] อ้างแล้ว.
[7] “ศชอ. ตั้ง ‘เตชะ ทับทอง’ เป็นเลขาฯ หลัง ‘นพดล’ ลาออก เคลื่อนไหวเอาผิด ม.112 ในนามอิสระ,” ผู้จัดการออนไลน์, (21 ตุลาคม 2564). เข้าถึงจาก https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000104577. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564.
[8] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (2 กันยายน 2563).
[9] “คชอ. แจ้งเอาผิด ‘อมรัตน์’ หมิ่นประมาท ‘หมอยง’,” ผู้จัดการออนไลน์, (29 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://mgronline.com/crime/detail/9640000074302. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564.
[10] “ศชอ. แจ้งความดำเนินคดี ‘แอริน-เจลลี่’ ปมปล่อยข่าวเท็จ,” สยามรัฐออนไลน์, (7 มิถุนายน 2564). เข้าถึงจาก https://siamrath.co.th/n/250937. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564, ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (21 กันยายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/369741018192148. เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564.
[11] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (28 กันยายน 2563). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/128875568945362 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564.
[12] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (30 ตุลาคม 2563). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/146736073825978. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564.
[13] “ศชอ. นำหลักฐานเข้าแจ้งความ 4 แกนนำม็อบราษฎร,” PPTV Online, (26 พฤศจิกายน 2563). เข้าถึงจาก https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/137308. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564, “‘ศอช.’ หอบหลักฐานเข้าแจ้งความ ‘อั่งอั๊ง’ โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน ผิดม.112,” The Truth, (16 กุมภาพันธ์ 2564). เข้าถึงจาก https://truthforyou.co/35747/. เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564.
[14] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (26 พฤศจิกายน 2563). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/163342108832041. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564.
[15] “ศชอ. หอบหลักฐานส่ง ปอท. ให้ดำเนินคดี 1,275 รายชื่อ,” ประชาไท, (11 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://prachatai.com/journal/2021/07/93915. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564.
[16] “รู้จักกลุ่ม ‘ขวาใหม่’ ในยุคราษฎร,” Voice Online.
[17] “ศชอ. ส่งข้อความข่มขู่บุคคลเรื่องการดำเนินคดี ม.112 ไม่น้อยกว่า 62 ราย เผยแพร่ข้อมูลบุคคลในกูเกิ้ลแม็พกว่า 466 ราย,” ศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน, (28 มิถุนายน 2564). เข้าถึงจาก https://tlhr2014.com/archives/31324. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564.
[18] “ปลิวทั้งแผนที่ 112 และเพจ ศชอ. หลังถูกระดมรีพอร์ทละเมิดความเป็นส่วนตัว,” ประชาไท, (28 มิถุนายน 2564). เข้าถึงจาก https://prachatai.com/journal/2021/06/93719. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564., “ผู้กองปูเค็มอ้าง ‘แผนที่ 112’ ฝีมือตนเอง แม้แผนที่-เฟซบุ๊กกลุ่ม ศชอ. ปลิวแล้ว,” มติชนออนไลน์, (29 มิถุนายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2800692. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564..
[19] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (29 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/332680961898154. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2564.
[20] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (7 ธันวาคม 2563). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/172932617872990. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564, ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (15 เมษายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/261712092328375. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564.
[21] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (13 กรกฎาคม 2564) เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/321595236340060. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[22] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (4 สิงหาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/336902714809312. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[23]“พสกนิกรปกป้องสถาบัน ขอนายกฯ ประเมินการทำงานของรัฐมนตรี DE,” Voice Online, (16 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://voicetv.co.th/read/kqnVSU3eu. เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564.
[24] “‘พสกนิกรปกป้องสถาบัน’ ร้องสภาสอบจริยธรรม ‘ส.ส. ร่วมม็อบ-ประกัน ม.112’,” Voice Online, (23 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจากhttps://voicetv.co.th/read/I6ACXsV34. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564., ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (23 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/328663368966580. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[25] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (22 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/328024489030468. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[26] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (7 สิงหาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/339047731261477. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[27] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (12 กันยายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/363737795459137 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[28]ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (4 กันยายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/358346502664933. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[29] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (4 กันยายน 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/358200869346163. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[30] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (14 กรกฎาคม 2564). เข้าถึงจาก https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/322331609599756. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.
[31] ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์, Facebook, (14 กรกฎาคม 2564). https://www.facebook.com/THCVC2020/posts/334269125072671. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564.