รักษ์ไทย (พ.ศ. 2550)
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรครักษ์ไทย
พรรครักษ์ไทยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550[1] โดยมี นางยุวเรศ สิทธิชาญบัญชา ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคและนางสาวยุพา ฐิติชัยมงคล ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค [2]
ที่ผ่านมาพรรครักษ์ไทยได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการได้แก่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 โดยพรรคได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 3 คน ส่วนแบบสัดส่วนมิได้ส่งผู้สมัครแต่อย่างใดซึ่งในการเลือกตั้งครั้งดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีผู้สมัครของพรรคได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลยแม้แต่คนเดียว
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ[3]
ด้านความมั่นคงแห่งรัฐ 1. พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราชและอธิปไตยของชาติ 2. จัดให้มีกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย 3.บูรณาการด้านกำลังรบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ 4.ผลิตยุทโธปกรณ์ขึ้นใช้เอง
ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน1. ดำเนินการตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติในภาพรวมเป็นสำคัญ 2. จัดระบบการบริหารราชการที่ชัดเจน เหมาะสม ปฏิบัติงานรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบได้ 3. กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4. พัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมของบุคคลากรภาครัฐ 6. หน่วยงานทางกฎหมายดำเนินการได้อย่างเป็นอิสระเพื่อความโปร่งใส 7. จัดให้มีแผนพัฒนาการเมืองและสภาพัฒนาการเมืองที่มีความเป็นอิสระ 8. ดำเนินการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสม 9.สร้างการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม10.สนับสนุนบทบาทของสื่อมวลชน 11. แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
ด้านศาสนา สังคม การสาธารณสุข การศึกษาและวัฒนธรรม 1. อุปถัมภ์และคุ้มครองทุกศาสนา 2. นำหลักธรรมทางศาสนามาปฏิบัติ 3. คุ้มครอง พัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย สงเคราะห์และจัดสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพและผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก 4. ให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานอย่างทั่วถึง 5. พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในทุกระดับ 6. สนับสนุนการศึกษาวิจัยและเผยแพร่ข้อมูลในศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ 7. ปลูกฝังจิตสำนึก เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติและท้องถิ่น 8. ส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง 9. ป้องกันและปราบปรามวงจรของยาเสพติด 10.ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของโลก 11.ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง 12.ให้ครูได้ลาพักเป็นกรณีพิเศษเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพในการสอน
ด้านกฎหมายและการยุติธรรม 1. ให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน จัดงานในกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ 2. คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้พ้นจากการล่วงละเมิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลอื่น 3. จัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายที่ดำเนินการเป็นอิสระ 5. สนับสนุนการดำเนินการขององค์กรภาคเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน 6.แก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย
ด้านการต่างประเทศ 1. ส่งเสริมสัมพันธไมตรีและความร่วมมือกับนานาประเทศ 2. ปฏิบัติตามสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน 3. ส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวกับนานาประเทศ 4. ให้ความคุ้มครอง ดูแลผลประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศ 5.เร่งสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างประเทศ
ด้านเศรษฐกิจ 1. สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรี เป็นธรรมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน 2. ให้มีการใช้หลักหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการประกอบกิจการ 3. รักษาวินัยการเงินการคลังและปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีอากร 4. สนับสนุนการออม 5. กระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ขยายโอกาสในการประกอบอาชีพและสนับสนุนการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น 7. คุ้มครองแรงงานเด็กและสตรี จัดระบบแรงงานสัมพันธ์และระบบประกันสังคม 8. คุ้มครอง รักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรในการผลิตและการตลาด 9. จัดตั้งระบบสหกรณ์ 10. จัดทำและป้องกันมิให้กิจการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน 12. สนับสนุนกิจการพาณิชยนาวี การขนส่งทางราง 13. ส่งเสริมให้องค์กรเอกชนทางเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็ง 14. ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 15.จัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะด้าน 16.ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาค 17.ส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างจริงจัง
ด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1. กำหนดหลักเกณฑ์การใช้ที่ดินให้ครอบคลุมทั่วประเทศและกำหนดมาตรฐานการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน 2. กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม 3. จัดให้มีการวางผังเมือง 4. บริหารจัดการทรัพยากรต่างๆอย่างเป็นระบบ 5. ให้ความคุ้มครองคุณภาพสิ่งแวดล้อม ควบคุมและกำจัดมลพิษด้านต่างๆ 6. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่สะอาดและปราศจากมลภาวะ 7. ส่งเสริมการประหยัดพลังงานในทุกรูปแบบ
ด้านวิทยาศาสตร์ ทรัพย์สินทางปัญญา 1. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรและสนับสนุนให้ประชาชนใช้หลักด้านวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต 2. ส่งเสริมการประดิษฐ์หรือการค้นคิดเพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ๆ และพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น 3. สนับสนุนการวิจัยและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน 4.ให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา