พิทักษ์ไทย
พรรคพิทักษ์ไทย(2543)
พรรคพิทักษ์ไทยจดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2543[1] โดยมีนายมาย แก้วจันทรานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค และนายสุภชัย มีใหม่ [2] ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค แต่หลังจากนั้นหนึ่งปีให้หลังศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ยุบพรรคพิทักษ์ไทย[3] ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 65 วรรคสองเนื่องจากหัวหน้าพรรคพิทักษ์ไทยมิได้จัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีที่ผ่านมาให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
ในส่วนของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคพิทักษ์ไทยนั้นในช่วงก่อนการถูกตัดสินยุบพรรคนั้นไม่ปรากฏว่าพรรคได้มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด
แนวนโยบายที่สำคัญของพรรค[4]
นโยบายด้านการเมืองการปกครอง
1. พัฒนาระบบการเมืองการปกครองให้มั่นคงตามระบอบประชาธิปไตยพร้อมทั้งเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
2. ส่งเสริมบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม
3. สร้างความรู้ความเข้าใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนทุกคน
4. เร่งรัดการปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดิน
5. สนับสนุนการกระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่น
นโยบายด้านสังคม
1. ให้การศึกษาฟรีจนถึงระดับอุดมศึกษา
2. จัดการศึกษานอกระบบโดยเน้นการอาชีพเป็นหลัก
3. พัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพ
4. เร่งการกระจายคุณภาพการศึกษาไปสู่ชนบท
5. ส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาเอกชนมีอิสระในการบริหารและการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ
6. สนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครู
7. พัฒนาการศึกษาของคณะสงฆ์ไทย
8. ส่งเสริมการเรียนการสอนด้านกีฬา
9. จัดงบประมาณฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานด้านฝีมือแรงงาน
10. จัดงบประมาณป้องกันและดูแลด้านสุขภาพอนามัยของประชาชน
11. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลจัดบริการด้านการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน
12. ให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชน
13. ให้การดูแลและพัฒนาผู้ด้อยโอกาสในสังคม
นโยบายด้านเศรษฐกิจ
1. ปรับปรุงการจัดเก็บภาษีให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น
2. พัฒนาตลาดการเงินให้สอดคล้องกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
3. เสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินและการเสริมสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ
4. เสริมสภาพคล่องให้กับอุตสาหกรรมการส่งออก
5. ยึดมั่นในข้อตกลงที่รัฐบาลทำไว้กับต่างชาติในทุกกรณี
6. เร่งรัดการปฏิรูปที่ดินให้แก่เกษตรกรไทย
7. สนับสนุนด้านสหกรณ์การเกษตร
8. ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตแบบครบวงจร
9. เพิ่มศักยภาพให้กับพื้นที่เขตเศรษฐกิจให้เป็นแหล่งรองรับอุตสาหกรรมที่สำคัญ
10. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง
11. เร่งรัดและพัฒนาแหล่งพลังงานภายในประเทศให้นำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น
12. เร่งพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
13. เร่งจัดระบบสาธารณูปโภคให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
นโยบายด้านการต่างประเทศ
1. ดำเนินนโยบายเป็นอิสระและเป็นมิตรกับทุกประเทศ
2. ยึดมั่นในพันธกรณีตามสนธิสัญญาที่ทำไว้กับต่างประเทศและองค์กรนานาชาติ
3. ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศที่คู่ค้าที่เป็นธรรม
นโยบายด้านความมั่นคง
1. สนับสนุนการพัฒนากองทัพให้มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการป้องกันประเทศ
2. สนับสนุนให้กองทัพมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย
3. สนับสนุนสวัสดิการการบำรุงขวัญและกำลังใจให้กับทหาร
4. สนับสนุนให้กองทัพมีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 117 ตอนพิเศษ 88ง หน้า 22
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 117 ตอนพิเศษ 88ง หน้า 79
- ↑ คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ เลขที่ 11/2544 วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2544
- ↑ สรุปจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 117 ตอนพิเศษ 88ง หน้า 22-32