พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ

 

ความเป็นมา

          การปกครองท้องที่ในรูปตำบลเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 กำหนดให้หลายบ้านรวมตัวเป็นหมู่บ้านมีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ควบคุมดูแล และหมู่บ้านรวมตัวเป็นตำบลมีกำนันเป็นผู้ควบคุมดูแล จัดตั้งเพื่อช่วยเหลือภารกิจของทางราชการ พร้อมทั้งกำหนดให้มี “คณะกรรมการตำบล” ขึ้นคณะหนึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่กำนันเกี่ยวกับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของกำนัน ประกอบด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกบ้าน แพทย์ประจำตำบล และครูประชาบาลหนึ่งคน ต่อมาในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ที่ 222/2499 ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2499 เรื่อง ระเบียบบริหารราชการส่วนตำบลและหมู่บ้านโดยได้ปรับปรุงโครงสร้างของ “คณะกรรมการตำบล” ให้ประกอบด้วยกำนันท้องที่ ผู้ใหญ่บ้านทุกคนในตำบล แพทย์ประจำตำบล ครูประชาบาลในตำบลนั้นคนหนึ่ง ราษฎรผู้ทรงคุณวุฒิในตำบลนั้นไม่น้อยกว่าสองคน ซึ่งนายอำเภอคัดเลือกเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง กับให้มีข้าราชการที่ปฏิบัติงานในตำบลนั้นเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตำบลด้วย พร้อมทั้งได้กำหนดให้มี สภาตำบล ขึ้นเป็นครั้งแรกประกอบด้วยสมาชิกสภาตำบลซึ่งมาจากราษฎรผู้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านละสองคน เพื่อควบคุมการบริหารงานของคณะกรรมการตำบล[1] จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2500 ได้มีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติระเบียบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499” ให้มีผลตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เนื้อหากฎหมายมี จำนวน 58 มาตรา ประกอบด้วยโครงสร้างของกฎหมาย ดังนี้

               - ส่วนนำของกฎหมายยังประกอบด้วยชื่อกฎหมาย วันประกาศใช้กฎหมาย กรณีที่มีกฎหมายขัดหรือแย้งกับกฎหมายฉบับนี้ให้ใช้กฎหมายฉบับนี้แทน คำนิยาม การจัดตั้งตำบล การกำหนดสถานะของเทศบาล และให้รัฐมนตรีรักษาการตามกฎหมาย

               - ส่วนที่ 1 สภาตำบล

               - ส่วนที่ 2 คณะกรรมการตำบล

               - ส่วนที่ 3 หน้าที่ของตำบล

               - ส่วนที่ 4 ข้อบัญญัติตำบล

               - ส่วนที่ 5 การคลังและทรัพย์สินของตำบล

               - ส่วนที่ 6 การควบคุม

                  

สาระสำคัญของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

          ความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ได้จัดตั้ง “องค์การบริหารส่วนตำบล” ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อดำเนินกิจการส่วนตำบลและมีเขตปกครองตามเขตตำบลตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่[2] จัดตั้งโดยประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา[3] ให้มีฐานะเป็น “นิติบุคคล” จัดแบ่งเป็น “สภาตำบล” และ “คณะกรรมการตำบล” เพื่อดำเนินการบริหารงานในส่วนตำบล[4] มีพนักงานตำบลเป็นผู้ปฏิบัติงานของตนเองและมีอำนาจในการตราข้อบัญญัติตำบล ภายใต้การกำกับดูแลของนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด

          1. โครงสร้างขององค์การบริหารส่วนตำบล 

          องค์การบริหารส่วนตำบลประกอบด้วย “สภาตำบล” และ “คณะกรรมการตำบล” รายละเอียด ดังนี้

               1.1 สภาตำบล

               สภาตำบลมีหน้าที่ควบคุมการบริหารงานของคณะกรรมการตำบล ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรในหมู่บ้านเลือกตั้งขึ้น หมู่บ้านละ 1 คน และให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านทุกคนในตำบลนั้นเป็นสมาชิกโดยตำแหน่ง[5] สมาชิกสภาตำบลมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี นับแต่วันเปิดสมัยประชุมสามัญครั้งแรก[6]

               ให้สภาตำบลมี “ประธาน” และรองประธานสภา 1 คน ซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งจากสมาชิกสภาตำบลตามมติของสภาตำบล[7] ทำหน้าที่ดำเนินกิจการของสภาตำบลให้เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาตำบล[8] ทั้งนี้ สภาตำบลมีหน้าที่วางข้อบังคับการประชุมสภาตำบลโดยอนุโลมตามแบบของกระทรวงมหาดไทย[9]

               การประชุมสภาตำบล กฎหมายกำหนดให้สภาตำบลต้องประชุมสามัญ 1 ครั้งต่อปี กำหนดเวลาในการประชุมไม่เกิน 15 วัน แต่สามารถขยายเวลาได้โดยนายอำเภอ[10] กรณีมีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์ขององค์การบริหารส่วนตำบล นายอำเภอจะเรียกประชุมวิสามัญสภาตำบลก็ได้[11] การประชุมแต่ละครั้งต้องมีสมาชิกไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม[12] ส่วนการลงมติให้ใช้เสียงข้างมาก[13]

               1.2 คณะกรรมการตำบล

               คณะกรรมการตำบลทำหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบการดำเนินกิจการส่วนตำบล[14] ประกอบด้วยกำนันท้องที่เป็นประธาน แพทย์ประจำตำบล และผู้ใหญ่บ้านในตำบลนั้นเป็นกรรมการกับกรรมการอื่นซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งจากครูใหญ่ โรงเรียนในตำบลหรือบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิมีจำนวนไม่เกิน 5 คน[15]

               การประชุมคณะกรรมการตำบล ให้ประธานคณะกรรมการตำบลเรียกประชุมผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหมู่บ้านหรือตำบลเพื่อปรึกษาหารือหรือออกความเห็นเกี่ยวกับกิจการของหมู่บ้านหรือตำบล[16]ซึ่งต้องมีคณะกรรมการมาประชุมไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม[17]

          2. หน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล

          องค์การบริหารส่วนตำบลมีหน้าที่ดำเนินกิจการทั้งปวงเพื่อให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ ทั้งในด้านสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา ด้านสาธารณสุข เช่น ด้านโรคติดต่อ การรักษาความสะอาด กำจัดขยะมูลฝอย ด้านสาธารณภัย ด้านการศึกษา ด้านศาสนา รวมถึงกิจการอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ของราษฎรและท้องถิ่น[18]

          3. ข้อบัญญัติตำบล

          สภาตำบลมีอำนาจออกข้อบัญญัติตำบล โดยความเห็นชอบของนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด[19] ทั้งนี้ ข้อบัญญัติตำบลสามารถกำหนดโทษปรับผู้ที่ไม่กระทำตามข้อบัญญัติได้โดยห้ามมิให้ปรับเกิน 50 บาท[20]

          4. การคลังและทรัพย์สินขององค์การบริหารส่วนตำบล

          การบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลมีรายได้จาก

               1. เงินงบประมาณจากภาครัฐ ผ่านร่างข้อบัญญัติงบประมาณประจำปีขององค์การบริหารส่วนตำบลโดยตราเป็นข้อบัญญัติตำบลที่ผ่านความเห็นชอบของนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งนี้ในปีใดที่งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอสามารถตั้งราบรับรายจ่ายขึ้นระหว่างปีได้โดยตรงเป็นข้อบัญญัติงบประมาณเพิ่มเติม[21]

               2. รายได้อื่น ๆ ที่เกิดจากการจัดเก็บภาษีอากรตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต ค่าปรับ รายได้จากทรัพย์สินขององค์การบริหารส่วนตำบล รายได้จากกิจการที่องค์การบริหารส่วนตำบลดำเนินการ เป็นต้น[22]

          5. การควบคุม

          การบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตำบลถูกควบคุมและกำกับให้เป็นไปตามหลักความชอบด้วยกฎหมาย โดยรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ดังนี้

               1. รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจยุบสภาตำบลเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ได้[23]

               2. ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการชี้แนะ ตักเตือน และตรวจสอบกิจการขององค์การบริหารส่วนตำบลได้[24] พร้อมทั้งสั่งยกเลิกมติของสภาตำบลที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล[25]

               3. นายอำเภอ ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของคณะกรรมการตำบลที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลหรือแก่ส่วนราชการ โดยมีอำนาจสั่งเพิกถอน สั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ได้[26]

 

บทส่งท้าย

          องค์การบริหารส่วนตำบลที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499 ได้บริหารกิจการในส่วนของตำบลเรื่อยมาจนกระทั่งถูกยุบเลิกโดยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร โดยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499 และ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 โดยมีสาระสำคัญเพื่อปรับปรุงองค์การบริหารส่วนตำบลใหม่เป็นผลให้สภาตำบลไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคลอีกต่อไป แต่เป็นองค์กรที่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายและเห็นชอบในระดับการพัฒนาตำบลเท่านั้น[27] จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2537 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2538

 

บรรณานุกรม

ชูวงศ์ ฉายะบุตร. การปกครองท้องถิ่นไทย. กรุงเทพฯ : สมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2539.

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 89/ตอนที่ 190 ฉบับพิเศษ/หน้า 122-132/13 ธันวาคม 2515. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 74/ตอนที่ 11/29 มกราคม 2500. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

สถาบันดำรงราชานุภาพ และ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย. รายงานการวิจัย เรื่อง ปัญหาการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล. โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรุงเทพ. 2540.

 

 

อ้างอิง        

[1] สถาบันดำรงราชานุภาพ และ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย, รายงานการวิจัย เรื่อง ปัญหาการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล, โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรุงเทพ, 2540, หน้า 37 - 38.

[2] มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[3] มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[4] มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[5] มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[6] มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[7] มาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[8] มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[9] มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[10] มาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[11] มาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[12] มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[13] มาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[14] มาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[15] มาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[16] มาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[17] มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[18] มาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[19] มาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[20] มาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[21] มาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[22] มาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[23] มาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[24] มาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[25] มาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[26] มาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนตำบล พ.ศ. 2499

[27] ชูวงศ์ ฉายะบุตร, การปกครองท้องถิ่นไทย, กรุงเทพฯ : กรุงเทพฯ : สมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539, หน้า 194-195