ประชามติ (พ.ศ. 2550)
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
พรรคประชามติ
พรรคประชามติจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2550[1] โดยมีนายประมวล รุจนเสรี ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคและนายวิฑูรย์ แนวพานิช ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค[2] ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550[3] นายวิฑูรย์ แนวพานิช ได้ลาออกจากdารเป็นสมาชิกพรรคและเลขาธิการพรรค
การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคประชามตินั้น เมื่อการเลือกตั้งในปี 2550 พรรคได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแบบสัดส่วนจำนวน 80 คน และแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 283 คน ซึ่งทั้งหมดมิได้ถูกรับเลือกแต่อย่างใด
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ[4]
ด้านการเมืองการบริหาร
1.แก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
2.สร้างนิเวศวิทยา (Green Politic) ทางการเมืองใหม่
3.ออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้ยากไร้ตามแนวทางเศรษฐกิจการเมืองเพื่อสังคมหรือธัมมสังคมนิยม
4.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน
5.ป้องกันปราบปรามการเลือกตั้งที่ทุจริต ซื้อสิทธิ-ขายเสียง
6.ให้ราชการส่วนกลางรับผิดชอบเฉพาะเรื่องระดับชาติ ส่วนเรื่องท้องถิ่นให้เป็นหน้าที่ของประชาชนกับท้องถิ่นโดยภูมิภาคทำหน้าที่กำกับ ตรวจสอบ แนะนำท้องถิ่น
7.ลดขนาดจำนวนข้าราชการและภารกิจของส่วนกลาง–ส่วนภูมิภาคลงมาและนำไปเพิ่มให้ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น
8.เรียนฟรี รักษาฟรี น้ำประปาไฟฟ้าฟรีสำหรับครอบครัวผู้มีรายได้น้อย
9.ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นทุกกรณี
10.ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในสามจังหวัด
11.แก้ปัญหาภาคใต้ด้วยการเอาชนะใจประชาชน
ด้านเศรษฐกิจ
1.สร้างดุลยภาพทางเศรษฐกิจและการขยายตัวทางเศรษฐกิจตามแนวราบ
2.ประเมินทรัพยากรของชาติให้เป็นมูลค่าเพื่อนำทุนไปพัฒนาประเทศแต่ไม่นำมูลค่ามาแปลงเป็นทุน
3.ส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน
4.เร่งให้มีภาษีมรดกและภาษีส่วนเกินทุน
5.ปรับปรุงกฎหมายเพื่อป้องกันการผูกขาดของทุนใหญ่
6.ไม่แปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค สาธารณูปการ
7.สร้างธนาคารเพื่อคนยากจน
8.ให้ความสำคัญกับสหกรณ์
9.นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้
10.กระจายปัจจัยการผลิตเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
11.สร้างความสัมพันธ์เชิงเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศใหม่
12.ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน
ด้านการต่างประเทศ
1.ดำเนินนโยบายเป็นกลางและพัฒนาสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน
2.ร่วมมือกับกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและประเทศในโลกที่สามเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง
ด้านความมั่นคง
1.ให้ความสำคัญกับมั่นคงของมนุษย์
2.ปรับโครงสร้างกองทัพให้มีลักษณะบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อนและปรับกำลังให้เล็กลง
3.ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาระบบอุตสาหกรรมสำรองสงครามและอุตสาหกรรมทหาร
4.ดำเนินนโยบายมิให้กองทัพและการเมืองก้าวก่ายงานซึ่งกันและกัน
5.ป้องกันมิให้เกิดระบบพวกพ้องในกองทัพ
6.ปรับปรุงระบบกำลังสำรองให้สามารถปฏิบัติงานได้จริง
ด้านการศึกษา
1.เรียนฟรีถึงปริญญาตรี
2.พัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้ใกล้เคียงกันทุกที่
3.มีระบบสวัสดิการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตครู
4.ปลดภาระหนี้สินครูด้วยระบบสหกรณ์
5.เพิ่มศักยภาพของสถาบันวิชาชีพ/อาชีวศึกษา
6.ตั้งสภาวิชาชีพระดับอาชีวศึกษา
7.ยกเลิกการนำมหาวิทยาลัยของรัฐออกนอกระบบ
8.สนับสนุนทุนเพื่อการวิจัย
9.ปรับปรุงค่าเล่าเรียนให้เหมาะสม
10.สร้างมหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้เรียนที่อยู่ห่างไกล
ด้านแรงงาน
1.ให้เงินผู้สูงอายุที่ยากไร้เดือนละ 1,500-2,000 บาท
2.ให้มีระบบการตัดสินใจแบบไตรภาคีเพื่อกระจายผลประโยชน์ในบริษัทมหาชนและรัฐวิสาหกิจ
3.พัฒนาฝีมือแรงงานและให้การศึกษาแก่ผู้ใช้แรงงานอย่างต่อเนื่อง
4.จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว
5.จัดเงินเดือนค่าจ้างให้สมดุลกับค่าจ้างขั้นต่ำ
ด้านคมนาคมและการขนส่ง
1.พัฒนาระบบขนส่งทางน้ำเพื่อลดการใช้พลังงานน้ำมัน ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ
2.พัฒนาระบบจัดเก็บและขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพ
3.ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก
4.สร้างเครือข่ายการขนส่งทางทะเล
5.ทำให้สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศในภูมิภาค
ด้านสาธารณสุข
1.ผสมผสานการแพทย์สมัยใหม่และแผนไทย
2.จัดการเรียนรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุขในระบบเปิดที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกระดับ
3.เน้นการแพทย์เชิงป้องกันมากกว่าการรักษา
4.มีความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
5.เร่งผลิตยาในประเทศพร้อมป้องกันการเอาเปรียบจากบริษัทยาข้ามชาติ
ด้านเกษตร
1.จัดให้มีการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร
2.ปฏิรูประบบการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร
3.สนับสนุนการผลิตพืชที่เหมาะสมในแต่ละท้องถิ่น
4.สนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรชีวภาพ
5.ส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนาเกษตรกรรม
6.พัฒนาการทำสวนยางพาราอย่างครบวงจร
ด้านสหกรณ์
1.ให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางพัฒนาชุมชน
2.ให้สหกรณ์เป็นองค์กรธุรกิจทุกระดับ
3.ยกร่าง พ.ร.บ.สหกรณ์ใหม่โดยให้อิสระ กำกับดูแลกันเอง
4.จัดให้มีกองทุนพัฒนาสหกรณ์
5.จัดตั้งธนาคารสหกรณ์ระดับชาติ
6.จัดตั้งตลาดสหกรณ์ระหว่างประเทศกับสหกรณ์ทั่วโลก
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1.ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2.สร้างเครือข่ายระบบสารสนเทศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เชื่อมต่อกันทั่วโลก
3.จัดตั้งศูนย์ข้อมูลแห่งชาติและจัดให้มีเมืองวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
1.ส่งเสริมการปลูกไม้สัก
2.ใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมกำหนดเขตป่าไม้ให้ชัดเจน
3.ปิดและอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่เป็นมรดกโลก
4.ป้องกันและแก้ไขปัญหามลภาวะโดยยึดหลักผู้ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นผู้จ่าย
5.ออกกฎหมายควบคุมการนำเข้ากากสารพิษและขยะอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ
ด้านศาสนาและวัฒนธรรม
1.สร้างเอกลักษณ์ของคนไทยด้วยความมีน้ำใจ
2.ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของทุกศาสนา
3.ใช้ศาสนสถานเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และประชาคม
4.ยอมรับวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อสะท้อนลักษณะพหุสังคมที่เป็นจุดเด่นของชาติไทย
ด้านสารสนเทศและสื่อสารมวลชน
1.กำหนดให้คลื่นความถี่เป็นสมบัติสาธารณะ
2.สนับสนุนให้เกิดทีวีสาธารณะและจัดการแก้ปัญหาวิทยุชุมชน
3.ป้องกันมิให้มีการผูกขาดการผลิตสื่อต่างๆ การนำเสนอเนื้อหาเพียงด้านเดียวและเน้นแต่ความบันเทิงจนเป็นการทำลายสังคม
ด้านพลังงานของประเทศ
1.แก้ไขปัญหาการผูกขาดและการเอารัดเอาเปรียบในกิจการพลังงาน
2.ตราพระราชบัญญัติส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กโดยใช้เชื้อเพลิงชีวภาพหรือพลังงานทดแทน
3.สร้างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายก๊าซธรรมชาติให้ทั่วถึง
4.ตราพระราชบัญญัติมาตรฐานการประหยัดพลังงานในยานยนต์ เครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอาคารที่อยู่อาศัย
5.ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาค (Energy Hub)
6.เชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียวโดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าส่งไฟฟ้า
ด้านการท่องเที่ยว
1.ส่งเสริมวัฒนธรรมการต้อนรับนักท่องเที่ยว
2.ป้องกันมิให้กิจการการท่องเที่ยวส่งผลกระทบวิถีชีวิตของชุมชน
3.ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว
ด้านสังคม
1.เสริมสร้างสถาบันครอบครัว
2.คุ้มครองเด็กและเยาวชนจากความรุนแรง
3.ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย
4.สนับสนุนบทบาทของผู้หญิงในทางการเมือง
5.ออกกฎหมายการให้บริการแก่ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส
ด้านกีฬา
1.ลดภาษีอุปกรณ์กีฬาทุกประเภท
2.ขจัดปัญหาการผูกขาดของสมาคมกีฬาทุกประเภท