ต้นตระกูลไทย (พ.ศ. 2546)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรคต้นตระกูลไทย

พรรคต้นตระกูลไทย ก่อตั้งโดย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ จดทะเบียนพรรคการเมืองในวันที่ 15 ตุลาคม 2546

ในปี 2547 นายชูวิทย์ หัวหน้าพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามของพรรคต้นตระกูลไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ภายหลังจากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร นายชูวิทย์ประกาศเดินหน้าเปิดตัวพรรคต้นตระกูลไทยเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปในต้นปี 2548 ดังที่นายชูวิทย์ประกาศว่า “ผมขอประกาศจุดยืนว่าผมจะนำพาพรรคต้นตระกูลไทยไปสู่การเลือกตั้งและพรรคต้นตระกูลไทยจะเป็นพรรคพันธุ์ใหม่จะมีไว้เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ถ้าเป็นฝ่ายค้านก็ไม่ค้านดะตั้งแต่ตะปูยันเรือรบ ถ้าเป็นรัฐบาลก็ไม่สนับสนุนทุกอย่างถ้านโยบายเอื้อผลประโยชน์ทับซ้อนให้กับพรรคพวก ผมจะเข้าไปปฎิวัติการเมืองที่เป็นวงจรอุบาทว์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งแนวทางการต่อสู้ของผมจะเข้มข้นดุเดือดและสีสันเหมือนการสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ ผมจะไม่ซื้อเสียง ไม่ซื้อตัวสส.แต่จะนำคนใหม่ ๆ มาทำงานร่วมกันความจริงถ้าสู้ก็ต้องแพ้แต่จะดูว่าประชาชนจะเลือกใคร ผมเคยได้ 3 แสนคะแนน แต่ต่อไปอาจจะได้ 2 ล้านหรือ 3 ล้าน ก็ได้ การเมืองเป็นสิ่งปาฎิหารย์ไม่มีใครอยู่ได้ตลอดในระบอบประชาธิปไตย มีขาขึ้น ขาลง 4 ปีบางครั้งไม่ทำอะไรเลยหรือ 4 ปีทำมากเกินไป ไม่มั่นคง” [1]

โดยเป้าหมายของพรรคก็คือ

"นโยบายพรรคต้นตระกูลไทยนั้นเราไม่มี เราไม่หวังเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราหวังเป็นรัฐบาล เราหวังทำงานดูแลคนที่เป็นนายกฯให้อยู่ในร่องในรอย ตรวจสอบการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ” [2]

และพรรคมีเป้าหมายจะทำ “โครงการ ‘Spirit Of Bangkok’ ที่ก่อสร้างสวนสาธารณะ หอศิลป หอสมุด และสโมสรเยาวชน ซึ่งจะใช้งบ 1.7 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการใช้เงินที่สร้างประโยชน์ให้ประชาชนอาจจะส่งผลต่อพรรคต้นตระกูลไทยให้ได้รับเลือกตั้ง ถ้าพรรคอื่นจะใช้วิธีแบบตนก็ไม่ว่าดีกว่าการใช้เงินไปหว่านซื้อตัวส.ส.หรือซื้อเสียงเลือกตั้งแล้วเข้าไปถอนทุนและภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ตนจะเปิดโครงการสร้างความหวังให้กว่า 1 พันชุมชนในกรุงเทพโดยจะบริจาคสถานที่ให้สร้างสนามเด็กเล่น ศูนย์รับเลี้ยงเด็กอ่อน เพื่อวางรากฐานในการเลือกตั้งครั้งต่อไป” [3]

ในช่วงปี 2547 พรรคต้นตระกูลไทยภายใต้การนำของนายชูวิทย์ได้พยายามหาเสียงและแสดงนโยบายของพรรคในที่สาธารณะพร้อมกับดึงเอาอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองใหญ่อื่นๆเข้ามาเป็นแกนนำของพรรค เช่น นายณรงค์ นิยมไทย หรือ “หนานโฮ๊ะ” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกลายมาเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคต้นตระกูลไทย โดยดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหารพรรคต้นตระกูลไทยของ 6 จังหวัดภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แม่ฮ่องสอน และเขาก็ประกาศรายชื่อผู้สมัครชุดแรก 13 คน คือ จังหวัดเชียงใหม่ มี นายสมศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี, นายเกรียงกมล ศรีมา, นายเทเวศร์ ทะพิงแก, นายประเสริฐ ธนาฤทธิ์, ร.อ.พินูญ โพธาเจริญ, นายวิจิตร กูลเรือน และนายสมชาย ตั้งสัตยาบัน ส่วนจังหวัดลำพูนมี นายอิทธิฤทธิ์ อธิสุภรัตน์ และนายนพดล จอมจันทร์ยอง สำหรับจังหวัดลำปางมี นายเกริก กาศเจริญ,นายจัส แสนจิตร, พ.อ.เด็ดดวง ณ ลำปาง และนายศุภชาติ โรจน์รุ่ง โดยความคาดหวังหลักของพรรคจะอยู่ที่เขตภาคเหนือ ซึ่งนายชูวิทย์กล่าวว่า ในการเลือกตั้งที่จะถึงในปี 2548 พรรคต้นตระกูลไทยขอเพียง 3 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น[4]

และต่อมาในปี 2548 พรรคต้นตระกูลไทยภายใต้การนำของนายชูวิทย์ได้ล้มเลิกการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยประกาศยุบพรรคและรวมกับพรรคชาติไทย โดยนายชูวิทย์ได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2548 นายชูวิทย์ลงสมัครเลือกตั้งทั่วไป เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ สังกัด พรรคชาติไทย แต่ภายหลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วัน จึงพ้นจากความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคชาติไทย ต่อมาในปี 2549 นายชูวิทย์ได้ลาออกจากพรรคชาติไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาของจังหวัดกรุงเทพมหานคร แต่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิกถอนสิทธิการลงสมัคร เนื่องจากยังไม่พ้นสถานะภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบกำหนด 1 ปีก่อนที่จะลงสมัคร[5]

อาจกล่าวได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พรรคต้นตระกูลไทยยุบพรรครวมเข้ากับพรรคชาติไทย ซึ่งมีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรค ในวันที่ 6 มกราคม 2548 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของบทบาททางการเมืองของพรรคต้นตระกูลไทย ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีครึ่ง[6]


อ้างอิง

  1. คมชัดลึก (7 กันยายน 2547)
  2. http://www.prachatai.com/news/show.php?Category=pp&No=952
  3. คมชัดลึก (7 กันยายน 2547)
  4. http://www.prachatai.com/news/show.php?Category=pp&No=952
  5. http://tukim.tk.googlepages.com/
  6. ดูคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญใน http://www.concourt.or.th/download/Summary_desic/48/Summary_desic_thai/center-law3-48.pdf