ชาติสามัคคี (2549)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรคชาติสามัคคี (2549)

พรรคชาติสามัคคี เรียกชื่อย่อว่า “ช.ส.ม.” เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “CHART SAMUCCEE PARTY” และเรียกชื่อย่อว่า “C.S.P” ขึ้นทะเบียนเป็นพรรคการเมืองเลขที่ 14/2549 ได้รับการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 [1]

เครื่องหมายพรรคการเมืองมีลักษณะเป็นวงกลมสองวงซ้อนกัน วงด้านในมีพื้นเป็นสีขาว มีประชาชนเข้าแถวเคารพธงชาติบนทุ่งหญ้าสีเขียว วงกลมด้านนอกมีพื้นเป็นสีน้ำเงิน ด้านบนมีตัวอักษรภาษาไทยว่า “พรรคชาติสามัคคี” ด้านล่างมีตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า “CHART SAMUCCEE PARTY” เป็นสีแดง ด้านข้างทั้งสองของวงกลมมีรวงข้าวสีทอง ซึ่งมีความหมายดังนี้ [2] ธงชาติ หมายถึง เอกราชและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ประชาชน หมายถึง ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ ศาสนา

ทุ่งหญ้า หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของชาติและการกินดีอยู่ดีของประชาชน

รวงข้าว หมายถึง ชาวไร่ ชาวนา หรือเกษตรกรที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

สีแดง หมายถึง อุดมการณ์ประชาธิปไตย

สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์

มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่พรรคชาติสามัคคี ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 8/169 หมู่ที่ 4 หมู่บ้านศรีสามพราน ถนนเพชรเกษม ตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73110 [3]


ปณิธาน [4]

พรรคชาติสามัคคีจัดขึ้นจากสภาวการณ์ในอดีตที่เกิดการช่วงชิงอำนาจรัฐโดยวิธีรุนแรง เช่น รัฐประหาร การปลุกระดมมวลชนขึ้นสู้กับรัฐบาล ถือเป็นวิธีล้าสมัย แต่ปรากฏว่ายังไมมีพรรคที่เป็นของประชาชน (MASS PARTY) ที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีปณิธานที่จะสร้างพรรค “ชาติสามัคคี” ให้เป็นพรรคของประชาชน เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายในโลกเสรี


อุดมการณ์ของพรรคชาติสามัคคี [5]

สมาชิกพรรคยึดมั่นและศรัทธาการปกครองระบอบประชาธิปไตยสากลอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของชาติ


นโยบายของพรรคชาติสามัคคี [6]

“พรรคชาติสามัคคี” ยึดแนวทางของสิทธิประชาธิปไตยสากลที่ประกอบด้วย ทฤษฎีรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ ต่อการกำหนดนโยบายออกมา 12 ด้าน ดังนี้

1. นโยบายด้านการเมืองการปกครอง จะยึดถือตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้คนไทยมีสิทธิเสรีภาพสมบูรณ์ แก้กฎหมายบางฉบับที่ล้าหลัง ให้ข้าราชการประจำได้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเหมาะสม กระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น และสนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งองค์กรประชาธิปไตย

2. นโยบายด้านเศรษฐกิจ ทบทวนและแก้ไขแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ตรงกับสภาพความจริงและขีดความสามารถของชาติ ป้องกันการผูกขาดวิสาหกิจและพัฒนาระบบการบริหารรัฐวิสาหกิจ สนับสนุนการปฏิรูปที่ดิน เพื่อกระจายความเจริญ เป็นต้น

3. นโยบายด้านสังคม วัฒนธรรม ป้องกันและแก้ไขเหตุแห่งความไม่เป็นธรรมในสังคมทุกระดับ ปลูกจิตสำนึกและอุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งเสริมและสนับสนุนวัฒนธรรมอันดีของชาติ

4. นโยบายด้านการต่างประเทศ ดำเนินนโยบายอย่างอิสระให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของชาติ และลักษณะพิเศษของคนไทย และกระชับความสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศทั่วโลกทั้งการค้า การช่วยเหลือระหว่างกัน และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ

5. นโยบายด้านการป้องกันประเทศ พัฒนาพลังอำนาจของชาติให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพสูงทุกด้าน เพิ่มบทบาทของกองทัพกับการพัฒนา พัฒนาขีดจำกัดของกำลังพล รวมถึงปรับปรุงด้านสวัสดิการแก่ทหารผ่านศึก

6. นโยบายด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและสนับสนุนให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประโยชน์สูงสุด

7. นโยบายด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ประกันราคาสินค้าเกษตรอย่างเป็นธรรม ปรับปรุงหนี้สินของเกษตรกร และสนับสนุนการพัฒนาทั้งการเกษตรและอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

8. นโยบายด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม ปรับปรุงกฎหมายให้มีความเป็นธรรมแก่แรงงาน รวมถึงเพิ่มหลักประกันแก่ผู้ใช้แรงงานให้มากขึ้น

9. นโยบายด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ส่งเสริมการออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาระดับชาติ และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

10. นโยบายด้านการศึกษา ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคม ขยายการศึกษาภาคบังคับให้มากขึ้น และสนับสนุนให้ผลิตและเพิ่มคุณภาพของบุคลากรทางการศึกษา

11. นโยบายด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการสื่อสาร ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มีคุณภาพ

12. นโยบายด้านสตรี เด็ก เยาวชนและผู้ด้อยโอกาส ออกกฎหมายให้หญิงและชายมีความเท่าเทียมกัน ขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาสไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ

พรรคชาติสามัคคีเคยส่งผู้แทนราษฎรลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน จำนวน 1 กลุ่มจังหวัด ซึ่งลงสมัครในกลุ่มจังหวัดที่ 3 ซึ่งประกอบด้วย 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดเลย โดยส่งผู้แทนจำนวน 8 คน [7] เนื่องจากผู้สมัครสองคนมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง จึงถูกตัดสิทธิ์สองคนคือ นายประวิทย์ กิลี และนายจำนง สอนวงษ์ [8] และลงสมัครผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตที่จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 3 จำนวน 3 คน ได้แก่ ผู้สมัครหมายเลข 4 นายนพดล ไชยฤทธิเดช ผู้สมัครหมายเลข 5 นางเยาวภา บุญฒา และผู้สมัครหมายเลข 6 น.ส.วารุณี เข็มบุญ [9] แต่ไม่มีผู้สมัครรายใดได้ชนะการเลือกตั้ง และได้คะแนนเสียงไม่ถึง 0.5 ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง พรรคละไม่เกิน 250,000 บาท

มีรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคชาติสามัคคีเมื่อตั้งพรรคทั้งสิ้น 9 คน โดยมีรายชื่อในตำแหน่งสำคัญ ดังนี้ [10]

1. นายนพดล ไชยฤทธิเดช หัวหน้าพรรค

2. นางอินทิรา เสมเพียง รองหัวหน้าพรรค

3. นายคำสี แก้วธานี รองหัวหน้าพรรค

4. นางยงยุทธ อุตทาพงษ์ เลขาธิการพรรค

แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2549 นายยงยุทธ อุตทาพงษ์ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและตำแหน่งเลขาธิการพรรค พรรคชาติสามัคคีได้แต่งตั้งให้นางอินทิรา เสมเพียร รองหัวหน้าพรรคทำหน้าที่แทนเลขาธิการพรรค [11]

ทางไอทีวีเคยเชิญนายนภดล ไชยฤทธิเดชร่วมนั่งสนทนาเกี่ยวกับนโยบายพรรค [12]รวมถึงเคยเสนอยื่นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ร่วมกับพรรคการเมืองที่ไม่มีส.ส.อีก 14 พรรคการเมือง [13]

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 87 ง, วันที่ 31 สิงหาคม 2549, หน้า 79,89.
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 87 ง, วันที่ 31 สิงหาคม 2549, หน้า 89-91.
  3. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 87 ง, วันที่ 31 สิงหาคม 2549, หน้า 91.
  4. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 87 ง, วันที่ 31 สิงหาคม 2549, หน้า 79-80.
  5. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 87 ง, วันที่ 31 สิงหาคม 2549, หน้า 91.
  6. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 87 ง, วันที่ 31 สิงหาคม 2549, หน้า 80-89.
  7. สามารถดูรายชื่อผู้สมัครเพิ่มเติมได้ที่ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 93ก, 18 ธันวาคม 2550, หน้า 100.
  8. ไทยโพสต์, 22 พฤศจิกายน 2549.
  9. เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ 13 พฤศจิกายน 2549.
  10. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 87ง, วันที่ 31 สิงหาคม 2549, หน้า 114.
  11. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 127 ง, 7 ธันวาคม 2549, หน้า 143.
  12. บ้านเมือง, 1 ธันวาคม 2549.
  13. เดลินิวส์, 4 เมษายน 2550.