การได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง วัชรา ไชยสาร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ พรรณราย ขันธกิจ


การได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งกับการเลือกตั้ง

การสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแตกต่างจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาถือเป็นผู้แทนที่ประชาชนเลือกให้ไปทำหน้าที่แทนในทางนิติบัญญัติและทางการบริหารแทนตนด้วยมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงจำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง ของประชาชนโดยตรง แต่สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นตัวแทนขององค์กรกลุ่มในภาคเศรษฐกิจ และกลุ่มในภาคสังคม ฐานทรัพยากร และผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีพื้นฐานจากลักษณะของอาชีพและกิจกรรม ที่เข้ามาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะในปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ สมาชิกสภาที่ปรึกษาต้องไม่มีตำแหน่งทางการเมือง และไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองด้วย[1] สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ จึงมิได้หมายถึงผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถือเป็นกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายและการบริหารประเทศ ดังนั้น การได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง

กรอบแนวคิดและเจตนารมณ์ของการได้มาของสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ

สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ที่เป็นอิสระจากภาคการเมืองและภาคประชาชน การได้มาของสมาชิกที่หลากหลาย ครอบคลุมครบถ้วนเพียงพอที่จะเป็นผู้แทนทำหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ของสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ได้

(1) ที่มาของการกำหนดการได้มาของสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ วิธีการได้มาของสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ได้ปรับเปลี่ยนจาก “ฉบับร่างพระราชบัญญัติฯต้นแบบ” ซึ่งการได้มามี “ภาคราชการ” เข้ามาเกี่ยวข้องในการพิจารณาอยู่มาก ดังนั้นร่างพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงกำหนดการได้มาโดยยึดหลักการสำคัญที่ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ มาจาก 3 ขั้นตอนหลัก คือ

ขั้นตอนแรก ให้ “องค์กร” ของกิจกรรมพื้นฐานเป็นผู้เสนอผู้สมควรเป็นตัวแทน

ขั้นตอนที่สอง ให้ “ผู้ได้รับการเสนอชื่อ” มาจากต่างพื้นที่ จากความหลากหลายเชิงกิจกรรมและการคำนึงถึงความหลากหลายด้านเพศด้วย

ขั้นตอนที่สาม ผู้เป็นสมาชิกของสภาที่ปรึกษาฯ ให้มาจากกลุ่มผู้ได้รับคะแนนสูงสุดที่มาเลือกกันเอง

ทั้งนี้ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติฯ ให้ “หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหาสมาชิกและวิธีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกเป็นอำนาจของคณะกรรมการสรรหาโดยเหตุผลหลักเพื่อให้การได้มาของสมาชิกฯ ในแต่ละคราวเป็นไปอย่างยืดหยุ่นเหมาะสมกับภาวการณ์ ความต้องการที่ปรึกษาฯ ของประเทศชาติในขณะนั้น และในขณะเดียวกันต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์กรอบพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติที่ให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ จากหลากหลายพื้นที่ครบถ้วนในเชิงกิจกรรมคำนึงสัดส่วนในเรื่องเพศแล้วด้วย”

ข้อสังเกตในข้อนี้คือ ในแง่ของความสอดคล้องตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ นับว่าสอดคล้องอย่างดี แต่ในเชิงผู้ปฏิบัติ (สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ) ขั้นตอนดังกล่าวยุ่งยากซับซ้อนต่อการปฏิบัติมาก อย่างไรก็ตาม ในการร่างพระราบัญญัติฯ ได้พยายามหาวิธีการและขั้นตอนที่จะทำให้สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ ปฏิบัติง่ายและสนอบตอบต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ[2]

กระบวนการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ

การดำเนินงานตามกระบวนการสรรหาเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ประกอบด้วยขั้นตอน 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้[3]

(1) การเลือกกรรมการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

การเลือกกรรมการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ตามพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 กำหนดให้คณะกรรมการสรรหาฯ มีจำนวน 21 คน โดยมีประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธานโดยตำแหน่ง มีกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนจากองค์กรกลุ่มต่าง ๆ ที่เลือกกันเองเข้ามาเป็นกรรมการ อีก 20 คน และให้เลขาธิการ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่เลขานุการ

คณะกรรมการสรรหาฯ มีหน้าที่ในการกำหนดระเบียบว่าด้วยการสรรหา ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ คุณสมบัติองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกสภา ที่ปรึกษาฯ รวมถึงวิธีการตรวจสอบคุณสมบัติองค์กร โดยให้องค์กรตรวจสอบกันเองและยื่นคำคัดค้าน ให้นิยามความหมายของกลุ่มอาชีพเพื่อเป็นแนวทาง คัดเลือกสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ กำหนดหลักฐาน ที่ใช้สมัคร ตลอดจนระยะเวลาในการรับสมัคร

(2) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ

คณะกรรมการสรรหาฯ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 6 คณะ คณะละ 12 คน คณะอนุกรรมการมีอำนาจหน้าที่เสนอรายชื่อองค์กรที่มีคุณลักษณะและมีกิจกรรมที่เหมาะสมให้เป็นองค์กรผู้มีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกของกลุ่มนั้น ๆ โดยคำนึงถึงองค์กรที่มีการดำเนินกิจกรรมจริงและมีลักษณะการบริหารงานเป็นที่ปรากฏอย่างต่อเนื่องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการสรรหากำหนดทั้งนี้ต้องคำนึงถึงการกระจายบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนไปตามภาคอาชีพ เพศ และขนาดของกิจการ

(3) การดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการสรรหาฯ กำหนด

การดำเนินการสรรหาสมาชิกฯ ตามหลักการและวิธีการที่คณะกรรมการสรรหาฯ กำหนดซึ่งมีกระบวนการดังนี้

1) การรับสมัครองค์กร องค์การที่มีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการสรรหาฯ กำหนด ยื่นใบสมัครเพื่อเป็นองค์กรผู้มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ พร้อมเสนอชื่อบุคคลมาในคราวเดียวกัน โดยบุคคลที่ถูกเสนอชื่อต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 ของพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาฯ จำนวน 3 คน และเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 1 คนด้วย โดยยื่นใบสมัครได้ที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ โดยตรงหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับมายังสำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ

2) การคัดเลือกองค์กรผู้มีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ คณะอนุกรรมการแต่ละคณะจะพิจารณาเสนอรายชื่อองค์กรที่มีคุณสมบัติและมีกิจกรรมที่เหมาะสมให้เป็นองค์กรผู้มีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกของกลุ่มนั้นๆ และประกาศรายชื่อองค์กรผู้มีสิทธิเพื่อฟังคำคัดค้าน

3) การคัดเลือกบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ คณะอนุกรรมการแต่ละคณะ จะคัดเลือกบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรผู้มีสิทธิเสนอชื่อ ให้เหลือตามจำนวนที่คณะกรรมการสรรหากำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 3 เท่า ของจำนวนสมาชิกที่จะพึงมีได้สำหรับกลุ่มนั้นๆ

ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงการกระจายบุคคลตามภาค อาชีพ เพศ ขนาดของกิจการ และสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒินั้นต้องเป็นบุคคลซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชนว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีภูมิปัญญาอย่างแท้จริง

การประชุมสัมมนาคัดเลือกกันเองของบุคคลเพื่อเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2548)

4) การคัดเลือกกันเองของผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ บุคคล ผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะอนุกรรมการของแต่ละกลุ่มจะประชุมเพื่อทำการคัดเลือกกันเองเพื่อให้ได้บุคคลผู้ที่จะเป็นสมาชิกตามจำนวนที่จะพึงมีได้สำหรับกลุ่มนั้น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้ายของพระราชบัญญัติ และให้จัดทำบัญชีรายชื่อสำรองสำหรับบุคคลที่ได้คะแนนในลำดับรองลงไป 10 คนแรกของแต่ละกลุ่ม

5) การตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับการคัดเลือก สำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ ตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ และนำรายชื่อสมาชิกที่ได้รับการคัดเลือกเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการประกาศรายชื่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

6) ประกาศรายชื่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในราชกิจจานุเบกษาสำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ นำรายชื่อสมาชิกที่ได้รับการคัดเลือกเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการประกาศรายชื่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

กระบวนการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ข้อวิพากษ์เกี่ยวกับการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ

สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ มาจากการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ และคณะอนุกรรมการ ซึ่งมีองค์ประกอบเป็น “เบญจภาคี” โดยมาจากทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคการผลิต ภาคแรงงาน ภาคสื่อมวลชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้ได้สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ที่ครอบคลุมผู้แทนขององค์กรประชาสังคมจากทุกภาคส่วนและมีความหลากหลายอย่างแท้จริง โดยที่การสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ เป็นรูปแบบและวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ที่ค่อนข้างยุ่งยาก และมีปัญหาในการดำเนินการค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับและมีการนำประยุกต์ดัดแปลง และปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องไปใช้การได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 และการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จำนวน 74 คน รวมทั้งองค์กรอื่น ๆ อีกหลายองค์กร ซึ่งกระบวนการสรรหาในลักษณะนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีช่องทางการเข้าสู่ตำแหน่งอย่างไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม ไม่ต่างจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

ดูเพิ่มเติม

พรรณราย ขันธกิจ. การวางยุทธวิธี และกระบวนการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จนถึงการจัดทำร่างพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. เอกสารผลงานลำดับที่ 1 เพื่อเสนอพิจารณาให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ระดับ 10 (ชช.) ที่ปรึกษากลุ่มงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรุงเทพฯ 2543.

พรรณราย ขันธกิจ. บทบาทและหน้าที่ขององค์กรสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. นนทบุรี : สถาบันพระปกเกล้า, 2548.

สถาพร วชิรโรจน์. ความคิดเห็นของประชาชนต่อสาระสำคัญในร่างพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. ภาคนิพนธ์ หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2543.

วัชรา ไชยสาร. จากสมัชชาแห่งชาติ 2516 ถึงสมัชชาแห่งชาติ 2549. วารสารสถาบันพระปกเกล้า. ปีที่ 4 ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม 2549.

รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30/2542-2543 วันที่ 15 มีนาคม 2543.

รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 5/2543 วันที่ 12 กรกฎาคม 2543.

รายงานการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 5/2543 วันที่ 28 สิงหาคม 2543.

รายงานการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 19/2543 วันที่ 13 ตุลาคม 2543.

รายงานการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 20/2543 วันที่ 16 ตุลาคม 2543.

รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 34/2543 วันที่ 19 ตุลาคม 2543.

สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาศาสตร์. โครงการวิจัยเสริมสร้างประสิทธิภาพและประเมินผลการสรรหาสมาชิสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 3, 2552.

สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาศาสตร์. การสร้างสร้างความรู้และความเข้าใจและพัฒนา กระบวนการสรรหาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2551.

สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. รายงานประจำปี 2548.

สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. รายงานประจำปี 2552.

www.nesac.go.th/

ที่มา

บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เรื่องเสร็จที่ 389/2548, 30 มิถุนายน 2548)

สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. กรุงเทพฯ : เพชรรุ่งการพิมพ์ จำกัด, 2544. หน้า 46 – 47.

พระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 มาตรา 6.

อ้างอิง

  1. บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (เรื่องเสร็จที่ 389/2548, 30 มิถุนายน 2548)
  2. สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. กรุงเทพฯ : เพชรรุ่งการพิมพ์ จำกัด, 2544. หน้า 46 – 47.
  3. พระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 มาตรา 6.