การบริหารจัดการภัยพิบัติในอาเซียน
บทนำ
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 “ประชาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” หรือที่รู้จักกันในนามของอาเซียนก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้นพร้อมกับมีการทำคำประกาศกรุงเทพฯขึ้นเพื่อยืนยันถึงความร่วมมือกันในด้านต่างๆของเหล่าผู้ก่อตั้ง ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือสันติภาพและความมั่นคง ซึ่ง “การบริหารจัดการภัยพิบัติ” นั้นก็ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งของความร่วมมือกันในด้านสังคม เพื่อช่วยให้อาเซียนสามารถพัฒนาต่อไปได้ด้วยดี ซึ่งในปัจจุบันหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัติในอาเซียนก็คือคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ และมีความตกลงที่เป็นหัวใจของการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เรียกว่า “ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน”
ความเป็นมา
ภายใต้กรอบความร่วมมือตามปฏิญญากรุงเทพที่มีขึ้นในปี ค.ศ. 1967 นั้น ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชั่วคราวเพื่อติดตามดูแลและทำหน้าที่ในเรื่องต่างๆตามที่ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนได้ตัดสินใจ โดยหนึ่งในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นก็คือ ASEAN Permanent Committee on Socio-Cultural Activities คณะกรรมการดังกล่าวปฏิบัติงานด้านสังคมและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการดูแลเกี่ยวกับภัยพิบัตินั่นเอง [1]
ในปี ค.ศ. 1976 ผู้นำอาเซียน (ซึ่งในขณะนั้นมี 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนิเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย) ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียนฉบับที่ 1 (Declaration of ASEAN Concord I: Bali Concord I) ซึ่งระบุว่าภัยธรรมชาตินั้นส่งผลต่อการพัฒนาของประเทศสมาชิกได้ ดังนั้นประเทศสมาชิกจึงควรจะช่วยเหลือกันและกันตามกำลังความสามารถของตน [2] ต่อมาในปี ค.ศ. 2003 ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียนฉบับที่ 2 (Declaration of ASEAN Concord II: Bali Concord II) ก็ได้มีเป้าหมายในการจัดตั้งประชาคมอาเซียน โดยมีการวางแผนในเรื่องของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดการภัยพิบัติอยู่ในข้อ B7 ซึ่งผลักดันให้มีการทำความตกลงว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและจัดตั้งศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สนับสนุนให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการรับมือภัยพิบัติและการแบ่งปันข้อมูลแก่กัน รวมไปถึงการให้ความรู้การฝึกอบรมและการเตรียมการต่างๆเกี่ยวกับภัยพิบัติ[3] และในแผนงานของประชาคมการเมืองและความมั่นคงข้อ B5 ที่ต้องการให้มีการกำหนดกรอบการดำเนินงานด้านการจัดการภัยพิบัติทั้งในการเตรียมพร้อมรับมือและการบรรเทาภัยพิบัติและการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิก ส่งเสริมให้ทหารและพลเรือนร่วมมือกันรับมือกับภัยพิบัติ และผลักดันให้มีการร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องในการจัดการกับภัยพิบัติ เช่น การประชุมอาเซียนว่าด้วยการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก [4]
คณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ (ACDM)
สมัยก่อนคณะกรรมการนี้มีชื่อเรียกว่า คณะผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติของประเทศอาเซียน ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1971 ก่อนจะได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณะผู้เชี่ยวชาญด้านภัยธรรมชาติของประเทศอาเซียน จนสุดท้ายในปี ค.ศ. 1993 ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ASEAN Committee on Disaster Management (ACDM) [5] ซึ่งในที่นี้คำนิยาม “ภัยพิบัติ” หมายรวมถึงทั้งภัยที่เกิดโดยธรรมชาติและภัยที่เกิดจากฝีมือของมนุษย์
กิจกรรมที่เป็นหัวใจของการดำเนินงานของคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติคือการประชุมประจำปีของคณะกรรมการฯ การประชุมครั้งแรก มีขึ้นในปี ค.ศ. 2003 โดยเป้าหมายของการประชุมคือการหามาตรการรับและบรรเทาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นพร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการและผลักดันให้เกิดความตกลงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งความตกลงที่นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของคณะกรรมการนี้ก็คือ “ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน (ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response)
ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน (AADMER)
ในเช้าของวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ.2004 เกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียใกล้กับฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา อินโดนิเซีย แผ่นดินไหวครั้งนั้นทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มหลายประเทศในมหาสมุทรอินเดีย ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจึงได้มีการจัดทำกรอบความร่วมมือของประเทศสมาชิกในเรื่องการจัดการภัยพิบัติขึ้นในนาม ”ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน” (ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response : AADMER) โดยมีจุดมุ่งหมายคือ บรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติ ร่วมกันรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และสร้างประชาคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยความตกลงนี้ได้มีการลงนามกันในปี ค.ศ. 2005 [6]
ความตกลงดังกล่าวได้วางแนวทางความร่วมมือของประเทศสมาชิกไว้ว่า ให้ประเทศสมาชิกแบ่งปันข้อมูลและช่วยกันลดความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ รวมทั้งการช่วยกันจับตาดูความเสี่ยงของการเกิดภัยพิบัติและพัฒนาวิธีการเฝ้าระวังภัยพิบัติ การประเมินผล และระบบเตือนภัย พร้อมทั้งต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆอย่างทันท่วงที และการฟื้นฟูประเทศหลังจากภัยพิบัติสิ้นสุดลง [7]
ภายใต้ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นมีการวางแผนงานและก่อตั้งองค์กรที่สำคัญอันได้แก่
4.1 ระบบเตรียมความพร้อมเพื่อบรรเทาภัยพิบัติและสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินของอาเซียน ภายใต้ข้อที่ 8 และ 9 ของAADMER ซึ่งเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้วางหลักให้มีการจัดทำระบบเตรียมความพร้อมเพื่อบรรเทาภัยพิบัติและสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินของอาเซียน (standby arrangements for disaster relief and emergency response) โดยแบ่งเป็นสองส่วน คือ
4.1.1.1 วิธีให้ความช่วยเหลือแก่กัน ซึ่งในข้อที่ 8 ของ AADMERได้วางแนวทางให้ประเทศสมาชิกพัฒนาขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติเพื่อที่จะได้สามารถช่วยเหลือกันและกัน ส่งเสริมให้มีการฝึกซ้อมเพื่อรับสถานการณ์จริง(ASEAN Regional Disaster Emergency Simulation Exercises : ARDEX) และการให้ข้อมูลแก่ศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอาเซียนเพื่อจะได้มีการประเมินความพร้อมของระบบรับมือดังกล่าวต่อไป [8] เพื่อจุดประสงค์นี้จึงมีการจัดทำคู่มือปฏิบัติการในการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ (Standard Operating Procedures for Regional Standby Arrangement and Coordination of Joint Disaster Relief and Emergency Response Operation : SASOP) โดยคู่มือนี้จะกล่าวถึงทั้งการจัดองค์กร การเตรียมความพร้อม การประเมินและติดตามภัยพิบัติ การตอบสนองในสถานการณ์ฉุกเฉิน การอำนวยความสะดวกและการเข้าช่วยเหลือ[9]
4.1.1.2 การแสดงข้อมูลทรัพย์สินและศักยภาพของแต่ละประเทศสมาชิกว่าแต่ละประเทศสามารถให้ความช่วยเหลือได้มากเท่าใด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็ให้ส่งไปยังศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียนต่อไป [10]
4.2 ศูนย์ประสานงานการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน (AHA Centre)
ในข้อที่ 20 ได้มีการกำหนดให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขึ้นเพื่อประโยชน์ในการร่วมมือกันของประเทศสมาชิกกับองค์การสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศ การทำงานของศูนย์นี้คือเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น ให้ประเทศสมาชิกจัดการกันเองก่อน และหากต้องการความช่วยเหลือใดๆ AHA Centre ก็จะช่วยประสานงานให้ [11] นอกจากการอำนวยความสะดวกและช่วยประสานงานแล้ว AHA Centre ยังมีหน้าที่ในการติดตามข้อมูลจากประเทศสมาชิก ประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติ และแจ้งเตือนแก่ประเทศสมาชิก รวบรวมข้อมูลบัญชีรายการทรัพย์สินและศักยภาพเพื่อพัฒนาความสามารถในการตอบสนองต่อภัยพิบัติ และทำภารกิจอื่นๆตามที่ที่ประชุมระดับผู้นำภาคีได้มอบหมายให้ และเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นก็ต้องเข้าประเมินสถานการณ์และสนับสนุนประสานงานช่วยเหลือต่อไป [12]
ความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติระหว่างอาเซียนกับองค์กรอื่นนอกภูมิภาค
จากการประชุมร่วมกันระหว่างอาเซียนกับองค์การสหประชาชาติในปี ค.ศ. 2010 ส่งผลให้เกิดแถลงการณ์ร่วมในการดำเนินความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติระหว่างคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติและองค์การสหประชาชาติ โดยแถลงการณ์ดังกล่าวประสงค์จะให้มีกลไกการรับมือภัยพิบัติที่อาเซียนและองค์การสหประชาชาติร่วมกันจัดทำขึ้น ซึ่งกลไกดังกล่าวจะครอบคลุมในเรื่องของการประเมินความเสี่ยงและหาทางลดความเสี่ยง การเตรียมการรับมือ การเตือนภัย การตรวจสอบ การตอบสนอง และการฟื้นฟูความเสียหาย [13]
5.2 กรอบความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum หรือ ARF)
ARF จะมีการประชุม inter-sessional meeting ซึ่งเป็นการประชุมเฉพาะเรื่อง และการรับมือกับภัยพิบัติก็เป็นหนึ่งในหัวข้อการประชุม ปัจจุบันประเทศที่เข้าร่วมในความร่วมมือนี้นอกจากอาเซียนแล้วก็ได้แก่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพยุโรป รัสเซีย แคนาดา และ สหรัฐอเมริกา [14]
5.3 ASEAN+3
เป็นการร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน กับ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ซึ่งความร่วมมือนี้มีในรูปแบบการประชุมระหว่าง ACDM และสมาชิก ASEAN+3 เพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะสร้างความร่วมมือในการจัดการภัยพิบัติ เช่นการฝึกซ้อม และการแบ่งปันข้อมูล [15]
5.4 สหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาการเฝ้าระวังและประเมินผลภัยพิบัติ และให้ความสนับสนุนทางด้านการเงินให้แก่ AHA Centre [16]
5.5 รัสเซีย
มีการร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินสำหรับการตอบสนองภัยพิบัติ และการสนับสนุนแบบแผนเพื่อการพัฒนา AHA Centre [17]
5.6 สหรัฐอเมริกา
สนับสนุนด้านการเงินให้กับการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการที่ไทยในปี ค.ศ.2012 และยังให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและการเตือนภัยทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อการรับมือกับภัยพิบัติภายในภูมิภาค [18]
บรรณานุกรม
กระทรวงต่างประเทศ. 2014. “กรอบความร่วมมือ : การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum – ARF).” http://www.mfa.go.th/main/th/world/7/19893-การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและค.html (accessed April 20,2015)
สำนักวิจัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ. 2012. “คณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ.” http://122.155.1.145/site6/download-src.php?did=5303 (accessed April 18, 2015)
The ASEAN Secretariat. 2014. “I. ASEAN Plus Three Cooperation.” http://www.asean.org/archive/22208.pdf (accessed April 20, 2015)
The ASEAN Secretariat. 2015. “Overview of ASEAN-EU Dialogue Relations.” http://www.asean.org/news/item/overview-of-asean-eu-dialogue-relations (accessed April 20, 2015)
The ASEAN Secretariat. 2015.” Overview of ASEAN-Russia Dialogue Relations.” http://www.asean.org/news/item/overview-of-asean-russia-dialogue-relations (accessed April 20, 2015)
The ASEAN Secretariat. 2015. “Overview of ASEAN-U.S..” http://www.asean.org/news/item/overview-of-asean-us-dialogue-relations (accessed April 20, 2015)
อ้างอิง
- ↑ NTS ALERT. (2008). ASEAN Ministerial Meeting: Taking Stock of Challenges.
- ↑ Declaration of ASEAN Concord (1976).
- ↑ ASEAN SOCIO-CULTURAL COMMUNITY BLUEPRINT (2003).
- ↑ ASEAN Political – Security Community (APSC) Blueprint (2003).
- ↑ สำนักวิจัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ. 2012. “คณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ.” http://122.155.1.145/site6/download-src.php?did=5303 (accessed April 18, 2015)
- ↑ ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response (2005): Article 2.
- ↑ ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response (2005): Article 4.
- ↑ ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response (2005): Article 8.
- ↑ Standard Operating Procedures for Regional Standby Arrangement and Coordination of Joint Disaster Relief and Emergency Response Operation (2008).
- ↑ ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response (2005): Article 9.
- ↑ ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response (2005): Article 20
- ↑ Agreement on the Establishment of the ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on disaster management (2011).
- ↑ Joint Declaration on ASEAN-UN Collaboration in Disaster Management (2010).
- ↑ กระทรวงต่างประเทศ. 2014. “กรอบความร่วมมือ : การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum – ARF).” http://www.mfa.go.th/main/th/world/7/19893-การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและค.html (accessed April 20,2015)
- ↑ The ASEAN Secretariat. 2014. “I. ASEAN Plus Three Cooperation.” http://www.asean.org/archive/22208.pdf (accessed April 20, 2015)
- ↑ The ASEAN Secretariat. 2015. “Overview of ASEAN-EU Dialogue Relations.” http://www.asean.org/news/item/overview-of-asean-eu-dialogue-relations (accessed April 20, 2015)
- ↑ The ASEAN Secretariat. 2015.” Overview of ASEAN-Russia Dialogue Relations.” http://www.asean.org/news/item/overview-of-asean-russia-dialogue-relations (accessed April 20, 2015)
- ↑ The ASEAN Secretariat. 2015. “Overview of ASEAN-U.S..” http://www.asean.org/news/item/overview-of-asean-us-dialogue-relations (accessed April 20, 2015)