การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
ผู้เรียบเรียง : ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิ เตชานันท์
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนให้มีการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมทั้งด้านสถาปัตยกรรม และจิตรกรรม มีทั้งการบูรณปฏิสังขรณ์และการก่อสร้างถาวรวัตถุซึ่งนำแบบศิลปะแบบไทยและแบบตะวันตกมาเป็นแบบแผนในการก่อสร้างด้วย
การบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพระบรมมหาราชวัง : การอนุรักษ์และการสืบทอด
ด้วยอายุกาลของกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งมั่นมาจนบรรจบครบ ๑๕๐ ปี ในเดือนเมษายน ปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ อันเป็นโอกาสที่ทั้งทางราชการ และประชาชนชาวไทย ควรปิติยินดี ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภชตามโบราณราชประเพณี ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงธรรมเนียมอันพึงปฏิบัติมาแต่กาลก่อน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิตเป็นแม่กองการบูรณปฏิสังขรณ์ในการฉลองสมโภชพระนครเป็นปฐม คือ การดำเนินการปฏิสังขรณ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระมหาอารามคู่บ้านคู่เมือง ถวายเป็นพุทธบูชาใช้เงินทั้งสิ้น ๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ทรงอุทิศจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ใช้เงินแผ่นดิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ในส่วนที่ยังขาดพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้คณะกรรมการจัดดำเนินการบอกบุญ ชักชวน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร และประชาชนเพื่อให้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลร่วมกัน[1] ดังนั้น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์แก้ไขการชำรุดเสื่อมสภาพในศาสนสถานทั่วไปทั้งหมดให้คืนคงงดงาม
การบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๗ นี้ เป็นการคราวใหญ่ครั้งที่๓ ถัดมาจากสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ยังมีการบูรณะพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท การสร้างพระอุโบสถบนลานพระปฐมเจดีย์ใหม่เพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุดยากแก่การปฏิสังขรณ์ ซึ่งแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
ด้วยเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในประเทศ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงเปลี่ยนจากการสร้างวัดประจำรัชกาลมาเป็นการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามพระอารามประจำรัชกาลพระบรมชนกนาถเกือบตลอดรัชกาล วัดนี้จึงเปรียบเสมือนวัดประจำรัชกาลของพระองค์ด้วย นอกจากจะเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังเมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตที่ประเทศอังกฤษ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงอัญเชิญพระบรมอัฐิกลับสู่พระนครจึงได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรังคารบรรจุไว้ ณ ฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระพุทธอังคีรสซึ่งเป็นพระประธานของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
โปรดเกล้าฯให้เขียนจิตรกรรมพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ปฏิสังขรณ์วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างมาตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยาโดยพระยาวรวงศาธิราช(คุณทอง) พระอัยกาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ดังนั้นวัดสุวรรณดารารามเสมือนเป็นวัดของพระบรมจักรีวงศ์ [2]
จิตรกรรมในพระวิหารวัดสุวรรณดารารามนั้น โปรดเกล้าฯให้พระยาอนุสาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) เป็นผู้เขียนขึ้นใหม่ เมื่อพ.ศ. ๒๔๗๔เป็นภาพเขียนเรื่องราวพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนสวรรคต มีภาพยุทธหัตถีเป็นภาพเด่นอยู่เหนือประตูด้านหน้า โดยใช้เทคนิคการวาดภาพแบบตะวันตกมาประยุกต์ใช้กับจิตรกรรมฝาผนังไทยเป็นภาพสีน้ำมันเสมือนจริงทั้งหน้าตา ร่างกาย กล้ามเนื้อ สัดส่วน และเครื่องแต่งกายได้รับความเห็นชอบจากราชบัณฑิตยสภา ซึ่งราชบัณฑิตยสภาออกความคิดเห็นให้เขียน โดยกะให้เขียนเป็นช่องๆ เป็นเรื่องๆ โดยยึดเอาพระราชพงศาวดารเป็นหลัก นับเป็นภาพจิตรกรรมเล่าเรื่องที่ปรากฏคุณค่ามาจนทุกวันนี้
พระปฐมบรมราชานุสรณ์และสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ
ในโอกาสการเฉลิมฉลองวาระที่พระนครและพระบรมจักรีวงศ์มีอายุครบ ๑๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่าสมควรจะสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อเป็นพระปฐมบรมราชานุสรณ์ที่ระลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมจักรีวงศ์ และเพื่อเป็นการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์ จึงโปรดเกล้าฯให้ประกาศสร้างปฐมบรมราชานุสรณ์เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ และมีการก่อสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้าเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๗๒ เพื่อเชื่อมการคมนาคมระหว่างกรุงเทพมหานครและธนบุรี ผู้ริเริ่มความคิดนี้คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานเงินเป็นทุนสนับสนุนในการก่อสร้างเป็นเงิน ๒ ล้านบาท รวมกับเงินบริจาคของประชาชนในการก่อสร้างและพระราชทานที่ดิน ตำบลวัดราชบูรณะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ก่อสร้างรวมกับที่ดินที่รัฐบาลจัดซื้อเพิ่มเติมเป็นเงินก่อสร้างทั้งหมดจำนวนสี่ล้านบาท
ลักษณะของสะพานเสมือนลูกศรพุ่งผ่านใจเมืองออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ อุปนายกราชบัณฑิตยสภา ผู้อำนวยการแผนกศิลปากรในเวลานั้น ส่วนพระบรมรูปปั้นโดยนายโคราโด เฟโรจี (ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี) นายช่างปั้นชาวอิตาเลียน ซึ่งรับราชการอยู่ที่ศิลปากรสถาน
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดป้ายและวิถีสะพานเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๕
ไกลกังวล : วังแห่งเดียวที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๗
จากหลักฐานพบว่า ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการก่อสร้างวังเพียงแห่งเดียว คือ วังไกลกังวล ที่หัวหิน ผู้ออกแบบคือ หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร สถาปนิกรุ่นแรกที่ไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส วังไกลกังวลเริ่มก่อสร้างตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๖๙ แล้วเสร็จในปีพ.ศ. ๒๔๗๒ รูปแบบสถาปัตยกรรมเรียบง่ายไม่ซับซ้อนคล้ายบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ แสดงให้เห็นถึงสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ นับเป็นการดัดแปลงอิทธิพลจากตะวันตกให้สอดคล้องกลมกลืนกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของไทยได้อย่างเหมาะสม
ตลอดระยะเวลา ๙ ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ บ่งชี้ให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯให้มีการสืบทอดฝีมือช่างหลวงทางด้านสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณี มีหลักฐานจากการบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามสำคัญต่างๆแล้วยังมีการเปิดรับรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกเข้ามาผสมผสานได้อย่างลงตัว และงดงามสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง
- ↑ สถาบันพระปกเกล้า. สมุดภาพรัชกาลที่ ๗ สถาบันพระปกเกล้าจัดพิมพ์เป็นที่ระลึก ในนิทรรศการอวดภาพและของหายากยุครัชกาลที่ ๗ กรุงเทพฯ : อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่งจำกัด (มหาชน).หน้า ๑๕๒.
- ↑ วัดสุวรรณดาราราม รัชกาลที่ ๑ ทรงสร้างพระอุโบสถ รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างกุฏิถวายรัชกาลที่ ๒ และทรงสร้างศาลการเปรียญ รัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างพระเจดีย์ รัชกาลที่ ๕ ทรงสร้างพระวิหารต่อจากรัชกาลที่ ๔ จนเสร็จ สำหรับจิตรกรรมพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในพระวิหารเขียนขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๗.
บรรณานุกรม
กรมศิลปากร. (๒๕๓๖) พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาประชาธิปก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในพระราช พิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทานในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันพระบรมราช สมภพครบ ๑๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๖. กรุงเทพฯ :กรมศิลปากร.
ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร (๒๕๕๖) “.ความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงของศิลปวัฒนธรรมสมัย รัชกาลที่ ๗” ใน ๑๒๐ ปี ผ่านฟ้า ประชาธิปก. โครงการพัฒนาและเผยแพร่สารสนเทศ พระปกเกล้าศึกษาสู่ชุมชนเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาส ๑๒๐ ปีวันคล้ายวันพระ บรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ สำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).
แน่งน้อย ศักดิ์ศรี. (๒๕๓๗) “สถาปัตยกรรมในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” ในเอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการเนื่องในวาระครบ ๑๐๐ ปี พระราชสสมภพ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่องสังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, มปท.มปพ.
วิไลรัตน์ ยังรอด. (๒๕๔๖) “จิตรกรรมฝาผนังวัดสุวรรณดาราราม : พงศาวดารบนโครงภาพ พุทธประวัติ. วารสารเมืองโบราณ, ๒๙,(๔),๕๖-๖๓.
สถาบันพระปกเกล้า (๒๕๔๔) สมุดภาพรัชกาลที่ ๗ สถาบันพระปกเกล้าจัดพิมพ์เป็นที่ระลึก ในนิทรรศการอวดภาพและของหายากยุครัชกาลที่ ๗ กรุงเทพฯ : อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิ่งจำกัด (มหาชน).