งดใช้ข้อบังคับ
ผู้เรียบเรียง สิฐสร กระแสร์สุนทร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง
มนุษย์จัดได้ว่าเป็นสัตว์สังคมจำเป็นต้องอาศัยอยู่ร่วมกันพึ่งพากันและกัน แต่มนุษย์นั้นเมื่ออยู่รวมกันมาก ๆ สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ความคิดเห็น ประสบการณ์ หรือสิ่งอื่น ความแตกต่างเหล่านี้อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งได้ ฉะนั้นการที่มนุษย์จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสงบสุขนั้น จำเป็นต้องสร้างกฏ ระเบียบ แบบแผน ขนบธรรมเนียม ประเพณี หรือสิ่งอื่นใดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องควบคุมให้การอยู่ร่วมกันเป็นไปด้วยความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้ง
สำหรับการประชุมก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการประชุมแบบเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ หากการประชุมนั้นๆ ไม่มีกฏ ระเบียบ หรือข้อบังคับมาเป็นเครื่องมือในการควบคุมความเรียบร้อยในการประชุมแล้ว การประชุมดังกล่าวคงดำเนินไปด้วยความยากลำบาก และอาจเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการประชุมในระดับสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาซึ่งถือว่าเป็นการประชุมที่มีความสำคัญ ยิ่งจำเป็นต้องมีการกำหนดข้อบังคับการประชุม
ข้อบังคับการประชุม
ครั้งแรกที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ณ ห้องโถงชั้นบน พระที่นั่งอนันตสมาคม ในครั้งนั้นได้มีการใช้ข้อบังคับการประชุมสภาชั่วคราว โดยนำข้อบังคับการประชุมของสภาองคมนตรีมาใช้ไปพลางก่อน[1] จะเห็นได้ว่าข้อบังคับการประชุมมีความสำคัญ มีความจำเป็น และอยู่คู่กับสถาบันนิติบัญญัติไทยมาตั้งแต่ต้น
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้คำจำกัดความของข้อบังคับการประชุม[2] คือ กฏหรือระเบียบที่ได้ตราขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ใช้บังคับและควบคุมให้การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับสาระสำคัญของข้อบังคับการประชุมจะกำหนดเกี่ยวกับเรื่องการเลือกและการปฏิบัติหน้าที่ของประธาน รองประธาน ของแต่ละสภา เรื่องหรือกิจการอันเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการสามัญแต่ละชุด การปฏิบัติหน้าที่และองค์ประชุมของคณะกรรมาธิการ วิธีการประชุม การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ การเสนอญัตติ การอภิปราย การลงมติ การบันทึก และการเปิดเผยการลงมติ การตั้งกระทู้ถาม การเปิดอภิปรายทั่วไป การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย รวมทั้งกิจการอื่น ๆ เพื่อดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
การใช้ข้อบังคับการประชุมดังกล่าว มีความจำเป็นต้องยึดถือ และปฏิบัติตามกฏ ระเบียบ ในข้อบังคับที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การประชุมนั้น ๆ ผ่านไปด้วยดี โดยไม่มีปัญหา หรือข้อขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างการประชุม แต่ในบางกรณีอาจมีเหตุสุดวิสัย หรือความจำเป็นบางประการที่จำเป็นต้องละเมิด กฏ กติกาที่วางไว้ ซึ่งนำมาสู่ “งดใช้ข้อบังคับ”
การงดใช้ข้อบังคับ
การงดใช้ข้อบังคับการประชุม หรืองดใช้ข้อบังคับชั่วคราว[3] มีความหมายว่า การระงับการใช้ข้อบังคับการประชุมสภาบางข้อเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีเหตุจำเป็นในระหว่างการประชุมสภา โดยปกติสมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัด การฝ่าฝืนข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่งอาจถูกทักท้วง และประธานสภาจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับข้อดังกล่าวหรือไม่ แต่บางครั้งที่ประชุมสภาอาจพร้อมใจกันฝ่าฝืน ในกรณีที่ต้องการหาทางออกโดยเร่งด่วน มิฉะนั้นอาจเกิดความขัดแย้งหรือเสียหายอย่างรุนแรงได้ กรณีที่สมาชิกในที่ประชุมส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดต่างยินยอมพร้อมใจให้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับโดยชอบด้วยกฏหมายแล้ว ให้ถือว่ามีการงดใช้ข้อบังคับการประชุมเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะงดใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะถ้าหากงดใช้เป็นการถาวร ก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับการประชุม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และมีขั้นตอนมาก
ข้อบังคับการประชุมที่ว่าด้วยการงดใช้ข้อบังคับ
ตัวอย่างข้อบังคับการประชุมของหน่วยงานนิติบัญญัติต่าง ๆ ในอดีตที่กล่าวถึง การงดใช้ข้อบังคับดังนี้
ข้อบังคับการประชุมปรึกษาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2504 ข้อ 85[4] ซึ่งใช้เป็นข้อบังคับการประชุมชั่วคราวของสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน กำหนดไว้ว่า
"ถ้าประธานขอปรึกษาหรือสมาชิกเสนอญัตติให้งดการใช้ข้อบังคับในข้อหนึ่งข้อใดแห่งข้อบังคับนี้ เป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณีพิเศษ และที่ประชุมลงมติเห็นชอบด้วย โดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภา ก็ให้งดใช้ข้อบังคับเช่นว่านั้นได้ แต่ญัตติดังกล่าวต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าสิบคน"
ข้อบังคับการประชุมปรึกษาของสภาผู้แทน พ.ศ. 2513 ข้อ 137[5]กำหนดไว้ว่า
"ถ้าประธานขอปรึกษา หรือสมาชิกเสนอญัตติให้งดการใช้บทบังคับในข้อหนึ่งข้อใดแห่งข้อบังคับนี้เป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณีพิเศษ ที่ประชุมอาจลงมติให้งดการใช้บทบังคับเช่นว่านั้นได้"
ข้อบังคับการประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา พ.ศ. 2517 ข้อ 137[6] กำหนดไว้ว่า
"ถ้าประธานขอปรึกษา หรือสมาชิกเสนอญัตติโดยมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าสามสิบคน ให้งดใช้ข้อบังคับข้อหนึ่งข้อใดเป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี และที่ประชุมลงมติเห็นชอบด้วย โดยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ก็ให้งดใช้ข้อบังคับนั้นได้"
ข้อบังคับการประชุมของวุฒิสภา พ.ศ. 2527 ข้อ 141[7] กำหนดไว้ว่า
"ถ้าประธานขอปรึกษา หรือสมาชิกเสนอญัตติ โดยมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าสามสิบคน ให้งดใช้ข้อบังคับหนึ่งข้อใดทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี หากที่ประชุมลงมติเห็นชอบ ด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม ก็ให้งดใช้ข้อบังคับนั้นได้"
ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2528 ข้อ 136[8] กำหนดไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
"ถ้าประธานขอปรึกษา หรือสมาชิกเสนอญัตติโดยมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ให้งดใช้ข้อบังคับข้อหนึ่งข้อใดทั้งหมด หรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี และที่ประชุมอนุมัติก็ให้งดใช้ได้"
ปัจจุบันการเมืองการปกครองของประเทศไทยเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ซึ่งประกอบไปด้วย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งในข้อบังคับการประชุมของทั้ง 2 สภาได้กำหนดให้มีการงดใช้ข้อบังคับไว้คล้ายคลึงกัน แตกต่างกันที่จำนวนสมาชิกที่จะเสนอญัตติการงดใช้ข้อบังคับ และคะแนนเสียงของที่ประชุมในการที่จะอนุมัติ/เห็นชอบเรื่องดังกล่าว โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 หมวดที่ 12 บทสุดท้าย ข้อ 176 กล่าวถึงการงดใช้ข้อบังคับ[9] ไว้ว่า
“ถ้าประธานขอปรึกษา หรือสมาชิกเสนอญัตติโดยมีจำนวนสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ให้งดใช้ข้อบังคับข้อหนึ่งข้อใดทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี หากที่ประชุมอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาชิกในที่ประชุมก็ให้งดใช้ได้”
ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 หมวดที่ 11 บทสุดท้าย ข้อ 181 กล่าวถึงการงดใช้ข้อบังคับ[10] ไว้ว่า
“ถ้าประธานของที่ประชุมขอปรึกษา หรือสมาชิกเสนอญัตติโดยมีผู้รับรองไม่น้อยกว่าสิบคน ให้งดใช้ข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่งทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี หากที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกในที่ประชุมวุฒิสภา ก็ให้งดใช้ข้อบังคับนั้นได้”
จะเห็นได้ว่าข้อบังคับการประชุมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีข้อกำหนดที่ว่าด้วยการงดใช้ข้อบังคับเรื่อยมา โดยมีพัฒนาการ มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาสาระ และวิธีการให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในช่วงนั้น ๆ
กรณีตัวอย่างการงดใช้ข้อบังคับ
กรณีตัวอย่างการงดใช้ข้อบังคับการประชุม เลือกมานำเสนอ จำนวน 2 กรณี โดยกรณีตัวอย่างแรกเป็นกรณีที่ประธานในที่ประชุมขอปรึกษาที่ประชุมเพื่อของดใช้ข้อบังคับการประชุม โดยเป็นกรณีตัวอย่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 22 ปีที่ 1 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2548 ณ ตึกรัฐสภา โดยในการประชุมครั้งนั้น รองศาสตราจารย์ลลิตา ฤกษ์สำราญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร (นายโภคิน พลกุล ติดภาระกิจเดินทางไปราชการต่างประเทศ) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งดังกล่าว หลังจากที่ประชุมได้อภิปรายและรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ประจำปี พ.ศ. 2547 แล้ว รองศาสตราจารย์ลลิตา ฤกษ์สำราญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ปรึกษาที่ประชุมเพื่อของดใช้ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2544 ข้อ 132 ในการพิจารณากระทู้ถามสดมากกว่า 3 กระทู้ถาม ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาระเบียบวาระกระทู้ถามสด จำนวน 4 กระทู้ถาม
สำหรับกรณีตัวอย่างที่สอง เป็นกรณีตัวอย่างที่สมาชิกเสนอญัตติเพื่อของดใช้ข้อบังคับการประชุม โดยเป็นกรณีตัวอย่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ณ ตึกรัฐสภา โดยในการประชุมครั้งนั้นมีนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในระหว่างที่การประชุมจะดำเนินการพิจารณาระเบียบวาระต่อไป มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขอเสนอญัตติตามข้อบังคับการประชุม ข้อ 176 เพื่อของดใช้ข้อบังคับการประชุมข้อ 46 วรรคสอง ในการขอนำร่างพระราชบัญญัติอื่น จำนวน 3 พระราชบัญญัติขึ้นมาพิจารณาต่อจากร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอโดยให้งดใช้ข้อบังคับการประชุมข้อ 46 วรรคสอง
จะเห็นได้ว่าการงดใช้ข้อบังคับนั้น มีความจำเป็นมากหากในการประชุมสภาครั้งนั้น ๆ ประสบปัญหา ไม่สามารถหาทางออก และแก้ไขปัญหานั้นได้ จำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นอาจทำเกิดความขัดแย้ง หรือเสียหายอย่างรุนแรงได้ จึงต้องให้ความสำคัญ โดยการกำหนดการงดใช้ข้อบังคับการประชุมไว้ในข้อบังคับการประชุมเรื่อยมา เพื่อให้การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดประโยชน์กับประเทศอย่างสูงที่สุด
อ้างอิง
- ↑ ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์, “รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (2475-2517)”. กรุงเทพ ฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ชุมนุมช่าง, 2517, หน้า 20.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุม”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551, หน้า คำนำ.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ, “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 2548, หน้า 225-226.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “รวมข้อบังคับการประชุมสภา 2476-2518”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2519 , หน้า 167.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุมสภาเปรียบเทียบ 2476-2517”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2546, หน้า 212.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ, “ภาษาการเมืองในระบอบรัฐสภา”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2533, หน้า 90-91.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ, “ภาษาการเมืองในระบอบรัฐสภา”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2533, หน้า 91.
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ, “ภาษาการเมืองในระบอบรัฐสภา”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2533, หน้า 91.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุม”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551, หน้า 70.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “ข้อบังคับการประชุม”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551, หน้า 152.
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
คณิน บุญสุวรรณ, (2533) “ภาษาการเมืองในระบอบรัฐสภา”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
คณิน บุญสุวรรณ, (2548) “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย”. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์, (2517) “รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (2475-2517)”. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ชุมนุมช่าง.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2551) “ข้อบังคับการประชุม”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
บรรณานุกรม
คณิน บุญสุวรรณ, (2533) “ภาษาการเมืองในระบอบรัฐสภา”. กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
คณิน บุญสุวรรณ, (2548) “ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย”. กรุงเทพ ฯ : สุขภาพใจ.
ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์, (2517) “รัฐสภาไทยในรอบสี่สิบสองปี (2475-2517)”. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ชุมนุมช่าง.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2519) “รวมข้อบังคับการประชุมสภา 2476-2518”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2546) “ข้อบังคับการประชุมสภาเปรียบเทียบ 2476-2517”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2548) “บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 22 ปีที่ 1 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2548 ณ ตึกรัฐสภา”.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2551) “ข้อบังคับการประชุม”. กรุงเทพ ฯ : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, (2552) “บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ณ ตึกรัฐสภา”.