การก่อตั้งพรรคการเมืองโดยการรวมตัวของบุคคลนอกรัฐสภา
ผู้เรียบเรียง รองศาสตราจารย์ ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
การก่อตั้งพรรคการเมืองโดยการรวมตัวของบุคคลนอกรัฐสภา
การกำเนิดขึ้นของพรรคการเมืองนอกรัฐสภา (Extra-Parliamentary Origins of Parties) เป็นการกำเนิดโดยได้รับอิทธิพลหรือการแทรกแซงจากองค์การภายนอกหรือบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภา อาทิ บรรดากลุ่มและสมาคมอาชีพต่าง ๆ เช่น สหพันธ์กรรมกร องค์การศาสนาและกลุ่มปัญญาชน เป็นต้น โดยมีจุดประสงค์ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างเป็นทางการในรัฐสภา ซึ่งพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นภายนอกรัฐสภา มักมีเป้าหมายเพื่อที่จะท้าทายผู้นำทางการเมืองที่มีอำนาจ โดยมักจะเป็นพรรคการเมืองที่การบริหารงานที่รวมอำนาจเข้าสู่หน่วยงานกลางค่อนข้างสูง และให้ความเคารพสถาบันการเมืองที่ดำรงอยู่ค่อนข้างน้อย ยกเว้นในกรณีพรรคแรงงานอังกฤษ
รูปแบบพรรคการเมืองโดยการรวมตัวของบุคคลนอกรัฐสภา
การก่อตั้งพรรคการเมืองโดยการรวมตัวของบุคคลนอกรัฐสภามีลักษณะคล้ายกับรูปแบบพรรคการเมืองที่มีโครงสร้างโดยอ้อม (Indirect Structure) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่สมาชิกไม่ได้รวมตัวกันเพื่อเป็นสมาชิกหรือจัดตั้งพรรคการเมืองโดยตรง แต่ประกอบขึ้นโดยองค์กร สมาคมหรือกลุ่มต่างๆ ดังตัวอย่างในอดีตที่สามารถจัดแบ่งประเภทการเกิดพรรคการเมืองในลักษณะดังกล่าว ได้เป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
(1) พรรคสังคมนิยม (Socialist Parties) ส่วนสำคัญของพรรค ได้แก่ สหภาพแรงงาน สมาคมสงเคราะห์แรงงาน สหกรณ์แรงงาน พรรคนี้จะอยู่ในฐานะประชาคมของชนชั้นในสังคมชนชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะชนชั้นผู้ใช้แรงงาน เช่น พรรคแรงงานอังกฤษ และพรรคแรงงานเบลเยี่ยม เป็นต้น
(2) พรรคคาทอลิค (Catholic Parties) เป็นพรรคที่ประกอบด้วย สหพันธ์สหบาล และสหพันธ์กรรมกรที่รวมกันกับกลุ่มสมาคมชาวไร่ ชาวนา กลุ่มหอการค้าและสมาคมนักอุตสาหกรรม ลักษณะเช่นนี้ทำให้พรรคคาทอลิค เป็นพรรคที่รวมเอากลุ่มชนชั้นในสังคมที่แตกต่างกันมาอยู่ร่วมกัน โดยที่เอกภาพของกลุ่มแต่ละกลุ่มในพรรคไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น พรรคประชาชนออสเตรีย (The Austrian People’s Party) เป็นต้น
(3) พรรคชาวไร่ชาวนา (Agrarian Parties) เกิดจากการรวมตัวกันของบรรดาสหพันธ์และสหภาพชาวนาชาวไร่ ซึ่งเป็นผู้ใช้แรงงานด้านเกษตรกรรมเช่นเดียวกับการรวมตัวกันของกรรมกรในพรรคแรงงาน แต่การรวมตัวเป็นพรรคการเมืองของเกษตรกรเหล่านี้ไม่เข้มแข็งเหมือนกรรมกรในภาคอุตสาหกรรม เช่น The Bulgarian Agrarian Party และ The Australian Country Party เป็นต้น
ตัวอย่างพรรคการเมืองโดยการรวมตัวของบุคคลนอกรัฐสภา
ตัวอย่างการก่อตั้งพรรคการเมืองโดยการรวมตัวของบุคคลภายนอกรัฐสภา ที่มีความสำคัญทางการเมืองในปัจจุบัน ได้แก่ พรรคแรงงานอังกฤษ (Labor Party) ที่เกิดขึ้นจากการผลักดันของสหภาพแรงงานมีมติให้จัดตั้งหน่วยงานเกี่ยวกับการเลือกตั้งขึ้นเพื่อส่งตัวแทนเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งสมาคมเฟเบียน (Fabian Society) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงคุ้มครองผลประโยชน์ให้กับชนชั้นกรรมาชีพโดยตรงก็มีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคแรงงานโดยช่วยเผยแพร่ปรัชญาในทางสังคมนิยมให้พรรคแรงงาน นอกจากนี้แล้วองค์การศาสนาก็มีส่วนสำคัญในการจัดตั้งพรรคการเมืองในหลายประเทศ เช่น พรรคอนุรักษ์นิยมคาทอลิก (Catholic Conservative Party) เพื่อต่อต้านการลิดรอนอำนาจทางการศึกษาที่พวกพระสงฆ์มีอยู่ในประเทศเบลเยี่ยม พรรคคริสเตียนประชาธิปไตย (Christian Democratic Party) ในอิตาลีที่อาศัยความคิดทางศาสนาเป็นอุดมการณ์ รวมไปถึง สมาคมทหารผ่านศึกในอิตาลี ก็มีบทบาทในการก่อตั้งพรรคฟาสซิสต์ เป็นต้น
ในทวีปเอเชียและอาฟริกา ขบวนการชาตินิยมต่อสู้จักรวรรดินิยม เป็นผลให้มีการเกิดพรรคการเมืองแนวทางชาตินิยม (The nationalist Parties) ขึ้นมา ภารกิจสำคัญของพรรคก็คือ ระดมพลเมืองให้สนับสนุนการต่อสู้ และต่อต้านเจ้าของอาณานิคม เพื่อความเป็นเอกราชในทุก ๆ ด้านโดยเฉพาะทางการเมือง ตัวอย่างพรรคการเมืองเช่นว่านี้คือ พรรคคองเกรสแห่งอินเดีย (The Congress Party of India) พรรคสมัชชาประชาชนแห่งกานา ( The convention People’s Party) พรรคพันธมิตรมาเลเชีย ( The Malaysia’s Alliance Party) เป็นต้น
กรณีของไทยนั้น ในอดีตได้มีความพยายามก่อตั้งพรรคการเมืองโดยการรวมกลุ่มของบุคคลภายนอกรัฐสภาขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งในปัจจุบันได้มีการให้ความสนใจต่อการพัฒนาขบวนการเคลื่อนไหวของการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (People's Alliance for Democracy: PAD) อันเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สำคัญในช่วง พ.ศ. 2548 - 2551 โดยเป็นการรวมตัวของประชาชนจากหลายองค์กร เช่น สื่อมวลชน นักวิชาการ ศิลปิน รวมถึงองค์กรพัฒนาเอกชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีจุดประสงค์ในการขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย
ทั้งนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตต่อพัฒนาการของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า มีแนวโน้มที่เป็นไปได้ในการพัฒนาจากการเป็นกลุ่มอิทธิพลทางการเมืองที่ให้การศึกษาข้อมูลข่าวสารทางการเมืองและกดดันรัฐบาลด้วยการชุมนุมประท้วงอย่างที่เคยทำเป็นระยะๆ มาเป็นการจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง และส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ในฐานะที่เป็นพรรคมวลชน (mass party) ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกของการสร้าง “การเมืองใหม่” อันเป็นแนวทางที่พันธมิตรฯ ได้นำเสนอในช่วงเวลาของการต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมา
ที่มา
โกสินทร์ วงศ์สุรวัฒน์ และ นรนิติ เศรษฐบุตร (บรรณาธิการ).พรรคการเมือง.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,2521 : 9.
ชัยอนันต์ สมุทวณิช. “พรรคพันธมิตรฯ”Retrieved from http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews. aspx?NewsID=9510000144313 (7 ธันวาคม 2551)
วิทยา นภาศิริกุลกิจและสุรพล ราชภัณทารักษ์. พรรคการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 2544 หน้า 49 และ 51-52.
สนธิ เตชานันท์.พื้นฐานรัฐศาสตร์.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2550 หน้า 181.
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” http://th.wikipedia.org/wiki
อานนท์ อาภาภิรม.รัฐศาสตร์เบื้องต้น.กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2545 หน้า 88.