ผลต่างระหว่างรุ่นของ "2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...'
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 10: บรรทัดที่ 10:
ที่จริงความคิดในเรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2476 โดย[[หลวงวิจิตรวาทการ]]เป็นผู้เสนอ[[ญัตติ]]ต่อ[[สภา]]และได้อภิปรายมีความน่าสนใจว่า
ที่จริงความคิดในเรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2476 โดย[[หลวงวิจิตรวาทการ]]เป็นผู้เสนอ[[ญัตติ]]ต่อ[[สภา]]และได้อภิปรายมีความน่าสนใจว่า


“...มาถึงบัดนี้แล้ว เรายังไม่มีเครื่องมือสำหรับลงโทษผู้ละเมิดรัฐธรรมนูญ หรือป้องกันไว้ อันที่จริงรัฐบาลนี้ได้รับความไว้วางใจของประชาชนว่าจะทำงานให้แก่ราษฎร โดยซื่อสัตย์สุจริต ส่วนการภายในนับว่าเรียบร้อยดี และราษฎรเริ่มรู้จัก เริ่มรักและเคารพรัฐธรรมนูญและเราจะวางใจว่าศัตรูของรัฐธรรมนูญไม่มีนั้นยังไม่ได้ ก็จะเป็นการประมาทมากไป ข้าพเจ้าขอยืนยันในเวลานี้ว่าศัตรูของเรามีมาก คือข้าพเจ้าจะแสดงให้เห็นโดยปริยายถ้า[[การเลือกตั้ง]]คราวนี้ไม่สำเร็จ ทั้งนี้โดยเราหวังว่าถ้าสภาไม่ได้ผู้แทนครบถ้วน ก็จะเป็นโจทย์เขาปรับปรำว่าเราไม่ถึงเวลาที่สมควรจะมีรัฐธรรมนูญ คือมีรัฐธรรมนูญเร็วเกินไป แม้หนังสือพิมพ์บางฉบับก็ยังเปรียบเปรยเรื่องนี้ ลงท้ายไม่มีทางป้องกันก็จะเป็นผลร้ายแก่รัฐธรรมนูญเอง...”
“...มาถึงบัดนี้แล้ว เรายังไม่มีเครื่องมือสำหรับลงโทษผู้ละเมิดรัฐธรรมนูญ หรือป้องกันไว้ อันที่จริงรัฐบาลนี้ได้รับความไว้วางใจของประชาชนว่าจะทำงานให้แก่ราษฎร โดยซื่อสัตย์สุจริต ส่วนการภายในนับว่าเรียบร้อยดี และราษฎรเริ่มรู้จัก เริ่มรักและเคารพรัฐธรรมนูญและเราจะวางใจว่าศัตรูของรัฐธรรมนูญไม่มีนั้นยังไม่ได้ ก็จะเป็นการประมาทมากไป ข้าพเจ้าขอยืนยันในเวลานี้ว่าศัตรูของเรามีมาก คือข้าพเจ้าจะแสดงให้เห็นโดยปริยายถ้า[[การเลือกตั้ง]]คราวนี้ไม่สำเร็จ ทั้งนี้โดยเราหวังว่าถ้าสภาไม่ได้ผู้แทนครบถ้วน ก็จะเป็นโจทย์เขาปรักปรำว่าเราไม่ถึงเวลาที่สมควรจะมีรัฐธรรมนูญ คือมีรัฐธรรมนูญเร็วเกินไป แม้หนังสือพิมพ์บางฉบับก็ยังเปรียบเปรยเรื่องนี้ ลงท้ายไม่มีทางป้องกันก็จะเป็นผลร้ายแก่รัฐธรรมนูญเอง...”


หลังการปราบกบฏบวรเดช การพิจารณากฎหมายจึงผ่านอย่างเร็ว ออกมาก่อนที่ผู้แทนตำบลจะไปเลือกผู้แทนราษฎรชุดแรกของไทย ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476
หลังการปราบกบฏบวรเดช การพิจารณากฎหมายจึงผ่านอย่างเร็ว ออกมาก่อนที่ผู้แทนตำบลจะไปเลือกผู้แทนราษฎรชุดแรกของไทย ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:04, 22 ตุลาคม 2556

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 เป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรได้ตราพระราชบัญญัติจัดการป้องกันรักษารัฐธรรมนูญออกมาบังคับใช้ ตอนนั้นเป็นสมัยที่มี นายพันเอก พระยาพหลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรี และเจ้าพระยาพิชัยญาติเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เหตุการณ์บ้านเมืองในเวลานั้นเป็นช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ปิดสภาและงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราในสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรี พระยามโนปกรณ์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476 หลังเกิดเหตุการณ์ที่คณะทหารของนายพันเอก พระยาพหลฯ ยึดอำนาจในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 และหลังจากเกิดเหตุการณ์กบฏบวรเดชในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2476 ที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามได้เรียบร้อย ก่อนวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2476

ที่จริงความคิดในเรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2476 โดยหลวงวิจิตรวาทการเป็นผู้เสนอญัตติต่อสภาและได้อภิปรายมีความน่าสนใจว่า

“...มาถึงบัดนี้แล้ว เรายังไม่มีเครื่องมือสำหรับลงโทษผู้ละเมิดรัฐธรรมนูญ หรือป้องกันไว้ อันที่จริงรัฐบาลนี้ได้รับความไว้วางใจของประชาชนว่าจะทำงานให้แก่ราษฎร โดยซื่อสัตย์สุจริต ส่วนการภายในนับว่าเรียบร้อยดี และราษฎรเริ่มรู้จัก เริ่มรักและเคารพรัฐธรรมนูญและเราจะวางใจว่าศัตรูของรัฐธรรมนูญไม่มีนั้นยังไม่ได้ ก็จะเป็นการประมาทมากไป ข้าพเจ้าขอยืนยันในเวลานี้ว่าศัตรูของเรามีมาก คือข้าพเจ้าจะแสดงให้เห็นโดยปริยายถ้าการเลือกตั้งคราวนี้ไม่สำเร็จ ทั้งนี้โดยเราหวังว่าถ้าสภาไม่ได้ผู้แทนครบถ้วน ก็จะเป็นโจทย์เขาปรักปรำว่าเราไม่ถึงเวลาที่สมควรจะมีรัฐธรรมนูญ คือมีรัฐธรรมนูญเร็วเกินไป แม้หนังสือพิมพ์บางฉบับก็ยังเปรียบเปรยเรื่องนี้ ลงท้ายไม่มีทางป้องกันก็จะเป็นผลร้ายแก่รัฐธรรมนูญเอง...”

หลังการปราบกบฏบวรเดช การพิจารณากฎหมายจึงผ่านอย่างเร็ว ออกมาก่อนที่ผู้แทนตำบลจะไปเลือกผู้แทนราษฎรชุดแรกของไทย ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476

กฎหมายฉบับนี้ทำให้เจ้าหน้าที่มีทั้งอำนาจกักบริเวณผู้ต้องสงสัยได้นานและกำหนดโทษผู้ทำผิดไว้จากสามปีถึงยี่สิบปี และปรับได้ตั้งแต่ 500 บาท จนถึง 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมื่อมีกฎหมายนี้แล้วในเดือนธันวาคมต่อมาก็มีกฎหมายเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความกล้าหาญอีกด้วย เหรียญนี้จารึกว่า “สละชีพเพื่อชาติ”

แต่กฎหมายจัดการป้องกันรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ใช้อยู่ได้ประมาณ 5 ปีก็ถูกยกเลิก