ผลต่างระหว่างรุ่นของ "10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 7: บรรทัดที่ 7:
----
----


วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นวันที่มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 9 ของประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 9 นี้ห่างจากการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 8 เกือบ 12 ปี ทั้งนี้ เพราะมีการรัฐประหารยึดอำนาจโดยคณะทหารและทหารได้จัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญนานมากเกือบ 10 ปี จนกระทั้งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นวันที่มี[[การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 9]] ของประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 9 นี้ห่างจาก[[การเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 8]] เกือบ 12 ปี ทั้งนี้ เพราะมีการ[[รัฐประหาร]]ยึดอำนาจโดยคณะทหารและทหารได้จัดให้มี[[สภาร่างรัฐธรรมนูญ]] ทำหน้าที่ร่าง[[รัฐธรรมนูญ]]นานมากเกือบ 10 ปี จนกระทั้งมีการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511]] เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511
ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 จึงเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่และเป็นการเลือกตั้งที่อาศัยกฎหมายเลือกตั้ง พ.ศ. 2511 ที่ให้เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 219 คน ในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 14,820,400 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิ เพียง 7,289,837 คน น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ มีเพียงร้อยละ 49.16 เท่านั้น และคนเมืองหลวงคือคนในจังหวัดพระนครมาใช้สิทธิเพียงร้อยละ 36.66 เท่านั้นเอง
ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 จึงเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่และเป็นการเลือกตั้งที่อาศัย[[กฎหมายเลือกตั้ง พ.ศ. 2511]] ที่ให้เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตมี[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ได้ 219 คน ในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 14,820,400 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิ เพียง 7,289,837 คน น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ มีเพียงร้อยละ 49.16 เท่านั้น และคนเมืองหลวงคือคนในจังหวัดพระนครมาใช้สิทธิเพียงร้อยละ 36.66 เท่านั้นเอง
การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นที่สนใจของประชาชนมาก เพราะเหมือนกับว่าจะได้ไปสู่บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จึงมีผู้คนสนใจลงเล่นการเมือง และตั้งพรรคการเมืองมากขึ้น ทางคณะทหารได้จับมือกับนักการเมืองจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรคสหประชาไทย ส่วนพรรคฝ่ายค้านสำคัญ คือ  พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ฟื้นพรรคขึ้นมา แต่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ ม.ร.ว.เสนีย์  ปราโมช เพราะหัวหน้าพรรคคนเดิม นายควง  อภัยวงศ์ ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว
การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นที่สนใจของประชาชนมาก เพราะเหมือนกับว่าจะได้ไปสู่บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จึงมีผู้คนสนใจลงเล่นการเมือง และตั้ง[[พรรคการเมือง]]มากขึ้น ทางคณะทหารได้จับมือกับนักการเมืองจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ[[พรรคสหประชาไทย]] ส่วน[[พรรคฝ่ายค้าน]]สำคัญ คือ  [[พรรคประชาธิปัตย์]]ก็ได้ฟื้นพรรคขึ้นมา แต่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ [[ม.ร.ว.เสนีย์  ปราโมช]] เพราะ[[หัวหน้าพรรคคนเดิม [[นายควง  อภัยวงศ์]] ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว
]]
หลังจากการเลือกตั้ง พรรคสหประชาไทยรวบรวมเสียงสมาชิกสภาสนับสนุนได้มากกว่าจึงได้จัดตั้งรัฐบาล มี[[จอมพลถนอม  กิตติขจร]] เป็น[[นายกรัฐมนตรี]]
หลังจากการเลือกตั้ง พรรคสหประชาไทยรวบรวมเสียงสมาชิกสภาสนับสนุนได้มากกว่าจึงได้จัดตั้งรัฐบาล มีจอมพลถนอม  กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี
ที่น่าสังเกตก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีนักการเมืองหน้าใหม่ลงเลือกตั้งหลายคน และในจำนวนนี้ก็เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองต่อมา อย่างเช่น[[นายอุทัย พิมพ์ใจชน]] ได้เป็น[[ประธานสภาผู้แทนราษฎร]] [[นายชวน  หลีกภัย]] ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ที่น่าสังเกตก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีนักการเมืองหน้าใหม่ลงเลือกตั้งหลายคน และในจำนวนนี้ก็เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองต่อมา อย่างเช่นนายอุทัย พิมพ์ใจชน ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน  หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ต่อมาจนสภาถูกล้มโดยการยึดอำนาจของจอมพลถนอม  กิตติขจร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะทหาร ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514
สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ต่อมาจนสภาถูกล้มโดยการยึดอำนาจของจอมพลถนอม  กิตติขจร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะทหาร ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514


[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:24, 17 กันยายน 2556

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เป็นวันที่มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 9 ของประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งที่ 9 นี้ห่างจากการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 8 เกือบ 12 ปี ทั้งนี้ เพราะมีการรัฐประหารยึดอำนาจโดยคณะทหารและทหารได้จัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญนานมากเกือบ 10 ปี จนกระทั้งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511

ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 จึงเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่และเป็นการเลือกตั้งที่อาศัยกฎหมายเลือกตั้ง พ.ศ. 2511 ที่ให้เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 219 คน ในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 14,820,400 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิ เพียง 7,289,837 คน น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ มีเพียงร้อยละ 49.16 เท่านั้น และคนเมืองหลวงคือคนในจังหวัดพระนครมาใช้สิทธิเพียงร้อยละ 36.66 เท่านั้นเอง

การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นที่สนใจของประชาชนมาก เพราะเหมือนกับว่าจะได้ไปสู่บรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จึงมีผู้คนสนใจลงเล่นการเมือง และตั้งพรรคการเมืองมากขึ้น ทางคณะทหารได้จับมือกับนักการเมืองจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อพรรคสหประชาไทย ส่วนพรรคฝ่ายค้านสำคัญ คือ พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ฟื้นพรรคขึ้นมา แต่ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เพราะ[[หัวหน้าพรรคคนเดิม นายควง อภัยวงศ์ ได้ถึงแก่กรรมไปก่อนแล้ว ]] หลังจากการเลือกตั้ง พรรคสหประชาไทยรวบรวมเสียงสมาชิกสภาสนับสนุนได้มากกว่าจึงได้จัดตั้งรัฐบาล มีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี

ที่น่าสังเกตก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ได้มีนักการเมืองหน้าใหม่ลงเลือกตั้งหลายคน และในจำนวนนี้ก็เป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองต่อมา อย่างเช่นนายอุทัย พิมพ์ใจชน ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ต่อมาจนสภาถูกล้มโดยการยึดอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะทหาร ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514