ผลต่างระหว่างรุ่นของ "23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 7: | บรรทัดที่ 7: | ||
---- | ---- | ||
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เป็นวันที่คณะทหารที่เรียกคณะของตนว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ ตัวย่อว่า | วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เป็นวันที่คณะทหารที่เรียกคณะของตนว่า [[คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ]] หรือ ตัวย่อว่า “[[รสช.]]” ได้นำกำลังเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาลของ[[นายกรัฐมนตรี]] [[พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ]] [[หัวหน้าพรรค]]ชาติไทยที่มาจาก[[การเลือกตั้งของประชาชน]] คณะ รสช. นี้มี [[พลเอกสุนทร คงสมพงษ์]] ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้า แต่ผู้ที่มีอำนาจแท้จริงคือ ผู้บัญชาการทหารบก [[พลเอกสุจินดา คราประยูร]] | ||
การยึดอำนาจครั้งนี้คณะทหารได้เข้าควบคุมตัวนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ | การยึดอำนาจครั้งนี้คณะทหารได้เข้าควบคุมตัวนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ[[พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก]] รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม บนเครื่องบิน ซี 130 ที่สนามบินดอนเมือง ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ขณะที่นายกรัฐมนตรีจะนำ พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จึงเป็นการยึดอำนาจครั้งแรกที่ใช้วิธีการจี้จับตัวนายกรัฐมนตรีบนเครื่องบิน ขณะที่เครื่องบินกำลังจะขึ้นบิน | ||
ตอนแรกเชื่อกันว่าคณะทหารต้องการจะล้างอำนาจ[[พรรคการเมือง]]และ[[นักการเมือง]]เลือกตั้งที่เริ่มจะเข้มแข็งขึ้นและมีการใช้เงินทุนกันมากมาย ดังนั้น นอกจากจะล้มรัฐบาลและยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521 ยกเว้น[[การยุบพรรคการเมือง]]ดังที่คณะทหารชุดก่อน ๆ ได้เคยทำกันมาแล้ว คณะ รสช. ยังได้สั่งให้มีการดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองที่เป็นคนสำคัญและมีชื่อเสียงหลายคนจากหลายพรรคการเมืองเพื่อจะยึดทรัพย์อีกด้วย | |||
แต่คณะทหารได้ประกาศใช้[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2534]] เพื่อใช้ในการปกครอง กับตั้ง[[คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ]]ที่มีนักกฎหมายชั้นนำและนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาสำคัญเข้าร่วม ซึ่งก็จัดทำรัฐธรรมนูญได้เสร็จภายในเวลาไม่ถึงปี และสามารถประกาศใช้ได้ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 นำไปสู่[[การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535]] ที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองกลับมาแข่งขันกันอีกในสนามเลือกตั้ง และคณะทหารเองที่ยึดอำนาจจากนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็จำเป็นที่ต้องขอความร่วมมือกับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็เพื่อดำเนินการกิจการทางการเมือง ดังนั้น การที่จะตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองที่ทำในช่วงเวลาแรกของการยึดอำนาจจึงมีความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้มีผลอะไรออกมามากนัก | |||
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] | [[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:55, 17 กันยายน 2556
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เป็นวันที่คณะทหารที่เรียกคณะของตนว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ ตัวย่อว่า “รสช.” ได้นำกำลังเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคชาติไทยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน คณะ รสช. นี้มี พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้า แต่ผู้ที่มีอำนาจแท้จริงคือ ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกสุจินดา คราประยูร
การยึดอำนาจครั้งนี้คณะทหารได้เข้าควบคุมตัวนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม บนเครื่องบิน ซี 130 ที่สนามบินดอนเมือง ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ขณะที่นายกรัฐมนตรีจะนำ พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จึงเป็นการยึดอำนาจครั้งแรกที่ใช้วิธีการจี้จับตัวนายกรัฐมนตรีบนเครื่องบิน ขณะที่เครื่องบินกำลังจะขึ้นบิน
ตอนแรกเชื่อกันว่าคณะทหารต้องการจะล้างอำนาจพรรคการเมืองและนักการเมืองเลือกตั้งที่เริ่มจะเข้มแข็งขึ้นและมีการใช้เงินทุนกันมากมาย ดังนั้น นอกจากจะล้มรัฐบาลและยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521 ยกเว้นการยุบพรรคการเมืองดังที่คณะทหารชุดก่อน ๆ ได้เคยทำกันมาแล้ว คณะ รสช. ยังได้สั่งให้มีการดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองที่เป็นคนสำคัญและมีชื่อเสียงหลายคนจากหลายพรรคการเมืองเพื่อจะยึดทรัพย์อีกด้วย
แต่คณะทหารได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2534 เพื่อใช้ในการปกครอง กับตั้งคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญที่มีนักกฎหมายชั้นนำและนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาสำคัญเข้าร่วม ซึ่งก็จัดทำรัฐธรรมนูญได้เสร็จภายในเวลาไม่ถึงปี และสามารถประกาศใช้ได้ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 นำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองกลับมาแข่งขันกันอีกในสนามเลือกตั้ง และคณะทหารเองที่ยึดอำนาจจากนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็จำเป็นที่ต้องขอความร่วมมือกับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็เพื่อดำเนินการกิจการทางการเมือง ดังนั้น การที่จะตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองที่ทำในช่วงเวลาแรกของการยึดอำนาจจึงมีความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้มีผลอะไรออกมามากนัก