ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา และการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 23: | บรรทัดที่ 23: | ||
{| border="1" align="center" | {| border="1" align="center" | ||
|- | |- | ||
!width=" | !width="30" style="background:#87cefa;" | ครั้งที่ | ||
!width=" | !width="50" style="background:#87cefa;" | วันที่ | ||
!width=" | !width="180" style="background:#87cefa;" | ระบบการเลือกตั้ง | ||
!width=" | !width="50" style="background:#87cefa;" | จำนวน ส.ส. | ||
|- | |- | ||
|align="center" |1 | |align="center" |1 | ||
|align="center" |15 พ.ย. 2476 | |align="center" |[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2476|15 พ.ย. 2476]] | ||
|align="center" | | | | ||
-เลือกตั้งผู้แทนตำบล ตำบลละ 1 คน ผู้แทนตำบลเลือก ส.ส. ของจังหวัด จังหวัดละ 1 คน ต่อจำนวนประชากร 100,000 คน | |||
-ส.ส.ประเภทที่ 2 คณะราษฎรแต่งตั้ง | |||
|align="center" |78 | |||
|- | |||
|align="center" |2 | |||
|align="center" |9 พ.ย. 2480 | |||
| | |||
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน | |||
-จังหวัดที่มีจำนวนประชากรเกิน 200,000 คน มีเขตเลือกตั้งเพิ่ม 1 เขต ทุก 200,000 คน | |||
|align="center" |91 | |||
|- | |||
|align="center" |3 | |||
|align="center" |12 พ.ย. 2481 | |||
| | |||
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน | |||
-จังหวัดที่มีจำนวนประชากรเกิน 200,000 คน มีเขตเลือกตั้งเพิ่ม 1 เขต ทุก 200,000 คน | |||
|align="center" |91 | |||
|- | |||
|align="center" |4 | |||
|align="center" |6 ม.ค. 2489 | |||
| | |||
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน | |||
-จังหวัดที่มีจำนวนประชากรเกิน 200,000 คน มีเขตเลือกตั้งเพิ่ม 1 เขต ทุก 200,000 คน | |||
|align="center" |96 | |||
|- | |||
|align="center" |5 | |||
|align="center" |[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 5 วันที่ 5 สิงหาคม 2489|5 ส.ค. 2489]] | |||
| | |||
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน | |||
-ยกเลิก ส.ส. ประเภทที่ 2 และให้มีการเลือกตั้งเพื่อทดแทนจำนวน 82 คน | |||
|align="center" |178 (96+82) | |||
|- | |||
|align="center" |6 | |||
|align="center" |29 ม.ค. 2491 | |||
| | |||
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) | |||
- ส.ส. 1 คน ทุกจำนวนประชากร 200,000 คน | |||
|align="center" |96 | |||
|- | |||
|align="center" |7 | |||
|align="center" |5 มิ.ย. 2492 | |||
| | |||
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) | |||
-จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง | |||
-เลือก ส.ส. เพิ่ม 21 คน ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 | |||
|align="center" |120 (99+21) | |||
|- | |||
|align="center" |8 | |||
|align="center" |26 ก.พ. 2495 | |||
| | |||
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) | |||
-กลับมาใช้ระบบสภาเดียว มี ส.ส. 2 ประเภท | |||
|align="center" |123 | |||
|- | |||
|align="center" |9 | |||
|align="center" |26 ก.พ. 2500 | |||
| | |||
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) | |||
-ส่งผู้สมัครในนามของพรรค | |||
|align="center" |160 | |||
|- | |- | ||
| | |align="center" |10 | ||
|align="center" | | |align="center" |15 ธ.ค. 2500 | ||
|align="center" | | | | ||
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) | |||
|align="center" |160 | |||
|- | |- | ||
|align="center" |11 | |align="center" |11 | ||
|align="center" | | |align="center" |10 ก.พ. 2512 | ||
| | |||
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) | |||
|align="center" |219 | |||
|- | |- | ||
| | |align="center" |12 | ||
|align="center" | | |align="center" |26 ม.ค. 2518 | ||
|align="center" | | | | ||
-รวมเขตเรียงเบอร์ | |||
-เขตเลือกตั้ง มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน | |||
|align="center" |269 | |||
|- | |- | ||
|} | |} | ||
==การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในประเทศไทย== | ==การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในประเทศไทย== | ||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:41, 1 สิงหาคม 2554
ผู้เรียบเรียง นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาและการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา
ในรัฐประชาธิปไตยสมัยใหม่ มักใช้ระบบสองสภา (bicameral parliamentary systems) ซึ่งประกอบด้วย วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ในการปกครองระบบรัฐสภา ระบบประธานาธิปดีและระบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิปดี โดยวุฒิสภามักมีจำนวนสมาชิกน้อยกว่าสภาผู้แทนราษฎร แต่มีวาระการดำรงตำแหน่งยาวนานกว่า ตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา และ ประเทศไทย เป็นต้น
ด้านที่มาของผู้ดำรงตำแหน่ง กล่าวได้ว่า วุฒิสภา เป็นองค์กรทางการเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานนับตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน โดยมีลักษณะทั่วไปที่เน้นการเข้ามาดำรงตำแหน่งของผู้มีวัยวุฒิและคุณวุฒิของกลุ่มชนชั้นผู้ปกครอง ซึ่งในปัจจุบันเห็นได้ว่า ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามีความหลากหลาย ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เช่น วุฒิสภาออสเตรเลีย (Australian Senate) สมาชิกมีวาระ 6 ปี แต่มีการเลือกตั้งสมาชิกครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาในทุกๆ 3 ปี หรืออีกประเภทหนึ่งมาจากการแต่งตั้ง เช่น วุฒิสภาแคนาดา (Canadian Senate ) สมาชิกจะได้รับการแต่งตั้งจากผู้สำเร็จราชการ (Governor General) ของสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ โดยคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังมีรูปแบบที่มาของสมาชิกวุฒิสภาที่ใช้การเลือกตั้งควบคู่กับการแต่งตั้ง เช่น กรณีของประเทศอินเดีย สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมจากสมาชิกสภานิติบัญญัติประจำมลรัฐเลือกจำนวนไม่เกิน 238 คนและอีกส่วนหนึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยประธานาธิปดีอีก 12 คน เป็นต้น
ส่วนที่มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มักเน้นที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในประเทศ ด้วยระบบหรือวิธีการที่แตกต่างกันไป โดยมักคำนวณสัดส่วนสมาชิกจากจำนวนประชากรทั้งประเทศเป็นหลักมากกว่าการกำหนดสัดส่วนในเชิงภูมิศาสตร์ เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประเทศญี่ปุ่น มีจำนวน 480 คน ภายในวาระ 4 ปี โดยแบ่งที่มาของสมาชิกตามระบบการเลือกตั้ง กล่าวคือ สมาชิกจำนวน 180 คน มาจากการเลือกตั้งระบบสัดส่วนและสมาชิกจำนวน 300 คนมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ในขณะที่สหรัฐอเมริกา กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีจำนวน 435 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในแต่ละมลรัฐ ซึ่งแต่ละเขตจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสัดส่วนจำนวนประชากรในแต่ละมลรัฐ เป็นต้น
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย
ประเทศไทยได้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 เป็นต้นมา แต่จะมีระบบและวิธีการที่แตกต่างกันไปในการเลือกตั้งแต่ละครั้งตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้ในช่วงเวลานั้น ๆ โดยในภาพรวมมักเป็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนของการกำหนดเขตเลือกตั้ง หรือจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีได้ในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่งกล่าวได้ว่าภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 เป็นต้นมานับว่าได้นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ชัดเจนที่สุด นั่นคือ การนำระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ควบคู่กับระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนบัญชีรายชื่อ ที่ประชาชนมีสิทธิลงคะแนนได้เพียง 1 คะแนนสำหรับเลือกผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น ๆ ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวนหมายเลขที่มีสิทธิในการลงคะแนนเลือกและรูปแบบของระบบสัดส่วนบัญชีรายชื่อ
ตารางสรุปการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย
ครั้งที่ | วันที่ | ระบบการเลือกตั้ง | จำนวน ส.ส. |
---|---|---|---|
1 | 15 พ.ย. 2476 |
-เลือกตั้งผู้แทนตำบล ตำบลละ 1 คน ผู้แทนตำบลเลือก ส.ส. ของจังหวัด จังหวัดละ 1 คน ต่อจำนวนประชากร 100,000 คน -ส.ส.ประเภทที่ 2 คณะราษฎรแต่งตั้ง |
78 |
2 | 9 พ.ย. 2480 |
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน -จังหวัดที่มีจำนวนประชากรเกิน 200,000 คน มีเขตเลือกตั้งเพิ่ม 1 เขต ทุก 200,000 คน |
91 |
3 | 12 พ.ย. 2481 |
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน -จังหวัดที่มีจำนวนประชากรเกิน 200,000 คน มีเขตเลือกตั้งเพิ่ม 1 เขต ทุก 200,000 คน |
91 |
4 | 6 ม.ค. 2489 |
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน -จังหวัดที่มีจำนวนประชากรเกิน 200,000 คน มีเขตเลือกตั้งเพิ่ม 1 เขต ทุก 200,000 คน |
96 |
5 | 5 ส.ค. 2489 |
-แบ่งเขต 1 เขต 1 คน -ยกเลิก ส.ส. ประเภทที่ 2 และให้มีการเลือกตั้งเพื่อทดแทนจำนวน 82 คน |
178 (96+82) |
6 | 29 ม.ค. 2491 |
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) - ส.ส. 1 คน ทุกจำนวนประชากร 200,000 คน |
96 |
7 | 5 มิ.ย. 2492 |
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) -จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง -เลือก ส.ส. เพิ่ม 21 คน ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 |
120 (99+21) |
8 | 26 ก.พ. 2495 |
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) -กลับมาใช้ระบบสภาเดียว มี ส.ส. 2 ประเภท |
123 |
9 | 26 ก.พ. 2500 |
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) -ส่งผู้สมัครในนามของพรรค |
160 |
10 | 15 ธ.ค. 2500 |
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) |
160 |
11 | 10 ก.พ. 2512 |
-รวมเขตเรียงเบอร์ (เขตจังหวัด) |
219 |
12 | 26 ม.ค. 2518 |
-รวมเขตเรียงเบอร์ -เขตเลือกตั้ง มี ส.ส. ไม่เกิน 3 คน |
269 |
การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในประเทศไทย
กรณีของประเทศไทยนั้น วุฒิสภาเดิมใช้ชื่อว่า “พฤฒสภา” ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2489 กำหนดให้มีสมาชิกจำนวน 80 คน จากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยผ่านผู้แทนตำบล หลังจากนั้นในรัฐธรรมนูญฉบับต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “วุฒิสภา” โดยมีที่มาจากที่พระมหากษัตริย์ทรงเลือกหรือแต่งตั้งตามที่รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับได้บัญญัติไว้ จนกระทั่งเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ได้มีการกำหนดให้ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 200 คน ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีจำนวนสมาชิกวุฒิสภาได้เท่าไรขึ้นอยู่กับสัดส่วนจำนวนประชากรในแต่ละจังหวัดนั้นๆ ด้านวิธีการลงคะแนน กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาได้เพียง 1 คน เท่านั้น ทั้งนี้ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้มีการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2543 และ พ.ศ. 2549
จากนั้น เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้มีการปรับเปลี่ยนที่มาของสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 150 คน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สมาชิกวุฒิสภาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด กับ สมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหา โดยคณะกรรมการสรรหาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งในส่วนของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งนั้น ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาโดยตรงจากประชาชนในแต่ละจังหวัด จังหวัดละ 1 คน รวมเป็นจำนวนทั้งหมด 76 คนโดยกำหนดให้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง ซึ่งภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้มีการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2551
การสรรหาสมาชิกวุฒิสภาในประเทศไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งมาจากการสรรหา โดยคณะกรรมการสรรหาที่มีตำแหน่งเชื่อถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความเป็นอิสระ มีความยุติธรรมและได้รับความไว้วางใจในการทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งจำนวนของสมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหามีจำนวนเท่ากับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งหักด้วยจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งหมด 150 คน ดังนั้นจึงได้สมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหาเป็นจำนวน 74 คน โดยคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ประกอบไปด้วย
(1) ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
(2) ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
(3) ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
(4) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(5) ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
(6) ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมายจำนวน 1 คน
(7) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจำนวน 1 คนเป็นกรรมการ
โดยกรรมการเหล่านี้จะดำเนินการเลือกกันเองให้กรรมการผู้หนึ่งเป็นประธานกรรมการ และในกรณีที่ไม่มีกรรมการในตำแหน่งใด หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ากรรมการที่เหลืออยู่นั้นมีจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาประกอบด้วยกรรมการที่เหลืออยู่ และกำหนดแนวทางให้คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมจากผู้ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรต่างๆ ในภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพและภาคอื่นที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยต้องคำนึงถึงความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานของวุฒิสภาเป็นสำคัญ และให้คำนึงถึงองค์ประกอบจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ที่แตกต่างกัน โอกาสและความเท่าเทียมกันทางเพศ สัดส่วนของบุคคลในแต่ละภาคส่วนที่ใกล้เคียงกัน รวมทั้งการให้โอกาสกับผู้ด้อยโอกาสทางสังคมด้วย
ด้านกระบวนการสรรหาสมาชิกวุฒิสภานั้น มีขั้นตอน ดังนี้
(1) คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดระยะเวลาให้องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน วิชาการ วิชาชีพ และภาคอื่น ๆ ได้เสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยยื่นความจำนงเป็นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมทั้งเอกสารและหลักฐานต่างๆ ตามแบบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ ซึ่งองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมาย หรือเป็นนิติบุคคลที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมายให้จัดตั้งขึ้นในราชอาณาจักรมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และต้องมิใช่เป็นองค์กรที่แสวงหาผลกำไรหรือดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
(2) คณะกรรมการการเลือกตั้งรวบรวมรายชื่อบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรต่างๆ เสนอต่อคณะกรรมการสรรหาภายใน 15 วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอชื่อ
(3) คณะกรรมการสรรหาดำเนินการพิจารณาบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง และให้ถือว่าผลการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาให้ถือเป็นที่สุด โดยมติในการสรรหาต้องลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่
จากเงื่อนไขดังกล่าว ได้มีการดำเนินการสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมจากการเสนอชื่อขององค์กรต่างๆ เพื่อดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยได้มีการกำหนดให้วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นวันสรรหาสมาชิกวุฒิสภาและต่อมาได้ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหาเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 จำนวน 74 คน โดยแบ่งเป็น ภาควิชาการ จำนวน 15 คน ภาครัฐ จำนวน 14 คน ภาคเอกชน จำนวน 15 คน และภาควิชาชีพ จำนวน 15 คน
ที่มา
“การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา”,Retrieved from URL http://library2.parliament.go.th/giventake/ content_elect/senate_summary.pdf โคทม อารียา.สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2540) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่อง ระบบการเลือกตั้ง.กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2544 หน้า 11 – 12.
“ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนที่ 37 ก (22 กุมภาพันธ์ 2551).
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พุทธศักราช 2550 วิชญ์ชัย ธรรมประดิษฐ์.สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2540) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่อง วุฒิสภา.กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2544 หน้า 10-11.
วิชญ์ชัย ธรรมประดิษฐ์.สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2540) หมวดองค์กรทางการเมือง เรื่อง สภาผู้แทนราษฎร.กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า, 2544 หน้า.
“House of Representatives”,Retrieved from [URL] http://en.wikipedia.org/wiki/ House_of_ Representatives
“Senate” ,Retrieved from [URL] http://en.wikipedia.org/wiki/Senate