ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทักษิโนมิค"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้เรียบเรียง''' รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต ---- ทักษิโนมิค คือลัทธิ...
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 2: บรรทัดที่ 2:


----
----
ทักษิโนมิค คือลัทธิหรือแนวทางสำหรับทำสงครามทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมาย สูงสุดทำให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอีกประเทศหนึ่งในเอเชีย และยังทำให้เอเชียทั้งทวีปเป็นศูนย์กลางสำคัญของเศรษฐกิจโลก


แนวทางการบริหารประเทศตามลัทธิทักษิโนมิค คือสนับสนุนให้ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นชนชั้นรากหญ้า ให้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับ ส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง เข้มแข็ง พร้อมที่จะเข้าสู่สงครามเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็ลดบทบาทของชนชั้นกลางลงชั่วคราว กล่าวได้ว่า ชนชั้นสูงกับชนชั้นล่างได้รับอานิสงค์จากลัทธิทักษิณมากกว่าชนชั้นกลาง และเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมให้สอดคล้องกับความเข้มแข็งของชนชั้นที่กล่าวถึงข้างต้น โดยการขจัดศัตรูของสังคมอย่างแข็งขัน ศัตรูที่ว่าได้แก่ นักค้ายาเสพติด มาเฟีย นักทุจริต เป็นต้น
'''ทักษิโนมิค''' คือลัทธิหรือแนวทางสำหรับทำสงครามทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมาย สูงสุดทำให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอีกประเทศหนึ่งในเอเชีย และยังทำให้เอเชียทั้งทวีปเป็นศูนย์กลางสำคัญของเศรษฐกิจโลก


ส่วนบทบาทในอาเซียนและทวีปเอเชีย ลัทธิทักษิโนมิค ได้จัดลำดับหุ้นส่วนไว้หลายระดับ  มีตั้งแต่เพื่อนบ้าน ใกล้ชิด 3 ประเทศ พม่า เขมร และลาว ถัดไปคือประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เหลือ นอกนั้นก็จัดแกนนำทวีปเอเชียเป็น 2 แกน คือ แกนที่1 เป็นแกนนำทางเศรษฐกิจ มีญี่ปุ่น จีน เป็นหลัก และไทยต้องเป็นหนึ่งในแกนหลักดังกล่าว ส่วนแกนที่2 เป็นแกนด้านตลาด คือ จีนกับอินเดีย เนื่องจากมีพลเมืองมาก  ลัทธิทักษิโนมิคมีเป้าหมายนำไทยเข้าไปยืนระหว่างแกนนี้ ดังนั้น การก่อตั้งความร่วมมือแห่งเอเชียหรือเอซีดี และการจัดตั้งเอเชียบอนด์หรือตลาดพันธบัตรเอเชีย เกิดขึ้นเพื่อผนึกกำลังหุ้นส่วนทั้งหลายไปทำสงครามเศรษฐกิจกับยุโรปและอเมริกา
แนวทางการบริหารประเทศตามลัทธิทักษิโนมิค คือสนับสนุนให้ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นชนชั้น[[รากหญ้า]] ให้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับ ส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง เข้มแข็ง พร้อมที่จะเข้าสู่สงครามเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็ลดบทบาทของชนชั้นกลางลงชั่วคราว กล่าวได้ว่า ชนชั้นสูงกับชนชั้นล่างได้รับอานิสงค์จาก[[ลัทธิทักษิณ]]มากกว่าชนชั้นกลาง และเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมให้สอดคล้องกับความเข้มแข็งของชนชั้นที่กล่าวถึงข้างต้น โดยการขจัดศัตรูของสังคมอย่างแข็งขัน ศัตรูที่ว่าได้แก่ นักค้ายาเสพติด มาเฟีย นักทุจริต เป็นต้น


ส่วนที่มาขอคำ “ทักษิโนมิค” มาจาก 3 แหล่งด้วยกัน ได้แก่ 1) นางอาร์โรโย ประธานาธิบดี แห่งประเทศฟิลิปปินส์ในคราวประชุมนานาชาติที่กรุงโตเกียว เมื่อเดือนมิถุนายนปี พ.ศ. 2546  เรียกแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลทักษิณ ที่ทำได้อย่างเป็นรูปธรรม ว่า “ทักษิโนมิค”  2) สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ในช่วงเวลาก่อนเดือนมิถุนายน ปี พ .ศ. 2546 ได้เชิดชูความคิดทะลายพรมแดนเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือกันสร้างความเจริญมั่งคั่งว่าเป็นทฤษฎีทักษิณ  3) ย้อนหลังไปในปี พ.ศ. 2545 นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการไทยจากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศษสตร์ มองการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณว่าเป็นแบบทักษิณานุวัตร คือเป็นการใช้อำนาจนำพาประเทศให้เป็นไปตามความต้องการส่วนตัว (สยามรัฐรายวัน 9 มิถุนายน 2546)
ส่วนบทบาทในอาเซียนและทวีปเอเชีย ลัทธิทักษิโนมิค ได้จัดลำดับหุ้นส่วนไว้หลายระดับ  มีตั้งแต่เพื่อนบ้าน ใกล้ชิด 3 ประเทศ พม่า เขมร และลาว ถัดไปคือประเทศในกลุ่ม[[อาเซียน]]ที่เหลือ นอกนั้นก็จัดแกนนำทวีปเอเชียเป็น 2 แกน คือ แกนที่1 เป็นแกนนำทางเศรษฐกิจ มีญี่ปุ่น จีน เป็นหลัก และไทยต้องเป็นหนึ่งในแกนหลักดังกล่าว ส่วนแกนที่2 เป็นแกนด้านตลาด คือ จีนกับอินเดีย เนื่องจากมี[[พลเมือง]]มาก  ลัทธิทักษิโนมิคมีเป้าหมายนำไทยเข้าไปยืนระหว่างแกนนี้ ดังนั้น การก่อตั้ง[[ความร่วมมือแห่งเอเชีย]]หรือ[[เอซีดี]] และการจัดตั้ง[[เอเชียบอนด์]]หรือ[[ตลาดพันธบัตรเอเชีย]] เกิดขึ้นเพื่อผนึกกำลังหุ้นส่วนทั้งหลายไปทำสงครามเศรษฐกิจกับยุโรปและอเมริกา
 
ส่วนที่มาขอคำ “ทักษิโนมิค” มาจาก 3 แหล่งด้วยกัน ได้แก่  
 
1) นางอาร์โรโย ประธานาธิบดี แห่งประเทศฟิลิปปินส์ในคราวประชุมนานาชาติที่กรุงโตเกียว เมื่อเดือนมิถุนายนปี พ.ศ. 2546  เรียกแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของ[[รัฐบาลทักษิณ]] ที่ทำได้อย่างเป็นรูปธรรม ว่า “ทักษิโนมิค”   
 
2) สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ในช่วงเวลาก่อนเดือนมิถุนายน ปี พ .ศ. 2546 ได้เชิดชูความคิดทะลายพรมแดนเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือกันสร้างความเจริญมั่งคั่งว่าเป็นทฤษฎีทักษิณ   
 
3) ย้อนหลังไปในปี พ.ศ. 2545 นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการไทยจากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี [[ทักษิณ ชินวัตร|พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ]]ว่าเป็นแบบ[[ทักษิณานุวัตร]] คือเป็นการใช้อำนาจนำพาประเทศให้เป็นไปตามความต้องการส่วนตัว (สยามรัฐรายวัน 9 มิถุนายน 2546)

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:50, 8 กันยายน 2553

ผู้เรียบเรียง รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต


ทักษิโนมิค คือลัทธิหรือแนวทางสำหรับทำสงครามทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมาย สูงสุดทำให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอีกประเทศหนึ่งในเอเชีย และยังทำให้เอเชียทั้งทวีปเป็นศูนย์กลางสำคัญของเศรษฐกิจโลก

แนวทางการบริหารประเทศตามลัทธิทักษิโนมิค คือสนับสนุนให้ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นชนชั้นรากหญ้า ให้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับ ส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง เข้มแข็ง พร้อมที่จะเข้าสู่สงครามเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็ลดบทบาทของชนชั้นกลางลงชั่วคราว กล่าวได้ว่า ชนชั้นสูงกับชนชั้นล่างได้รับอานิสงค์จากลัทธิทักษิณมากกว่าชนชั้นกลาง และเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมให้สอดคล้องกับความเข้มแข็งของชนชั้นที่กล่าวถึงข้างต้น โดยการขจัดศัตรูของสังคมอย่างแข็งขัน ศัตรูที่ว่าได้แก่ นักค้ายาเสพติด มาเฟีย นักทุจริต เป็นต้น

ส่วนบทบาทในอาเซียนและทวีปเอเชีย ลัทธิทักษิโนมิค ได้จัดลำดับหุ้นส่วนไว้หลายระดับ มีตั้งแต่เพื่อนบ้าน ใกล้ชิด 3 ประเทศ พม่า เขมร และลาว ถัดไปคือประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เหลือ นอกนั้นก็จัดแกนนำทวีปเอเชียเป็น 2 แกน คือ แกนที่1 เป็นแกนนำทางเศรษฐกิจ มีญี่ปุ่น จีน เป็นหลัก และไทยต้องเป็นหนึ่งในแกนหลักดังกล่าว ส่วนแกนที่2 เป็นแกนด้านตลาด คือ จีนกับอินเดีย เนื่องจากมีพลเมืองมาก ลัทธิทักษิโนมิคมีเป้าหมายนำไทยเข้าไปยืนระหว่างแกนนี้ ดังนั้น การก่อตั้งความร่วมมือแห่งเอเชียหรือเอซีดี และการจัดตั้งเอเชียบอนด์หรือตลาดพันธบัตรเอเชีย เกิดขึ้นเพื่อผนึกกำลังหุ้นส่วนทั้งหลายไปทำสงครามเศรษฐกิจกับยุโรปและอเมริกา

ส่วนที่มาขอคำ “ทักษิโนมิค” มาจาก 3 แหล่งด้วยกัน ได้แก่

1) นางอาร์โรโย ประธานาธิบดี แห่งประเทศฟิลิปปินส์ในคราวประชุมนานาชาติที่กรุงโตเกียว เมื่อเดือนมิถุนายนปี พ.ศ. 2546 เรียกแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลทักษิณ ที่ทำได้อย่างเป็นรูปธรรม ว่า “ทักษิโนมิค”

2) สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ในช่วงเวลาก่อนเดือนมิถุนายน ปี พ .ศ. 2546 ได้เชิดชูความคิดทะลายพรมแดนเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือกันสร้างความเจริญมั่งคั่งว่าเป็นทฤษฎีทักษิณ

3) ย้อนหลังไปในปี พ.ศ. 2545 นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการไทยจากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณว่าเป็นแบบทักษิณานุวัตร คือเป็นการใช้อำนาจนำพาประเทศให้เป็นไปตามความต้องการส่วนตัว (สยามรัฐรายวัน 9 มิถุนายน 2546)