ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรณีที่ ๒ นายโชบี"
สร้างหน้าใหม่: '''กรณีที่ ๒ นายโชบี''' ตัวอย่างของคนเกิดในประเทศไทยจากบิด... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''กรณีที่ ๒ นายโชบี''' | '''กรณีที่ ๒ นายโชบี''' | ||
ตัวอย่างของคนเกิดในประเทศไทยจากบิดาและมารดาโรฮินญาหนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทย | ตัวอย่างของคนเกิดในประเทศไทยจากบิดาและมารดาโรฮินญาหนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทย เขาประสบความไร้รัฐเพราะไร้สถานะทาง[[กฎหมายทะเบียนราษฎ]]ร แต่บุตรสาวของเขามีสัญชาติไทย ไม่ไร้รัฐไม่ไร้สัญชาติเช่นเดียวกับเขา เพราะภริยาของเขามีสัญชาติไทย | ||
-------------------------------------------------------------------------------- | -------------------------------------------------------------------------------- | ||
นายอุสเซ็น และ | นายอุสเซ็น และ นางอานัวเป็นชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์[[โรฮินญา]]ที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งเกิดและอาศัยในรัฐอาระกัน ประเทศพม่า ถูก[[รัฐบาล]]พม่าผลักดันให้ออกจากประเทศพม่า จนต้องอพยพเข้ามาในประเทศไทยในราว พ.ศ.๒๕๑๙ นางอานัวมารดาเล่าให้โชบีฟังว่า “ประเทศพม่าไม่ให้สัญชาติคนมุสลิมและผลักดันออกนอกประเทศ หาว่าเป็น[[กบฎ]] ซึ่งคนมุสลิมเหล่านี้มีจำนวนเป็นหลายพัน หลายแสนคน แล้วก็ถูกผลักดันออกจากประเทศพม่า ๓ แสนกว่าคน ถูกผลักดันไปบังคลาเทศ บางส่วนหนีมาประเทศไทย | ||
นายอุสเซ็นและนางอานัวอพยพเข้ามาในประเทศไทยทางผ่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี | นายอุสเซ็นและนางอานัวอพยพเข้ามาในประเทศไทยทางผ่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี | ||
บรรทัดที่ 15: | บรรทัดที่ 15: | ||
ต่อมา เมื่ออายุประมาณ ๑๕-๑๖ ปี โชบีย้ายไปอยู่กับเพื่อนแถวปากเกร็ด กทม. เพราะมีเพื่อนมุสลิมที่ไม่มีสัญชาติเหมือนกับโชบี แนะนำให้เข้ามากรุงเทพฯ กลับมาขายยาดม กระดาษชำระ และต่อมา นางบานู คนพม่านับถือศาสนาอิสลามได้รับโชบีไปอุปการะ สอนอาชีพขายโรตีให้โชบี ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน โชบีมีอาชีพขายโรตี ปัจจุบัน นางบานูยังมีชีวิตแต่ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี | ต่อมา เมื่ออายุประมาณ ๑๕-๑๖ ปี โชบีย้ายไปอยู่กับเพื่อนแถวปากเกร็ด กทม. เพราะมีเพื่อนมุสลิมที่ไม่มีสัญชาติเหมือนกับโชบี แนะนำให้เข้ามากรุงเทพฯ กลับมาขายยาดม กระดาษชำระ และต่อมา นางบานู คนพม่านับถือศาสนาอิสลามได้รับโชบีไปอุปการะ สอนอาชีพขายโรตีให้โชบี ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน โชบีมีอาชีพขายโรตี ปัจจุบัน นางบานูยังมีชีวิตแต่ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี | ||
หลังจากนั้น โชบีถูกจับกุมหลายครั้งในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองบ้าง หรือทำงานผิดกฎหมายบ้าง และโชบีบอกว่า ถูกจับประมาณกว่า ๑๐ ครั้ง เมื่อถูกจับ ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ | หลังจากนั้น โชบีถูกจับกุมหลายครั้งในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองบ้าง หรือทำงานผิดกฎหมายบ้าง และโชบีบอกว่า ถูกจับประมาณกว่า ๑๐ ครั้ง เมื่อถูกจับ ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติและผู้[[พลัดถิ่น]] ของ[[สภาทนายความ]] ซึ่งก็ช่วยอธิบายให้ตำรวจทันบ้าง ไม่ทันบ้าง และแม้ถูกส่งตัวไปที่สังขละบุรี แต่ก็เดินทางกลับมาบ้านได้ทุกครั้ง | ||
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ รัฐบาลไทยมีการเปิดให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายจากพม่า ลาว และกัมพูชา โชบีจึงไปขอใบอนุญาตทำงาน ประเภทไม่ต้องมีนายจ้าง และสามารถประกอบอาชีพอิสระได้ (พ.๒) แต่ก็ถูกจับอีกในข้อหา “ขายโรตี” โดยตำรวจชี้แจงว่า อาชีพขายโรตีเป็นอาชีพที่ต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวทำ โชบีบอกว่า ไม่กลัวตอนถูกจับ แต่อายมากกว่า หลังจากนั้น เขาจึงไม่เคยไปขอทำใบอนุญาตทำงานอีกเลย โชบีไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ที่อ่านออกเขียนได้ เพราะเพื่อนๆ ช่วยสอนให้ เคยไปขอเรียนที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ตอนอายุ ๑๖ ปี แต่ถูกปฏิเสธเพราะไม่มีหนังสือรับรองการเกิด ล่าสุด โชบีส่งข่าวมายังคลินิกกฎหมายเพื่อคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า เขาอยู่กันฉันสามีภริยากับนางสาววิลาวัณย์ คนสัญชาติไทย และมีบุตรด้วยกัน ๑ คน กล่าวคือ เด็กหญิงเกวลินทร์ ซึ่งเกิดที่โรงพยาบาลวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาทเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ทั้งนี้ ปรากฏตามหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ซึ่งโรงพยาบาลดังกล่าวออกให้แก่เด็กหญิงเกวลินทร์ เอกสารนี้ระบุว่า เกวลินทร์มีสัญชาติไทย ทั้งวิลาวัณย์และเกวลินทร์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านคนอยู่ถาวร (ท.ร.๑๔) ตามกฎหมายไทย | เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ รัฐบาลไทยมีการเปิดให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายจากพม่า ลาว และกัมพูชา โชบีจึงไปขอใบอนุญาตทำงาน ประเภทไม่ต้องมีนายจ้าง และสามารถประกอบอาชีพอิสระได้ (พ.๒) แต่ก็ถูกจับอีกในข้อหา “ขายโรตี” โดยตำรวจชี้แจงว่า อาชีพขายโรตีเป็นอาชีพที่ต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวทำ โชบีบอกว่า ไม่กลัวตอนถูกจับ แต่อายมากกว่า หลังจากนั้น เขาจึงไม่เคยไปขอทำใบอนุญาตทำงานอีกเลย โชบีไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ที่อ่านออกเขียนได้ เพราะเพื่อนๆ ช่วยสอนให้ เคยไปขอเรียนที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ตอนอายุ ๑๖ ปี แต่ถูกปฏิเสธเพราะไม่มีหนังสือรับรองการเกิด ล่าสุด โชบีส่งข่าวมายังคลินิกกฎหมายเพื่อคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า เขาอยู่กันฉันสามีภริยากับนางสาววิลาวัณย์ คนสัญชาติไทย และมีบุตรด้วยกัน ๑ คน กล่าวคือ เด็กหญิงเกวลินทร์ ซึ่งเกิดที่โรงพยาบาลวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาทเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ทั้งนี้ ปรากฏตามหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ซึ่งโรงพยาบาลดังกล่าวออกให้แก่เด็กหญิงเกวลินทร์ เอกสารนี้ระบุว่า เกวลินทร์มีสัญชาติไทย ทั้งวิลาวัณย์และเกวลินทร์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านคนอยู่ถาวร (ท.ร.๑๔) ตามกฎหมายไทย |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:02, 27 สิงหาคม 2553
กรณีที่ ๒ นายโชบี ตัวอย่างของคนเกิดในประเทศไทยจากบิดาและมารดาโรฮินญาหนีภัยความตายเข้ามาในประเทศไทย เขาประสบความไร้รัฐเพราะไร้สถานะทางกฎหมายทะเบียนราษฎร แต่บุตรสาวของเขามีสัญชาติไทย ไม่ไร้รัฐไม่ไร้สัญชาติเช่นเดียวกับเขา เพราะภริยาของเขามีสัญชาติไทย
นายอุสเซ็น และ นางอานัวเป็นชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์โรฮินญาที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งเกิดและอาศัยในรัฐอาระกัน ประเทศพม่า ถูกรัฐบาลพม่าผลักดันให้ออกจากประเทศพม่า จนต้องอพยพเข้ามาในประเทศไทยในราว พ.ศ.๒๕๑๙ นางอานัวมารดาเล่าให้โชบีฟังว่า “ประเทศพม่าไม่ให้สัญชาติคนมุสลิมและผลักดันออกนอกประเทศ หาว่าเป็นกบฎ ซึ่งคนมุสลิมเหล่านี้มีจำนวนเป็นหลายพัน หลายแสนคน แล้วก็ถูกผลักดันออกจากประเทศพม่า ๓ แสนกว่าคน ถูกผลักดันไปบังคลาเทศ บางส่วนหนีมาประเทศไทย
นายอุสเซ็นและนางอานัวอพยพเข้ามาในประเทศไทยทางผ่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
หลังจากที่นายอุสเซ็นและนางอานัวอยู่ประเทศไทยได้ ๒ ปี ก็มีบุตร ๑ คน กล่าวคือนายโซบี ซุบาฮาน นางอานัวไม่ได้คลอดโชบีที่โรงพยาบาล โดยนางอานัวบอกแก่โชบีว่า นางอานัวไม่มีเอกสารหรือหลักฐานแสดงตน จึงไม่กล้าไปโรงพยาบาล แต่บอกโชบีว่า คลอดที่อำเภอพระโขนง โดยหมอตำแย ซึ่งนางคอตีเยาะห์ คนสัญชาติไทย เป็นพยานรู้เห็นการเกิดของโชบี แต่โชบีไม่รู้วันเกิดของตัวเอง เพราะนางอานัวบอกเพียงว่า โชบีเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔ บิดาเสียชีวิต ขณะที่โซบีอยู่ในครรภ์มารดาประมาณ ๗ เดือน โชบีเริ่มทำงานขายกระดาษทิชชูตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ เริ่มจากแถวสุขุมวิท สีลม ไปจนถึงสายใต้เก่าจนสายใต้ย้ายไปที่ใหม่
ในราว พ.ศ.๒๕๓๒ เมื่อโซบีอายุประมาณ ๗ ปี นางอานัวมารดาและโซบีถูกตำรวจจับข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและถูกส่งออกนอกราชอาณาจักร ณ ด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้น มารดาและโซบีก็เดินเท้ากลับเข้ามายังไทย และพำนักอยู่ที่บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ประมาณไม่นานนักมารดาก็เสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรีย โซบีอยู่ตามลำพัง ขณะที่โชบีอายุได้ ๑๐ ปี
โชบีจึงเติบโตโดยลำพังและด้วยการเอื้อเฟื้อของเพื่อนบ้าน โชบีอาศัยอยู่กับชาวบ้าน โดยรับจ้างเลี้ยงวัวอยู่ประมาณ ๑ ปี โดยไม่มีรายได้ นายจ้างให้ได้แต่เพียงอาหารและที่พักอาศัย
ต่อมา เมื่ออายุประมาณ ๑๕-๑๖ ปี โชบีย้ายไปอยู่กับเพื่อนแถวปากเกร็ด กทม. เพราะมีเพื่อนมุสลิมที่ไม่มีสัญชาติเหมือนกับโชบี แนะนำให้เข้ามากรุงเทพฯ กลับมาขายยาดม กระดาษชำระ และต่อมา นางบานู คนพม่านับถือศาสนาอิสลามได้รับโชบีไปอุปการะ สอนอาชีพขายโรตีให้โชบี ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน โชบีมีอาชีพขายโรตี ปัจจุบัน นางบานูยังมีชีวิตแต่ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี
หลังจากนั้น โชบีถูกจับกุมหลายครั้งในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองบ้าง หรือทำงานผิดกฎหมายบ้าง และโชบีบอกว่า ถูกจับประมาณกว่า ๑๐ ครั้ง เมื่อถูกจับ ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติและผู้พลัดถิ่น ของสภาทนายความ ซึ่งก็ช่วยอธิบายให้ตำรวจทันบ้าง ไม่ทันบ้าง และแม้ถูกส่งตัวไปที่สังขละบุรี แต่ก็เดินทางกลับมาบ้านได้ทุกครั้ง
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ รัฐบาลไทยมีการเปิดให้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายจากพม่า ลาว และกัมพูชา โชบีจึงไปขอใบอนุญาตทำงาน ประเภทไม่ต้องมีนายจ้าง และสามารถประกอบอาชีพอิสระได้ (พ.๒) แต่ก็ถูกจับอีกในข้อหา “ขายโรตี” โดยตำรวจชี้แจงว่า อาชีพขายโรตีเป็นอาชีพที่ต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวทำ โชบีบอกว่า ไม่กลัวตอนถูกจับ แต่อายมากกว่า หลังจากนั้น เขาจึงไม่เคยไปขอทำใบอนุญาตทำงานอีกเลย โชบีไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ที่อ่านออกเขียนได้ เพราะเพื่อนๆ ช่วยสอนให้ เคยไปขอเรียนที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ตอนอายุ ๑๖ ปี แต่ถูกปฏิเสธเพราะไม่มีหนังสือรับรองการเกิด ล่าสุด โชบีส่งข่าวมายังคลินิกกฎหมายเพื่อคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า เขาอยู่กันฉันสามีภริยากับนางสาววิลาวัณย์ คนสัญชาติไทย และมีบุตรด้วยกัน ๑ คน กล่าวคือ เด็กหญิงเกวลินทร์ ซึ่งเกิดที่โรงพยาบาลวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาทเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ทั้งนี้ ปรากฏตามหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ซึ่งโรงพยาบาลดังกล่าวออกให้แก่เด็กหญิงเกวลินทร์ เอกสารนี้ระบุว่า เกวลินทร์มีสัญชาติไทย ทั้งวิลาวัณย์และเกวลินทร์มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านคนอยู่ถาวร (ท.ร.๑๔) ตามกฎหมายไทย
ครอบครัวของโชบีตั้งบ้านเรือนอยู่จริงที่จังหวัดชัยนาทในปัจจุบัน แต่โชบีผู้เดียวในครอบครัวยังคงไร้รัฐ กล่าวคือ ไม่มีสถานะทางกฎหมายทะเบียนราษฎร