ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดำรงไทย (พ.ศ. 2538)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าใหม่: '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐ...
 
Teeraphan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:
'''พรรคดำรงไทย (2538)'''
'''พรรคดำรงไทย (2538)'''


พรรคดำรงไทยได้ยื่นขอจดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนพิเศษ 5ง หน้า 24</ref> โดยมีนายประพนธ์ จันทร์กล่ำ<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนพิเศษ 5ง หน้า 24</ref>  ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 พรรคได้มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้แก่ นายวีระ มุกสิกพงศ์<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 50ง หน้า 9</ref>  แต่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งยุบเลิกพรรคดำรงไทย<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 54ง หน้า 11</ref> เนื่องจากไม่มีสมาชิกได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พรรคดำรงไทยได้ยื่นขอ[[จดทะเบียนพรรคการเมือง]]เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนพิเศษ 5ง หน้า 24</ref> โดยมีนายประพนธ์ จันทร์กล่ำ<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนพิเศษ 5ง หน้า 24</ref>  ดำรงตำแหน่งเป็น[[หัวหน้าพรรค]] ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 พรรคได้มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้ง[[คณะกรรมการบริหาร]]ชุดใหม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้แก่ นายวีระ มุกสิกพงศ์<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 50ง หน้า 9</ref>  แต่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 [[ศาลฎีกา]]ได้มีคำสั่ง[[ยุบเลิก]]พรรคดำรงไทย<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 54ง หน้า 11</ref> เนื่องจากไม่มีสมาชิกได้รับการเลือกตั้งเป็น[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]


ในส่วนของการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองของพรรคดำรงไทยนั้น ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ    วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 พรรคได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั่วประเทศจำนวน 122 คน แต่มิได้รับการเลือกเลยแม้แต่คนเดียวดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ศาลฎีกาตัดสินยุบเลิกพรรคดำรงไทยในเวลาต่อมา  
ในส่วนของการเข้าร่วม[[กิจกรรมทางการเมือง]]ของพรรคดำรงไทยนั้น ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ    วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 พรรคได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั่วประเทศจำนวน 122 คน แต่มิได้รับการเลือกเลยแม้แต่คนเดียวดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ศาลฎีกาตัดสินยุบเลิกพรรคดำรงไทยในเวลาต่อมา  


รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ
บรรทัดที่ 15: บรรทัดที่ 15:
'''ด้านการเมือง'''
'''ด้านการเมือง'''


1.ยึดมั่นและมุ่งพัฒนาการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
1.ยึดมั่นและมุ่งพัฒนาการปกครองตาม[[ระบอบประชาธิปไตย]]อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข


2.มุ่งเสริมสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นในสถาบันรัฐสภาให้เกิดแก่มวลชนทุกหมู่เหล่า
2.มุ่งเสริมสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นในสถาบัน[[รัฐสภา]]ให้เกิดแก่มวลชนทุกหมู่เหล่า


3.มุ่งกระจายอำนาจการปกครองออกสู่ท้องถิ่น
3.มุ่ง[[กระจายอำนาจ]]การปกครองออกสู่ท้องถิ่น


'''ด้านการบริหาร '''
'''ด้านการบริหาร '''


1.เร่งปรับปรุงกลไกการบริหารของหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ
1.เร่งปรับปรุงกลไกการบริหารของหน่วยงานราชการ และ[[รัฐวิสาหกิจ]]


2.ส่งเสริมนักการเมืองให้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความรู้และประสบการณ์สูงในการบริหาร  
2.ส่งเสริมนักการเมืองให้มี[[วิสัยทัศน์]]ที่กว้างไกล มีความรู้และประสบการณ์สูงในการบริหาร  


3.ประสานและร่วมมือกับภาคเอกชนในการวางแผนเศรษฐกิจและสังคม
3.ประสานและร่วมมือกับภาคเอกชนในการวางแผนเศรษฐกิจและสังคม
บรรทัดที่ 33: บรรทัดที่ 33:
'''นโยบายต่างประเทศและความมั่นคง '''
'''นโยบายต่างประเทศและความมั่นคง '''


1.มุ่งมั่นรักษาเอกราช อธิปไตยและความมั่นคงของประเทศด้วยการกระชับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ
1.มุ่งมั่นรักษา[[เอกราช]] [[อธิปไตย]]และความมั่นคงของประเทศด้วยการกระชับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ


2.ร่วมมือกับประเทศต่างๆ ที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน  
2.ร่วมมือกับประเทศต่างๆ ที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน  
บรรทัดที่ 51: บรรทัดที่ 51:
'''นโยบายด้านสังคม '''
'''นโยบายด้านสังคม '''


1.พัฒนาสังคมให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมคุณธรรมและการสร้างวินัยในสังคม
1.พัฒนาสังคมให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริม[[คุณธรรม]]และการสร้างวินัยในสังคม


2.ส่งเสริมความเป็นธรรมในสังคม พิทักษ์ปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม
2.ส่งเสริมความเป็นธรรมในสังคม พิทักษ์ปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่าง[[เป็นธรรม]]


3.เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาตนเองของประชาชน และจัดสวัสดิการทางสังคมให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน  
3.เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาตนเองของประชาชน และจัดสวัสดิการทางสังคมให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน  

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 22:05, 23 มิถุนายน 2553

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรคดำรงไทย (2538)

พรรคดำรงไทยได้ยื่นขอจดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538[1] โดยมีนายประพนธ์ จันทร์กล่ำ[2] ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 พรรคได้มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้แก่ นายวีระ มุกสิกพงศ์[3] แต่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งยุบเลิกพรรคดำรงไทย[4] เนื่องจากไม่มีสมาชิกได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ในส่วนของการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองของพรรคดำรงไทยนั้น ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 พรรคได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั่วประเทศจำนวน 122 คน แต่มิได้รับการเลือกเลยแม้แต่คนเดียวดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ศาลฎีกาตัดสินยุบเลิกพรรคดำรงไทยในเวลาต่อมา

รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ


ด้านการเมือง

1.ยึดมั่นและมุ่งพัฒนาการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

2.มุ่งเสริมสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นในสถาบันรัฐสภาให้เกิดแก่มวลชนทุกหมู่เหล่า

3.มุ่งกระจายอำนาจการปกครองออกสู่ท้องถิ่น


ด้านการบริหาร

1.เร่งปรับปรุงกลไกการบริหารของหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ

2.ส่งเสริมนักการเมืองให้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความรู้และประสบการณ์สูงในการบริหาร

3.ประสานและร่วมมือกับภาคเอกชนในการวางแผนเศรษฐกิจและสังคม


นโยบายต่างประเทศและความมั่นคง

1.มุ่งมั่นรักษาเอกราช อธิปไตยและความมั่นคงของประเทศด้วยการกระชับความสัมพันธ์กับนานาประเทศ

2.ร่วมมือกับประเทศต่างๆ ที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน

3.เคารพและปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ


นโยบายด้านเศรษฐกิจ

1.ธำรงความเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องและให้มีการขยายตัวทุกแขนง

2.สนับสนุนการวิจัยค้นคว้าวิทยาการต่างๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิต

3.ส่งเสริมการออม


นโยบายด้านสังคม

1.พัฒนาสังคมให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมคุณธรรมและการสร้างวินัยในสังคม

2.ส่งเสริมความเป็นธรรมในสังคม พิทักษ์ปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม

3.เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาตนเองของประชาชน และจัดสวัสดิการทางสังคมให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน


นโยบายด้านการศึกษา

1.มุ่งส่งเสริมและสร้างโอกาสให้แก่เยาวชนและประชาชนในชาติให้ได้รับการศึกษาอบรมอย่างถูกต้อง

2.กระจายการศึกษาไปสู่ท้องถิ่น และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

3.มุ่งพัฒนาและยกระดับคุณภาพในการจัดการศึกษาทุกระดับ


อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนพิเศษ 5ง หน้า 24
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนพิเศษ 5ง หน้า 24
  3. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 112 ตอนที่ 50ง หน้า 9
  4. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 54ง หน้า 11