ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518"
สร้างหน้าด้วย "<div> '''ผู้เรียบเรียง :''' ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉ..." |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
<div> | <div> | ||
'''ผู้เรียบเรียง :''' ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล | '''ผู้เรียบเรียง :''' ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล | ||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' ''':''' ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ | '''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' ''':''' ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ | ||
บรรทัดที่ 8: | บรรทัดที่ 8: | ||
= '''ความเป็นมา''' = | = '''ความเป็นมา''' = | ||
ในช่วงรัฐบาลจอมพล[[ถนอม_กิตติขจร_(รศ.นรนิติ_เศรษฐบุตร)|ถนอม กิตติขจร]] ได้ออกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 24 ลงวันที่ 21 ธันวาคม พุทธศักราช 2514 ให้รวมจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีเข้าเป็นจังหวัดเดียว โดยเรียกชื่อใหม่ว่า “'''นครหลวงกรุงเทพธนบุรี'''” ต่อมาได้มีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 กำหนดให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น '''“'''[[กรุงเทพมหานคร]]'''”''' และจัดให้มีระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครใหม่ ให้มีผู้ว่าราชการและรองผู้ว่าราชการเป็นผู้ปกครองดูแลในเขตจังหวัด | ในช่วงรัฐบาลจอมพล[[ถนอม_กิตติขจร_(รศ.นรนิติ_เศรษฐบุตร)|ถนอม กิตติขจร]] ได้ออกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 24 ลงวันที่ 21 ธันวาคม พุทธศักราช 2514 ให้รวมจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีเข้าเป็นจังหวัดเดียว โดยเรียกชื่อใหม่ว่า “'''นครหลวงกรุงเทพธนบุรี'''” ต่อมาได้มีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 กำหนดให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น '''“'''[[กรุงเทพมหานคร|กรุงเทพมหานคร]]'''”''' และจัดให้มีระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครใหม่ ให้มีผู้ว่าราชการและรองผู้ว่าราชการเป็นผู้ปกครองดูแลในเขตจังหวัด | ||
พัฒนาการในการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษของกรุงเทพมหานครได้ถูกให้ความสำคัญอีกครั้งในฐานะที่เป็นหน่วยงานในการเสริมสร้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นภายหลังเหตุการณ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516[[#_ftn1|[1]]]เป็นผลให้รัฐบาลเผด็จการของจอมพลถนอม กิตติขจร ต้องลาออกและยุติบทบาททางการเมืองลงไป จนกระทั่งได้มีการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2517]] ขึ้น โดยมีสาระสำคัญในการปกครองส่วนท้องถิ่นระบุให้สภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง[[#_ftn2|[2]]]ส่งผลให้ใน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ขึ้นใช้เพื่อให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ | พัฒนาการในการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษของกรุงเทพมหานครได้ถูกให้ความสำคัญอีกครั้งในฐานะที่เป็นหน่วยงานในการเสริมสร้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นภายหลังเหตุการณ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516[[#_ftn1|[1]]] เป็นผลให้รัฐบาลเผด็จการของจอมพลถนอม กิตติขจร ต้องลาออกและยุติบทบาททางการเมืองลงไป จนกระทั่งได้มีการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2517|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2517]] ขึ้น โดยมีสาระสำคัญในการปกครองส่วนท้องถิ่นระบุให้สภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง[[#_ftn2|[2]]] ส่งผลให้ใน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ขึ้นใช้เพื่อให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ | ||
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 กำหนดให้ยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนของกรุงเทพมหานครได้มีส่วนเข้ามารับผิดชอบในการบริหารกรุงเทพมหานครโดยตรง เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชนกรุงเทพมหานครให้ดียิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างของการปกครองท้องถิ่นโดยประชาชนของท้องถิ่นโดยตรงเพื่อให้สอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศต่อไป กฎหมายฉบับนี้มีทั้งสิ้น จำนวน 92 มาตรา จัดแบ่งโครงสร้างออกเป็น 7 หมวด รวมถึงบทเฉพาะกาลและการรักษาการตามพระราชบัญญัติ ดังนี้ | พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 กำหนดให้ยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนของกรุงเทพมหานครได้มีส่วนเข้ามารับผิดชอบในการบริหารกรุงเทพมหานครโดยตรง เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชนกรุงเทพมหานครให้ดียิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างของการปกครองท้องถิ่นโดยประชาชนของท้องถิ่นโดยตรงเพื่อให้สอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศต่อไป กฎหมายฉบับนี้มีทั้งสิ้น จำนวน 92 มาตรา จัดแบ่งโครงสร้างออกเป็น 7 หมวด รวมถึงบทเฉพาะกาลและการรักษาการตามพระราชบัญญัติ ดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 44: | บรรทัดที่ 44: | ||
'''1. การจัดระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร''' | '''1. การจัดระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร''' | ||
กรุงเทพมหานครเป็นทบวงการเมือง มีฐานะเป็นราชการส่วนท้องถิ่นนครหลวง แบ่งเขตพื้นที่ปกครองของกรุงเทพมหานครออกเป็นเขตและแขวงตามลำดับ[[#_ftn3|[3]]]จัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ | กรุงเทพมหานครเป็นทบวงการเมือง มีฐานะเป็นราชการส่วนท้องถิ่นนครหลวง แบ่งเขตพื้นที่ปกครองของกรุงเทพมหานครออกเป็นเขตและแขวงตามลำดับ[[#_ftn3|[3]]] จัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ | ||
<u>ส่วนที่ 1</u> การจัดระเบียบราชการในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสภากรุงเทพมหานคร[[#_ftn4|[4]]]ให้มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 1 คน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 4 คน[[#_ftn5|[5]]]และปลัดกรุงเทพมหานคร 1 คน ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและตามคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[[#_ftn6|[6]]] | <u>ส่วนที่ 1</u> การจัดระเบียบราชการในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสภากรุงเทพมหานคร[[#_ftn4|[4]]] ให้มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 1 คน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 4 คน[[#_ftn5|[5]]] และปลัดกรุงเทพมหานคร 1 คน ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและตามคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[[#_ftn6|[6]]] | ||
<u>ส่วนที่ 2</u> เขต ให้มีหัวหน้าเขต 1 คน และผู้ช่วยหัวหน้าเขตรับผิดชอบการปฏิบัติราชการภายในเขต[[#_ftn7|[7]]]ถ้าเห็นสมควรอาจแบ่งเขตออกเป็นแขวงขึ้นตรงต่อหัวหน้าเขตก็ได้[[#_ftn8|[8]]]ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจที่จะรวมเขตพื้นที่เข้าด้วยกันโดยออกเป็นประกาศรวมอำนาจหน้าที่ในกรุงเทพกิจจานุเบกษาได้[[#_ftn9|[9]]] | <u>ส่วนที่ 2</u> เขต ให้มีหัวหน้าเขต 1 คน และผู้ช่วยหัวหน้าเขตรับผิดชอบการปฏิบัติราชการภายในเขต[[#_ftn7|[7]]] ถ้าเห็นสมควรอาจแบ่งเขตออกเป็นแขวงขึ้นตรงต่อหัวหน้าเขตก็ได้[[#_ftn8|[8]]] ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจที่จะรวมเขตพื้นที่เข้าด้วยกันโดยออกเป็นประกาศรวมอำนาจหน้าที่ในกรุงเทพกิจจานุเบกษาได้[[#_ftn9|[9]]] | ||
'''2. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร''' | '''2. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร''' | ||
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงและลับ กฎหมายกำหนดให้การลงสมัครรับเลือกตั้งในรูปของคณะและประชาชนต้องเลือกเป็นคณะด้วย[[#_ftn10|[10]]]มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง[[#_ftn11|[11]]]ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจและหน้าที่ต้องกำหนดนโยบาย ตลอดจนหน้าที่บริหารราชการและปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร | ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงและลับ กฎหมายกำหนดให้การลงสมัครรับเลือกตั้งในรูปของคณะและประชาชนต้องเลือกเป็นคณะด้วย[[#_ftn10|[10]]] มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง[[#_ftn11|[11]]] ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจและหน้าที่ต้องกำหนดนโยบาย ตลอดจนหน้าที่บริหารราชการและปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร | ||
'''ข้อสังเกต''' | '''ข้อสังเกต''' | ||
กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ประชาชนสามารถออกเสียงประชามติให้ถอดถอนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ (มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบมาตรา 32) ลักษณะเช่นนี้นับเป็นหลักการใหม่ที่นำมาใช้ครั้งแรกในประเทศไทย[[#_ftn12|[12]]]นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องไม่ดำรงตำแหน่งซ้ำซ้อนหรือสวมหมวกสองใบอันจะทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการ ทั้งยังกำหนดให้ต้องไม่รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆ[[#_ftn13|[13]]]อันเป็นคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรจะประพฤติปฏิบัติให้มีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน | กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ประชาชนสามารถออกเสียงประชามติให้ถอดถอนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ (มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบมาตรา 32) ลักษณะเช่นนี้นับเป็นหลักการใหม่ที่นำมาใช้ครั้งแรกในประเทศไทย[[#_ftn12|[12]]] นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องไม่ดำรงตำแหน่งซ้ำซ้อนหรือสวมหมวกสองใบอันจะทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการ ทั้งยังกำหนดให้ต้องไม่รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆ[[#_ftn13|[13]]] อันเป็นคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรจะประพฤติปฏิบัติให้มีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน | ||
'''3. สภากรุงเทพมหานคร''' | '''3. สภากรุงเทพมหานคร''' | ||
[[สภากรุงเทพมหานคร]]ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งคำนวนตามสัดส่วนประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร[[#_ftn14|[14]]]เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนภายในเขตกรุงเทพมหานคร มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ไม่ตกอยู่ในอาณัติใด ๆ[[#_ftn15|[15]]]มีวาระคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง[[#_ftn16|[16]]] | [[สภากรุงเทพมหานคร|สภากรุงเทพมหานคร]]ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งคำนวนตามสัดส่วนประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร[[#_ftn14|[14]]] เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนภายในเขตกรุงเทพมหานคร มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ไม่ตกอยู่ในอาณัติใด ๆ[[#_ftn15|[15]]] มีวาระคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง[[#_ftn16|[16]]] | ||
สภากรุงเทพมหานครจะต้องเลือกประธานสภาและรองประธานสภาไม่เกิน 2 คน[[#_ftn17|[17]]]เพื่อทำหน้าที่ดำเนินกิจการของสภากรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามระเบียบ[[#_ftn18|[18]]]โดยสภากรุงเทพมหานครอาจถูกยุบสภาได้โดยคำสั่งยุบสภาที่ออกโดยรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[[#_ftn19|[19]]] | สภากรุงเทพมหานครจะต้องเลือกประธานสภาและรองประธานสภาไม่เกิน 2 คน[[#_ftn17|[17]]] เพื่อทำหน้าที่ดำเนินกิจการของสภากรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามระเบียบ[[#_ftn18|[18]]] โดยสภากรุงเทพมหานครอาจถูกยุบสภาได้โดยคำสั่งยุบสภาที่ออกโดยรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[[#_ftn19|[19]]] | ||
การประชุมสภากรุงเทพมหานครเป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการประชุมสภากรุงเทพมหานคร[[#_ftn20|[20]]]ซึ่งต้องมีการเรียกประชุมสภากรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแล้วเสร็จ และในหนึ่งปีต้องมีการประชุมสามัญไม่น้อยกว่า 2 สมัย แต่ต้องไม่เกิน 4 สมัย[[#_ftn21|[21]]]องค์ประชุมของการประชุมสภากรุงเทพมหานครแต่ละครั้งต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด[[#_ftn22|[22]]]ใช้เสียงข้างมากในการลงมติ[[#_ftn23|[23]]]โดยสมาชิกย่อมมีสิทธิตั้งกระทู้ถามการทำงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้[[#_ftn24|[24]]] และสมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอให้เปิดอภิปรายทั่วไปผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการบริหารราชการกรุงเทพมหานครได้[[#_ftn25|[25]]]นอกจากนี้ สภากรุงเทพมหานครยังมีอำนาจเลือก[[สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร]]เพื่อแต่งตั้งเป็น '''“คณะกรรมการสามัญ”''' และมีอำนาจเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือบุคคลภายนอกเพื่อแต่งตั้งเป็น '''“คณะกรรมการวิสามัญ”''' เพื่อให้ทำหน้าที่พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร[[#_ftn26|[26]]] | การประชุมสภากรุงเทพมหานครเป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการประชุมสภากรุงเทพมหานคร[[#_ftn20|[20]]] ซึ่งต้องมีการเรียกประชุมสภากรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแล้วเสร็จ และในหนึ่งปีต้องมีการประชุมสามัญไม่น้อยกว่า 2 สมัย แต่ต้องไม่เกิน 4 สมัย[[#_ftn21|[21]]] องค์ประชุมของการประชุมสภากรุงเทพมหานครแต่ละครั้งต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด[[#_ftn22|[22]]] ใช้เสียงข้างมากในการลงมติ[[#_ftn23|[23]]] โดยสมาชิกย่อมมีสิทธิตั้งกระทู้ถามการทำงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้[[#_ftn24|[24]]] และสมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอให้เปิดอภิปรายทั่วไปผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการบริหารราชการกรุงเทพมหานครได้[[#_ftn25|[25]]] นอกจากนี้ สภากรุงเทพมหานครยังมีอำนาจเลือก[[สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร|สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร]]เพื่อแต่งตั้งเป็น '''“คณะกรรมการสามัญ”''' และมีอำนาจเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือบุคคลภายนอกเพื่อแต่งตั้งเป็น '''“คณะกรรมการวิสามัญ”''' เพื่อให้ทำหน้าที่พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร[[#_ftn26|[26]]] | ||
'''4. อำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร''' | '''4. อำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร''' | ||
บรรทัดที่ 72: | บรรทัดที่ 72: | ||
'''5. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร''' | '''5. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร''' | ||
กรุงเทพมหานครมีอำนาจตรา '''“ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร”''' โดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานครเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร[[#_ftn28|[28]]]การเสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครสมารถเสนอได้โดย[[#_ftn29|[29]]] | กรุงเทพมหานครมีอำนาจตรา '''“ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร”''' โดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานครเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร[[#_ftn28|[28]]] การเสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครสมารถเสนอได้โดย[[#_ftn29|[29]]] | ||
- ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ | - ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ | ||
บรรทัดที่ 78: | บรรทัดที่ 78: | ||
- สมาชิกสภากรุงเทพมหานครจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้งหมด | - สมาชิกสภากรุงเทพมหานครจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้งหมด | ||
เมื่อสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติให้ประธานสภากรุงเทพมหานครส่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงนามและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาและกรุงเทพกิจจานุเบกษา[[#_ftn30|[30]]]หากร่างข้อบัญญัติใดที่ผู้ว่าราชการไม่เห็นชอบด้วยกับสภากรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครส่งร่างข้อบัญญัติพร้อมเหตุผลให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาใหม่ และต้องได้คะแนนเสียงยืนยันไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้งหมด หากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังคงไม่เห็นด้วยให้ประธานสภากรุงเทพมหานครลงนามในร่างข้อบัญญัตินั้นแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษาและกรุงเทพกิจจานุเบกษาเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมาย[[#_ftn31|[31]]] | เมื่อสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติให้ประธานสภากรุงเทพมหานครส่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงนามและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาและกรุงเทพกิจจานุเบกษา[[#_ftn30|[30]]] หากร่างข้อบัญญัติใดที่ผู้ว่าราชการไม่เห็นชอบด้วยกับสภากรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครส่งร่างข้อบัญญัติพร้อมเหตุผลให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาใหม่ และต้องได้คะแนนเสียงยืนยันไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้งหมด หากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังคงไม่เห็นด้วยให้ประธานสภากรุงเทพมหานครลงนามในร่างข้อบัญญัตินั้นแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษาและกรุงเทพกิจจานุเบกษาเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมาย[[#_ftn31|[31]]] | ||
ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครสามารถกำหนดโทษของผู้ละเมิดข้อบัญญัติเป็นโทษจำคุกได้ไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ[[#_ftn32|[32]]] | ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครสามารถกำหนดโทษของผู้ละเมิดข้อบัญญัติเป็นโทษจำคุกได้ไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ[[#_ftn32|[32]]] | ||
บรรทัดที่ 84: | บรรทัดที่ 84: | ||
'''6. การคลังและทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร''' | '''6. การคลังและทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร''' | ||
งบประมาณรายจ่ายของกรุงเทพมหานครให้ทำเป็น '''“ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี” '''หากงบประมาณไม่พอให้ตราขึ้นเป็น '''“ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม”'''[[#_ftn33|[33]]]กรุงเทพมหานครยังมีรายรับจากทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร รายได้จากสาธารณูปโภค รายได้จากพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม ค่าบริการต่าง ๆ เงินกู้ เงินอุดหนุนจากรัฐบาล เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ เงินและทรัพย์สินอย่างอื่นที่มีผู้อุทิศให้ เป็นต้น[[#_ftn34|[34]]] | งบประมาณรายจ่ายของกรุงเทพมหานครให้ทำเป็น '''“ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี” '''หากงบประมาณไม่พอให้ตราขึ้นเป็น '''“ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม”'''[[#_ftn33|[33]]] กรุงเทพมหานครยังมีรายรับจากทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร รายได้จากสาธารณูปโภค รายได้จากพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม ค่าบริการต่าง ๆ เงินกู้ เงินอุดหนุนจากรัฐบาล เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ เงินและทรัพย์สินอย่างอื่นที่มีผู้อุทิศให้ เป็นต้น[[#_ftn34|[34]]] | ||
ให้มี '''“คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน”''' เป็นผู้ตรวจสอบการรับเงิน การจ่ายเงิน การบัญชี การเงิน และทรัพย์สินอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานคร[[#_ftn35|[35]]] | ให้มี '''“คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน”''' เป็นผู้ตรวจสอบการรับเงิน การจ่ายเงิน การบัญชี การเงิน และทรัพย์สินอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานคร[[#_ftn35|[35]]] | ||
บรรทัดที่ 100: | บรรทัดที่ 100: | ||
= '''บทส่งท้าย''' = | = '''บทส่งท้าย''' = | ||
</div> | </div> | ||
กฎหมายกำหนดให้ดำเนินการเลือกตั้ง[[ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร]] รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คือ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518[[#_ftn39|[39]]]เป็นผลให้มีการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2518 ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมี นาย[[ธรรมนูญ_เทียนเงิน]] เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงถือเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มาจากการเลือกตั้งเป็นคนแรก[[#_ftn40|[40]]] | กฎหมายกำหนดให้ดำเนินการเลือกตั้ง[[ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร|ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร]] รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คือ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518[[#_ftn39|[39]]] เป็นผลให้มีการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2518 ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมี นาย[[ธรรมนูญ_เทียนเงิน|ธรรมนูญ_เทียนเงิน]] เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงถือเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มาจากการเลือกตั้งเป็นคนแรก[[#_ftn40|[40]]] | ||
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2528 ตามความใน มาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ที่กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ทั้งนี้ วันที่ประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ คือ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2528 | พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2528 ตามความใน มาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ที่กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ทั้งนี้ วันที่ประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ คือ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2528 | ||
บรรทัดที่ 116: | บรรทัดที่ 116: | ||
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 102/ตอนที่ 115/ฉบับพิเศษ หน้า 1/31 สิงหาคม 2528. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 | ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 102/ตอนที่ 115/ฉบับพิเศษ หน้า 1/31 สิงหาคม 2528. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 | ||
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร. | วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร. จาก [https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร]. | ||
สถาบันพระปกเกล้า, สารานุกรมการปกครองท้องถิ่นไทย หมวดที่ 3 พัฒนาการและรูปแบบการปกครองท้องถิ่นไทย ลำดับที่ 1 เรื่อง ประวัติการปกครองท้องถิ่นไทย. ตุลาคม 2547. | สถาบันพระปกเกล้า, สารานุกรมการปกครองท้องถิ่นไทย หมวดที่ 3 พัฒนาการและรูปแบบการปกครองท้องถิ่นไทย ลำดับที่ 1 เรื่อง ประวัติการปกครองท้องถิ่นไทย. ตุลาคม 2547. | ||
บรรทัดที่ 202: | บรรทัดที่ 202: | ||
[[#_ftnref39|[39]]] มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 | [[#_ftnref39|[39]]] มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 | ||
</div> <div id="ftn40"> | </div> <div id="ftn40"> | ||
[[#_ftnref40|[40]]] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, เข้าถึงเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565. | [[#_ftnref40|[40]]] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, จาก [https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร], เข้าถึงเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565. | ||
| | ||
</div> </div> | </div> </div> | ||
[[Category:การปกครองท้องถิ่น]][[Category:ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น]][[Category:ว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น]][[Category:โครงสร้างการบริหารงานกรุงเทพมหานคร]][[Category:อำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร]][[Category:กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร]][[Category:กรุงเทพมหานคร]] | [[Category:การปกครองท้องถิ่น]] [[Category:ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น]] [[Category:ว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น]] [[Category:โครงสร้างการบริหารงานกรุงเทพมหานคร]] [[Category:อำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร]] [[Category:กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร]] [[Category:กรุงเทพมหานคร]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:34, 21 กรกฎาคม 2565
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ
ความเป็นมา
ในช่วงรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ออกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 24 ลงวันที่ 21 ธันวาคม พุทธศักราช 2514 ให้รวมจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีเข้าเป็นจังหวัดเดียว โดยเรียกชื่อใหม่ว่า “นครหลวงกรุงเทพธนบุรี” ต่อมาได้มีประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 กำหนดให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กรุงเทพมหานคร” และจัดให้มีระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครใหม่ ให้มีผู้ว่าราชการและรองผู้ว่าราชการเป็นผู้ปกครองดูแลในเขตจังหวัด
พัฒนาการในการปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษของกรุงเทพมหานครได้ถูกให้ความสำคัญอีกครั้งในฐานะที่เป็นหน่วยงานในการเสริมสร้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นภายหลังเหตุการณ์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516[1] เป็นผลให้รัฐบาลเผด็จการของจอมพลถนอม กิตติขจร ต้องลาออกและยุติบทบาททางการเมืองลงไป จนกระทั่งได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2517 ขึ้น โดยมีสาระสำคัญในการปกครองส่วนท้องถิ่นระบุให้สภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง[2] ส่งผลให้ใน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ขึ้นใช้เพื่อให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 กำหนดให้ยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนของกรุงเทพมหานครได้มีส่วนเข้ามารับผิดชอบในการบริหารกรุงเทพมหานครโดยตรง เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชนกรุงเทพมหานครให้ดียิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างของการปกครองท้องถิ่นโดยประชาชนของท้องถิ่นโดยตรงเพื่อให้สอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศต่อไป กฎหมายฉบับนี้มีทั้งสิ้น จำนวน 92 มาตรา จัดแบ่งโครงสร้างออกเป็น 7 หมวด รวมถึงบทเฉพาะกาลและการรักษาการตามพระราชบัญญัติ ดังนี้
- คำปรารถและส่วนนำของกฎหมายอันประกอบด้วยชื่อกฎหมาย วันที่มีผลใช้บังคับการกำหนดให้กฎหมายอื่นที่มีเนื้อหาขัดหรือแย้งกับกฎหมายนี้ให้ใช้กฎหมายนี้ รวมถึงคำนิยาม
- หมวด 1 การจัดระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร
ส่วนที่ 1 การจัดระเบียบราชการในกรุงเทพมหานคร
ส่วนที่ 2 เขต
- หมวด 2 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
- หมวด 3 สภากรุงเทพมหานคร
- หมวด 4 อำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร
- หมวด 5 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
- หมวด 6 การคลังและทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร
- หมวด 7 ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกรุงเทพมหานคร
- บทเฉพาะกาล
- การรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
สาระสำคัญของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
1. การจัดระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครเป็นทบวงการเมือง มีฐานะเป็นราชการส่วนท้องถิ่นนครหลวง แบ่งเขตพื้นที่ปกครองของกรุงเทพมหานครออกเป็นเขตและแขวงตามลำดับ[3] จัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การจัดระเบียบราชการในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสภากรุงเทพมหานคร[4] ให้มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 1 คน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 4 คน[5] และปลัดกรุงเทพมหานคร 1 คน ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและตามคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[6]
ส่วนที่ 2 เขต ให้มีหัวหน้าเขต 1 คน และผู้ช่วยหัวหน้าเขตรับผิดชอบการปฏิบัติราชการภายในเขต[7] ถ้าเห็นสมควรอาจแบ่งเขตออกเป็นแขวงขึ้นตรงต่อหัวหน้าเขตก็ได้[8] ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจที่จะรวมเขตพื้นที่เข้าด้วยกันโดยออกเป็นประกาศรวมอำนาจหน้าที่ในกรุงเทพกิจจานุเบกษาได้[9]
2. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงและลับ กฎหมายกำหนดให้การลงสมัครรับเลือกตั้งในรูปของคณะและประชาชนต้องเลือกเป็นคณะด้วย[10] มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง[11] ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจและหน้าที่ต้องกำหนดนโยบาย ตลอดจนหน้าที่บริหารราชการและปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร
ข้อสังเกต
กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ประชาชนสามารถออกเสียงประชามติให้ถอดถอนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ (มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบมาตรา 32) ลักษณะเช่นนี้นับเป็นหลักการใหม่ที่นำมาใช้ครั้งแรกในประเทศไทย[12] นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องไม่ดำรงตำแหน่งซ้ำซ้อนหรือสวมหมวกสองใบอันจะทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการ ทั้งยังกำหนดให้ต้องไม่รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆ[13] อันเป็นคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรจะประพฤติปฏิบัติให้มีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน
3. สภากรุงเทพมหานคร
สภากรุงเทพมหานครประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งคำนวนตามสัดส่วนประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร[14] เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนภายในเขตกรุงเทพมหานคร มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ไม่ตกอยู่ในอาณัติใด ๆ[15] มีวาระคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง[16]
สภากรุงเทพมหานครจะต้องเลือกประธานสภาและรองประธานสภาไม่เกิน 2 คน[17] เพื่อทำหน้าที่ดำเนินกิจการของสภากรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามระเบียบ[18] โดยสภากรุงเทพมหานครอาจถูกยุบสภาได้โดยคำสั่งยุบสภาที่ออกโดยรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร[19]
การประชุมสภากรุงเทพมหานครเป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการประชุมสภากรุงเทพมหานคร[20] ซึ่งต้องมีการเรียกประชุมสภากรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแล้วเสร็จ และในหนึ่งปีต้องมีการประชุมสามัญไม่น้อยกว่า 2 สมัย แต่ต้องไม่เกิน 4 สมัย[21] องค์ประชุมของการประชุมสภากรุงเทพมหานครแต่ละครั้งต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด[22] ใช้เสียงข้างมากในการลงมติ[23] โดยสมาชิกย่อมมีสิทธิตั้งกระทู้ถามการทำงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้[24] และสมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอให้เปิดอภิปรายทั่วไปผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการบริหารราชการกรุงเทพมหานครได้[25] นอกจากนี้ สภากรุงเทพมหานครยังมีอำนาจเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเพื่อแต่งตั้งเป็น “คณะกรรมการสามัญ” และมีอำนาจเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานครหรือบุคคลภายนอกเพื่อแต่งตั้งเป็น “คณะกรรมการวิสามัญ” เพื่อให้ทำหน้าที่พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร[26]
4. อำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินกิจการในเขตกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะด้านต่าง ๆ เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน จัดให้มีตำรวจกรุงเทพมหานคร หน้าที่รักษาความสะอาดเรียบร้อยของบ้านเมือง ด้านสาธารณสุข ด้านสาธารณูปโภค ด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ด้านวิศวกรรมจราจร ควบคุมสุสานและฌาปนสถาน ด้านกีฬา การพาณิชย์ และหน้าที่อื่น ๆ[27]
5. ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพมหานครมีอำนาจตรา “ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร” โดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานครเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร[28] การเสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครสมารถเสนอได้โดย[29]
- ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ
- สมาชิกสภากรุงเทพมหานครจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้งหมด
เมื่อสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติให้ประธานสภากรุงเทพมหานครส่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงนามและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาและกรุงเทพกิจจานุเบกษา[30] หากร่างข้อบัญญัติใดที่ผู้ว่าราชการไม่เห็นชอบด้วยกับสภากรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครส่งร่างข้อบัญญัติพร้อมเหตุผลให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาใหม่ และต้องได้คะแนนเสียงยืนยันไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครทั้งหมด หากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังคงไม่เห็นด้วยให้ประธานสภากรุงเทพมหานครลงนามในร่างข้อบัญญัตินั้นแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษาและกรุงเทพกิจจานุเบกษาเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมาย[31]
ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครสามารถกำหนดโทษของผู้ละเมิดข้อบัญญัติเป็นโทษจำคุกได้ไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ[32]
6. การคลังและทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร
งบประมาณรายจ่ายของกรุงเทพมหานครให้ทำเป็น “ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี” หากงบประมาณไม่พอให้ตราขึ้นเป็น “ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม”[33] กรุงเทพมหานครยังมีรายรับจากทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร รายได้จากสาธารณูปโภค รายได้จากพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม ค่าบริการต่าง ๆ เงินกู้ เงินอุดหนุนจากรัฐบาล เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ เงินและทรัพย์สินอย่างอื่นที่มีผู้อุทิศให้ เป็นต้น[34]
ให้มี “คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน” เป็นผู้ตรวจสอบการรับเงิน การจ่ายเงิน การบัญชี การเงิน และทรัพย์สินอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานคร[35]
7. ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกรุงเทพมหานคร
ความสัมพันธ์ด้านบุคลากร กระทรวง ทบวง และกรมสามารถส่งข้าราชการให้มาประจำกรุงเทพมหานครเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรมนั้น ๆ ได้โดยทำความตกลงกับกรุงเทพมหานคร[36]
ความสัมพันธ์ด้านการควบคุมดูแลการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานคร รัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลกรุงเทพมหานครในการสอบสวนข้อเท็จจริง สั่งให้กรุงเทพมหานครแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานคร และมีอำนาจยับยั้งการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานครที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้[37]
ความสัมพันธ์ด้านงบประมาณ ให้รัฐบาลตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนให้แก่กรุงเทพมหานครโดยตรง[38]
บทส่งท้าย
กฎหมายกำหนดให้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ คือ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518[39] เป็นผลให้มีการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2518 ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมี นายธรรมนูญ_เทียนเงิน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงถือเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มาจากการเลือกตั้งเป็นคนแรก[40]
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2528 ตามความใน มาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ที่กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ทั้งนี้ วันที่ประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ คือ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2528
บรรณานุกรม
ชโลธร ผาโคตร, การพัฒนาการปกครองท้องถิ่นไทยในระยะ พ.ศ. 2517-2519: ศึกษาในด้านนโยบายการกระจายอำนาจ, วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2521.
ธเนศวร์ เจริญเมือง, 100 ปี การปกครองท้องถิ่นไทย พ.ศ. 2440-2540, กรุงเทพ: สำนักพิมพ์คบไฟ, 2540.
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 92/ตอนที่ 42/20 กุมภาพันธ์ 2518. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 102/ตอนที่ 115/ฉบับพิเศษ หน้า 1/31 สิงหาคม 2528. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร.
สถาบันพระปกเกล้า, สารานุกรมการปกครองท้องถิ่นไทย หมวดที่ 3 พัฒนาการและรูปแบบการปกครองท้องถิ่นไทย ลำดับที่ 1 เรื่อง ประวัติการปกครองท้องถิ่นไทย. ตุลาคม 2547.
อ้างอิง
[1] ชโลธร ผาโคตร, การพัฒนาการปกครองท้องถิ่นไทยในระยะ พ.ศ. 2517-2519: ศึกษาในด้านนโยบายการกระจายอำนาจ, วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2521.
[2] สถาบันพระปกเกล้า, สารานุกรมการปกครองท้องถิ่นไทย หมวดที่ 3 พัฒนาการและรูปแบบการปกครองท้องถิ่นไทย ลำดับที่ 1 เรื่อง ประวัติการปกครองท้องถิ่นไทย, ตุลาคม 2547, หน้า 39.
[3] มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[4] มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[5] มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[6] มาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[7] มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[8] มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[9] มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[10] มาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[11] มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[12] ธเนศวร์ เจริญเมือง, 100 ปี การปกครองท้องถิ่นไทย พ.ศ. 2440-2540, กรุงเทพ: สำนักพิมพ์คบไฟ, 2540, หน้า 187.
[13] มาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[14] มาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[15] มาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[16] มาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[17] มาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[18] มาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[19] มาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[20] มาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[21] มาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[22] มาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[23] มาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[24] มาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[25] มาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[26] มาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[27] มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[28] มาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[29] มาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[30] มาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[31] มาตา 75 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[32] มาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[33] มาตรา 80 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[34] มาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[35] มาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[36] มาตรา 85 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[37] มาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[38] มาตรา 86 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[39] มาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518
[40] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, เข้าถึงเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565.