ผลต่างระหว่างรุ่นของ "9 กันยายน พ.ศ. 2528"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
'''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 7:


----
----
วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2528 ได้มีคณะนายทหารนอกราชการ กลุ่มหนึ่งนำกำลังเข้ายึดอำนาจเพื่อล้มรัฐบาลของ[[พลเอกเปรม  ติณสูลานนท์]] ผู้เป็น[[นายกรัฐมนตรี]] ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอินโดนีเซีย และ [[พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก]] ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปต่างประเทศที่ยุโรป แต่การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จจึงเรียกกันว่า [[กบฏ 9 กันยายน]]
เล่ากันว่าการปฏิบัติการเพื่อยึดอำนาจได้เริ่มตั้งแต่เวลา 03.00 น. ของวันที่ 9 กันยายน กำลังสำคัญนั้นมาจากกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ที่นำรถถังจำนวนมากเข้ายึดกองบัญชาการทหารสูงสุดที่สนามเสือป่า และกำลังจากกรมอากาศโยธิน นำโดย [[นาวาอากาศโท มนัส  รูปขจร]] ซึ่งกำลังจากกองทัพอากาศนี่เองที่เข้าไปกุมตัว [[พลอากาศเอกประพันธ์  ธูปเตมีย์]]  ผู้บัญชาการทหารอากาศที่บ้านพักและเอาเป็นตัวประกัน
จากแถลงการณ์ของคณะผู้ก่อการยึดอำนาจนั้น อ้าง [[พลเอกเสริม ณ นคร]] อดีตผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าคณะ แต่ทางฝ่ายรัฐบาลนั้น แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่อยู่ในประเทศก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี คือ [[พล.ต.อ. ประจวบ  สุนทรางกูร]] และนายทหารที่ยังอยู่ข้าง[[รัฐบาล]]ได้รวมพลังกันต่อต้านการ[[รัฐประหาร]] โดยมีกองบัญชาการอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 บางเขน และได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้
การยึดอำนาจที่ไม่เสร็จเรียบร้อยในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ได้เป็นที่สนใจของประชาชนมาก ทั้งวันที่ปฏิบัติการเป็นวันทำงาน ผู้คนออกจากบ้านมาทำงานกันแล้ว มาได้ฟังแถลงการณ์กันระหว่างเดินทางก็มี ตอนแรกก็คิดกันว่าทางฝ่าย[[กบฏ]]จะยึดอำนาจได้ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ไม่อยู่ในประเทศแต่พอตอนสายได้ทราบว่าทางรัฐบาลประกาศสู้และเรียกร้องให้ฝ่ายกบฏยอมจำนน ซึ่งท้ายที่สุดฝ่ายกบฏก็ยอมแพ้ มีการเจรจากันและผู้ที่เข้าร่วมปฏิบัติการหรือถูกกล่าวหาว่าเข้าร่วมงานก็เข้ามารายงานตัว รวมทั้งปล่อยตัวประกันคือ พล.อ.อ. ประพันธ์  ธูปเตมีย์ และทางรัฐบาลยอมให้ [[พ.อ. มนูญ  รูปขจร]] เดินทางออกนอกประเทศ ส่วน น.ท. มนัส  รูปขจร นั้นหลบหนีไปได้ และค่ำวันนั้นเองนายกรัฐมนตรีก็เดินทางกลับถึงประเทศไทยที่สนามบินหาดใหญ่


มีรายงานว่าผลกระทบจากการใช้กำลังเข้ายึดอำนาจและต่อสู้กัน แม้จะไม่มากก็ตาม ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นทหาร 2 ราย มีประชาชน 1 ราย กันผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อีก 2 ราย ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางฝ่ายกบฏนั้นถูกดำเนินคดี และต่อมาอีก 3 ปี ในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2531 สมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี [[พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ]] ได้มี[[กฎหมายนิรโทษกรรม]]แก่ผู้ที่ทำความไม่สงบครั้งนี้
          วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2528 ได้มีคณะนายทหารนอกราชการ กลุ่มหนึ่งนำกำลังเข้ายึดอำนาจเพื่อล้มรัฐบาลของ[[เปรม_ติณสูลานนท์|พลเอกเปรม ติณสูลานนท์]] ผู้เป็น[[นายกรัฐมนตรี|นายกรัฐมนตรี]] ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอินโดนีเซีย และ [[อาทิตย์_กำลังเอก|พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก]] ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปต่างประเทศที่ยุโรป แต่การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จจึงเรียกกันว่า [[กบฏ_9_กันยายน|กบฏ 9 กันยายน]]
 
          เล่ากันว่าการปฏิบัติการเพื่อยึดอำนาจได้เริ่มตั้งแต่เวลา 03.00 น. ของวันที่ 9 กันยายน กำลังสำคัญนั้นมาจากกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ที่นำรถถังจำนวนมากเข้ายึดกองบัญชาการทหารสูงสุดที่สนามเสือป่า และกำลังจากกรมอากาศโยธิน นำโดย [[มนัส_รูปขจร|นาวาอากาศโท มนัส รูปขจร]] ซึ่งกำลังจากกองทัพอากาศนี่เองที่เข้าไปกุมตัว [[ประพันธ์_ธูปเตมีย์|พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปเตมีย์]] ผู้บัญชาการทหารอากาศที่บ้านพักและเอาเป็นตัวประกัน
 
          จากแถลงการณ์ของคณะผู้ก่อการยึดอำนาจนั้น อ้าง [[พลเอกเสริม_ณ_นคร|พลเอกเสริม ณ นคร]] อดีตผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าคณะ แต่ทางฝ่ายรัฐบาลนั้น แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่อยู่ในประเทศก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี คือ [[ประจวบ_สุนทรางกูร|พล.ต.อ. ประจวบ สุนทรางกูร]] และนายทหารที่ยังอยู่ข้าง[[รัฐบาล|รัฐบาล]]ได้รวมพลังกันต่อต้านการ[[รัฐประหาร|รัฐประหาร]] โดยมีกองบัญชาการอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 บางเขน และได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้
 
          การยึดอำนาจที่ไม่เสร็จเรียบร้อยในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ได้เป็นที่สนใจของประชาชนมาก ทั้งวันที่ปฏิบัติการเป็นวันทำงาน ผู้คนออกจากบ้านมาทำงานกันแล้ว มาได้ฟังแถลงการณ์กันระหว่างเดินทางก็มี ตอนแรกก็คิดกันว่าทางฝ่าย[[กบฏ|กบฏ]]จะยึดอำนาจได้ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ไม่อยู่ในประเทศแต่พอตอนสายได้ทราบว่าทางรัฐบาลประกาศสู้และเรียกร้องให้ฝ่ายกบฏยอมจำนน ซึ่งท้ายที่สุดฝ่ายกบฏก็ยอมแพ้ มีการเจรจากันและผู้ที่เข้าร่วมปฏิบัติการหรือถูกกล่าวหาว่าเข้าร่วมงานก็เข้ามารายงานตัว รวมทั้งปล่อยตัวประกันคือ พล.อ.อ. ประพันธ์ ธูปเตมีย์ และทางรัฐบาลยอมให้ [[พ.อ._มนูญ_รูปขจร|พ.อ. มนูญ รูปขจร]] เดินทางออกนอกประเทศ ส่วน น.ท. มนัส รูปขจร นั้นหลบหนีไปได้ และค่ำวันนั้นเองนายกรัฐมนตรีก็เดินทางกลับถึงประเทศไทยที่สนามบินหาดใหญ่
 
          มีรายงานว่าผลกระทบจากการใช้กำลังเข้ายึดอำนาจและต่อสู้กัน แม้จะไม่มากก็ตาม ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นทหาร 2 ราย มีประชาชน 1 ราย กันผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อีก 2 ราย ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางฝ่ายกบฏนั้นถูกดำเนินคดี และต่อมาอีก 3 ปี ในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2531 สมัยรัฐบาลของ[[นายกรัฐมนตรี|นายกรัฐมนตรี]] [[ชาติชาย_ชุณหะวัณ|พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ]] ได้มี[[กฎหมายนิรโทษกรรม|กฎหมายนิรโทษกรรม]]แก่ผู้ที่ทำความไม่สงบครั้งนี้


[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]
[[Category:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:07, 2 ธันวาคม 2562

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


          วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2528 ได้มีคณะนายทหารนอกราชการ กลุ่มหนึ่งนำกำลังเข้ายึดอำนาจเพื่อล้มรัฐบาลของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอินโดนีเซีย และ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปต่างประเทศที่ยุโรป แต่การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จจึงเรียกกันว่า กบฏ 9 กันยายน

          เล่ากันว่าการปฏิบัติการเพื่อยึดอำนาจได้เริ่มตั้งแต่เวลา 03.00 น. ของวันที่ 9 กันยายน กำลังสำคัญนั้นมาจากกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ที่นำรถถังจำนวนมากเข้ายึดกองบัญชาการทหารสูงสุดที่สนามเสือป่า และกำลังจากกรมอากาศโยธิน นำโดย นาวาอากาศโท มนัส รูปขจร ซึ่งกำลังจากกองทัพอากาศนี่เองที่เข้าไปกุมตัว พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศที่บ้านพักและเอาเป็นตัวประกัน

          จากแถลงการณ์ของคณะผู้ก่อการยึดอำนาจนั้น อ้าง พลเอกเสริม ณ นคร อดีตผู้บัญชาการทหารบกเป็นหัวหน้าคณะ แต่ทางฝ่ายรัฐบาลนั้น แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่อยู่ในประเทศก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี คือ พล.ต.อ. ประจวบ สุนทรางกูร และนายทหารที่ยังอยู่ข้างรัฐบาลได้รวมพลังกันต่อต้านการรัฐประหาร โดยมีกองบัญชาการอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 บางเขน และได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้

          การยึดอำนาจที่ไม่เสร็จเรียบร้อยในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ได้เป็นที่สนใจของประชาชนมาก ทั้งวันที่ปฏิบัติการเป็นวันทำงาน ผู้คนออกจากบ้านมาทำงานกันแล้ว มาได้ฟังแถลงการณ์กันระหว่างเดินทางก็มี ตอนแรกก็คิดกันว่าทางฝ่ายกบฏจะยึดอำนาจได้ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ไม่อยู่ในประเทศแต่พอตอนสายได้ทราบว่าทางรัฐบาลประกาศสู้และเรียกร้องให้ฝ่ายกบฏยอมจำนน ซึ่งท้ายที่สุดฝ่ายกบฏก็ยอมแพ้ มีการเจรจากันและผู้ที่เข้าร่วมปฏิบัติการหรือถูกกล่าวหาว่าเข้าร่วมงานก็เข้ามารายงานตัว รวมทั้งปล่อยตัวประกันคือ พล.อ.อ. ประพันธ์ ธูปเตมีย์ และทางรัฐบาลยอมให้ พ.อ. มนูญ รูปขจร เดินทางออกนอกประเทศ ส่วน น.ท. มนัส รูปขจร นั้นหลบหนีไปได้ และค่ำวันนั้นเองนายกรัฐมนตรีก็เดินทางกลับถึงประเทศไทยที่สนามบินหาดใหญ่

          มีรายงานว่าผลกระทบจากการใช้กำลังเข้ายึดอำนาจและต่อสู้กัน แม้จะไม่มากก็ตาม ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นทหาร 2 ราย มีประชาชน 1 ราย กันผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อีก 2 ราย ส่วนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางฝ่ายกบฏนั้นถูกดำเนินคดี และต่อมาอีก 3 ปี ในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2531 สมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้มีกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่ทำความไม่สงบครั้งนี้