ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วินัยการคลัง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 18: | บรรทัดที่ 18: | ||
'''2. ความสำคัญของวินัยการคลัง ''' | '''2. ความสำคัญของวินัยการคลัง ''' | ||
วินัยการคลังเป็นหลักการที่สำคัญที่นำไปสู่การกำกับดูแลและบริหารด้านการคลังที่ดี โดยวินัยทางการคลังอาจอยู่ในรูปของกรอบหรือกฎเกณฑ์เชิงปริมาณ กล่าวคือมีการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายที่เป็นตัวเลขที่ชัดเจน เช่น การกำหนดเพดานของการกู้ยืม เป็นต้น หรืออาจอยู่ในรูปของแนวทางการปฏิบัติ เช่น รัฐบาลสามารถก่อหนี้เพื่อการลงทุนเท่านั้น เป็นต้น | วินัยการคลังเป็นหลักการที่สำคัญที่นำไปสู่การกำกับดูแลและบริหารด้านการคลังที่ดี โดยวินัยทางการคลังอาจอยู่ในรูปของกรอบหรือกฎเกณฑ์เชิงปริมาณ กล่าวคือมีการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายที่เป็นตัวเลขที่ชัดเจน เช่น การกำหนดเพดานของการกู้ยืม เป็นต้น หรืออาจอยู่ในรูปของแนวทางการปฏิบัติ เช่น รัฐบาลสามารถก่อหนี้เพื่อการลงทุนเท่านั้น เป็นต้น ซึ่งอาจมีการตรา[[กฎหมาย|กฎหมาย]]หรือเป็นเพียงจารีตปฏิบัติก็ได้ การขาดวินัยการคลังจะส่งผลต่อระดับหนี้สาธารณะ ทำให้ความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ของ[[รัฐบาล|รัฐบาล]] และการลงทุนในประเทศลดลง รัฐบาลจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญในการกำหนดวินัยการคลังที่ครอบคลุมทั้งกิจกรรมในงบประมาณและกิจกรรมนอกงบประมาณ เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินนโยบายการคลังและเป็นแนวทางในการบริหารงบประมาณให้เกิดความยั่งยืนและเสถียรภาพทางการคลัง[[#_ftn4|[4]]] | ||
'''3. ความเสี่ยงต่อการขาดวินัยการคลัง''' | '''3. ความเสี่ยงต่อการขาดวินัยการคลัง''' | ||
บรรทัดที่ 24: | บรรทัดที่ 24: | ||
'''- การใช้มาตรการกึ่งการคลัง''' | '''- การใช้มาตรการกึ่งการคลัง''' | ||
มาตรการกึ่งการคลัง (quasi-fiscal policy)[[#_ftn5|[5]]] เป็นกิจกรรมที่อาจดำเนินการโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานที่ไม่สังกัดรัฐบาลโดยตรง เช่น รัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารกลางของประเทศ หรือแม้แต่กองทุนต่างๆ ที่มีการจัดการการเงินนอกเหนือจากระบบงบประมาณของรัฐบาล วิธีการนำมาใช้นั้นมีได้หลายรูปแบบ วิธีการที่ใช้อาจเป็นวิธีของการซ่อนเร้นภาษีที่ควรจะจัดเก็บได้ (implicit uncollected taxes) เงินอุดหนุน (subsidies) หรือผ่านการใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งที่เป็นหรือไม่เป็นสถาบันการเงินก็ตามที่ทำหน้าที่แทนรัฐบาลในการสนับสนุนกิจกรรมหรือส่งเสริมการดำเนินงานของภาคเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนเป็นพิเศษ | มาตรการกึ่งการคลัง (quasi-fiscal policy)[[#_ftn5|[5]]] เป็นกิจกรรมที่อาจดำเนินการโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานที่ไม่สังกัดรัฐบาลโดยตรง เช่น [[รัฐวิสาหกิจ|รัฐวิสาหกิจ]] หรือธนาคารกลางของประเทศ หรือแม้แต่กองทุนต่างๆ ที่มีการจัดการการเงินนอกเหนือจากระบบงบประมาณของรัฐบาล วิธีการนำมาใช้นั้นมีได้หลายรูปแบบ วิธีการที่ใช้อาจเป็นวิธีของการซ่อนเร้นภาษีที่ควรจะจัดเก็บได้ (implicit uncollected taxes) [[เงินอุดหนุน|เงินอุดหนุน]] (subsidies) หรือผ่านการใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งที่เป็นหรือไม่เป็นสถาบันการเงินก็ตามที่ทำหน้าที่แทนรัฐบาลในการสนับสนุนกิจกรรมหรือส่งเสริมการดำเนินงานของภาคเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนเป็นพิเศษ | ||
ผลของความเสี่ยงจากการใช้มาตรการกึ่งการคลังของรัฐบาล[[#_ftn6|[6]]] ประกอบด้วย | ผลของความเสี่ยงจากการใช้มาตรการกึ่งการคลังของรัฐบาล[[#_ftn6|[6]]] ประกอบด้วย | ||
บรรทัดที่ 30: | บรรทัดที่ 30: | ||
1) ปกปิดสถานะทางการคลังที่แท้จริงของรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อการประเมินขีดความสามารถทางการคลังและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด | 1) ปกปิดสถานะทางการคลังที่แท้จริงของรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อการประเมินขีดความสามารถทางการคลังและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด | ||
2) | 2) การใช้อำนาจบริหารของรัฐขาด[[ความชอบธรรม|ความชอบธรรม]]เนื่องจากมิได้ผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ | ||
3) ก่อให้เกิดภาระทางการเงินแก่รัฐ (contingent liability) ซึ่งขัดกับกฎหมาย อาทิ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ. | 3) ก่อให้เกิดภาระทางการเงินแก่รัฐ (contingent liability) ซึ่งขัดกับกฎหมาย อาทิ [[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550]] และ [[พ.ร.บ._วิธีการงบประมาณ_พ.ศ._2502]] และที่แก้ไขเพิ่มเติม | ||
''' - การขยายตัวของงบกลาง''' | ''' - การขยายตัวของงบกลาง''' | ||
งบกลาง (unallocated budget)[[#_ftn7|[7]]] เป็นเงินจัดสรรต่างหากจากงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรของรัฐ ทั้งนี้ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาจะเป็นการตั้งเป็นรายจ่ายฉุกเฉินหรือกรณีจำเป็นที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างปีงบประมาณโดยไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า | งบกลาง (unallocated budget)[[#_ftn7|[7]]] เป็นเงินจัดสรรต่างหากจากงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรของรัฐ ทั้งนี้ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาจะเป็นการตั้งเป็นรายจ่ายฉุกเฉินหรือกรณีจำเป็นที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างปีงบประมาณโดยไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า และการอนุมัติใช้งบประมาณดังกล่าวจะอยู่ในอำนาจของ[[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]] | ||
ผลจากการใช้จ่ายเงินจากงบกลางในการดำเนินโครงการของรัฐบาล จะส่งผลต่อการเกิดความเสี่ยง โดยทำให้ขาดประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินขาดความชอบธรรมเนื่องจากรัฐบาลอาจมีการใช้จ่ายงบกลางไปในกิจกรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มผลประโยชน์ของตนได้ อาทิ การใช้มาตรการรายจ่ายภาษี (tax expenditure) ฯลฯ นอกจากนี้การใช้จ่ายเงินจากงบกลางอาจส่งผลให้ขาดวินัยการคลังในระยะยาวได้ | ผลจากการใช้จ่ายเงินจากงบกลางในการดำเนินโครงการของรัฐบาล จะส่งผลต่อการเกิดความเสี่ยง โดยทำให้ขาดประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินขาดความชอบธรรมเนื่องจากรัฐบาลอาจมีการใช้จ่ายงบกลางไปในกิจกรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มผลประโยชน์ของตนได้ อาทิ การใช้มาตรการรายจ่ายภาษี (tax expenditure) ฯลฯ นอกจากนี้การใช้จ่ายเงินจากงบกลางอาจส่งผลให้ขาดวินัยการคลังในระยะยาวได้ | ||
บรรทัดที่ 46: | บรรทัดที่ 46: | ||
1) ช่วยให้รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและลดความผันผวนทางเศรษฐกิจผ่านการดำเนินนโยบายการคลังแบบหดตัวในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวดี และดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งช่วยลดหรือขจัดการขาดดุลการคลัง | 1) ช่วยให้รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและลดความผันผวนทางเศรษฐกิจผ่านการดำเนินนโยบายการคลังแบบหดตัวในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวดี และดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งช่วยลดหรือขจัดการขาดดุลการคลัง | ||
2) สามารถพัฒนากรอบโครงสร้างเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาว เนื่องจากการรักษาวินัยการคลังจะต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินนโยบายในระยะปานกลางและระยะยาว มิใช่คำนึงถึงแต่ผลสัมฤทธิ์ในระยะสั้น | 2) สามารถพัฒนากรอบโครงสร้างเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาว เนื่องจากการรักษาวินัยการคลังจะต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินนโยบายในระยะปานกลางและระยะยาว มิใช่คำนึงถึงแต่ผลสัมฤทธิ์ในระยะสั้น ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายเพื่อ[[หาเสียง|หาเสียง]]หรือจูงใจประชาชน | ||
3) เสริมสร้างความน่าเชื่อถือในกรอบนโยบายของรัฐบาลผ่านการกำหนดระเบียบแบบแผนเพื่อวางกรอบและทิศทางการบริหารจัดการด้านการคลัง เช่น กฎหมายว่าด้วยการรับผิดชอบทางการคลัง ฯลฯ | 3) เสริมสร้างความน่าเชื่อถือในกรอบนโยบายของรัฐบาลผ่านการกำหนดระเบียบแบบแผนเพื่อวางกรอบและทิศทางการบริหารจัดการด้านการคลัง เช่น กฎหมายว่าด้วยการรับผิดชอบทางการคลัง ฯลฯ |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 18:21, 1 ธันวาคม 2562
เรียบเรียงโดย เจตน์ ดิษฐอุดม
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล
1. ความหมายของวินัยการคลัง
วินัยการคลัง (fiscal discipline)[1] หมายถึง การชดเชยการขาดดุลในการดำเนินงานประจำของรัฐบาล กล่าวคือ รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำจากรายได้ประจำเท่านั้น ถึงแม้ว่าการขาดดุลอาจเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและได้รับการสนับสนุนทางการเมือง แต่เป็นการเพิ่มภาระภาษีให้แก่ผู้ชำระภาษีในอนาคต
วินัยการคลัง[2] หมายถึง การกำหนดเพดานของการใช้จ่ายเพื่อรองรับงบประมาณของรัฐบาลที่มีอยู่อย่างจำกัด วินัยการคลังเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณโดยช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการกำหนดและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการงบประมาณและช่วยกระตุ้นให้หน่วยงานของรัฐมีความมุ่งมั่นในการควบคุมดูแลการใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
วินัยการคลัง[3] หมายถึง สภาวะการมีดุลยภาพระหว่างรายได้และรายจ่าย โดยการควบคุมดูแลให้รายจ่ายสาธารณะและภาระผูกพันทางการเงินของรัฐบาลทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอยู่ในระดับที่สมดุล หรือไม่เกินขีดความสามารถในการจัดหารายได้ของรัฐบาล หรือเท่ากับขีดความสามารถในการรับภาระภาษีและค่าบริหารของประชาชนพลเมืองในช่วงเวลานั้นๆ
จากความหมายของวินัยการคลังดังกล่าว สามารถสรุปได้ว่า วินัยการคลังเป็นการควบคุมการใช้จ่ายและผลการดำเนินงานทางการคลังของรัฐบาล อาทิ รายจ่าย การก่อหนี้ ตลอดจนภาระผูกพันทางงบประมาณอื่นของรัฐบาล ฯลฯ เพื่อให้เป็นไปตามระดับที่กฎหมายกำหนด และไม่เป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต
2. ความสำคัญของวินัยการคลัง
วินัยการคลังเป็นหลักการที่สำคัญที่นำไปสู่การกำกับดูแลและบริหารด้านการคลังที่ดี โดยวินัยทางการคลังอาจอยู่ในรูปของกรอบหรือกฎเกณฑ์เชิงปริมาณ กล่าวคือมีการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายที่เป็นตัวเลขที่ชัดเจน เช่น การกำหนดเพดานของการกู้ยืม เป็นต้น หรืออาจอยู่ในรูปของแนวทางการปฏิบัติ เช่น รัฐบาลสามารถก่อหนี้เพื่อการลงทุนเท่านั้น เป็นต้น ซึ่งอาจมีการตรากฎหมายหรือเป็นเพียงจารีตปฏิบัติก็ได้ การขาดวินัยการคลังจะส่งผลต่อระดับหนี้สาธารณะ ทำให้ความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ของรัฐบาล และการลงทุนในประเทศลดลง รัฐบาลจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญในการกำหนดวินัยการคลังที่ครอบคลุมทั้งกิจกรรมในงบประมาณและกิจกรรมนอกงบประมาณ เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินนโยบายการคลังและเป็นแนวทางในการบริหารงบประมาณให้เกิดความยั่งยืนและเสถียรภาพทางการคลัง[4]
3. ความเสี่ยงต่อการขาดวินัยการคลัง
- การใช้มาตรการกึ่งการคลัง
มาตรการกึ่งการคลัง (quasi-fiscal policy)[5] เป็นกิจกรรมที่อาจดำเนินการโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานที่ไม่สังกัดรัฐบาลโดยตรง เช่น รัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารกลางของประเทศ หรือแม้แต่กองทุนต่างๆ ที่มีการจัดการการเงินนอกเหนือจากระบบงบประมาณของรัฐบาล วิธีการนำมาใช้นั้นมีได้หลายรูปแบบ วิธีการที่ใช้อาจเป็นวิธีของการซ่อนเร้นภาษีที่ควรจะจัดเก็บได้ (implicit uncollected taxes) เงินอุดหนุน (subsidies) หรือผ่านการใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งที่เป็นหรือไม่เป็นสถาบันการเงินก็ตามที่ทำหน้าที่แทนรัฐบาลในการสนับสนุนกิจกรรมหรือส่งเสริมการดำเนินงานของภาคเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนเป็นพิเศษ
ผลของความเสี่ยงจากการใช้มาตรการกึ่งการคลังของรัฐบาล[6] ประกอบด้วย
1) ปกปิดสถานะทางการคลังที่แท้จริงของรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อการประเมินขีดความสามารถทางการคลังและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด
2) การใช้อำนาจบริหารของรัฐขาดความชอบธรรมเนื่องจากมิได้ผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ
3) ก่อให้เกิดภาระทางการเงินแก่รัฐ (contingent liability) ซึ่งขัดกับกฎหมาย อาทิ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ._วิธีการงบประมาณ_พ.ศ._2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- การขยายตัวของงบกลาง
งบกลาง (unallocated budget)[7] เป็นเงินจัดสรรต่างหากจากงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรของรัฐ ทั้งนี้ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาจะเป็นการตั้งเป็นรายจ่ายฉุกเฉินหรือกรณีจำเป็นที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างปีงบประมาณโดยไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า และการอนุมัติใช้งบประมาณดังกล่าวจะอยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรี
ผลจากการใช้จ่ายเงินจากงบกลางในการดำเนินโครงการของรัฐบาล จะส่งผลต่อการเกิดความเสี่ยง โดยทำให้ขาดประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินขาดความชอบธรรมเนื่องจากรัฐบาลอาจมีการใช้จ่ายงบกลางไปในกิจกรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มผลประโยชน์ของตนได้ อาทิ การใช้มาตรการรายจ่ายภาษี (tax expenditure) ฯลฯ นอกจากนี้การใช้จ่ายเงินจากงบกลางอาจส่งผลให้ขาดวินัยการคลังในระยะยาวได้
4. ประโยชน์ของการรักษาวินัยการคลัง
การรักษาวินัยการคลังของรัฐบาลโดยใช้กรอบวินัยการคลัง เครื่องมือและระเบียบวิธีการต่างๆ ในการกำหนดนโยบายการคลัง ส่งผลให้เกิดประโยชน์ดังนี้[8]
1) ช่วยให้รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและลดความผันผวนทางเศรษฐกิจผ่านการดำเนินนโยบายการคลังแบบหดตัวในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวดี และดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งช่วยลดหรือขจัดการขาดดุลการคลัง
2) สามารถพัฒนากรอบโครงสร้างเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาว เนื่องจากการรักษาวินัยการคลังจะต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินนโยบายในระยะปานกลางและระยะยาว มิใช่คำนึงถึงแต่ผลสัมฤทธิ์ในระยะสั้น ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายเพื่อหาเสียงหรือจูงใจประชาชน
3) เสริมสร้างความน่าเชื่อถือในกรอบนโยบายของรัฐบาลผ่านการกำหนดระเบียบแบบแผนเพื่อวางกรอบและทิศทางการบริหารจัดการด้านการคลัง เช่น กฎหมายว่าด้วยการรับผิดชอบทางการคลัง ฯลฯ
4) ช่วยในการรับมือความท้าทายและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์ทางการเงินและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเปิดเสรีทางการค้าและเปิดเสรีในตลาดทุน
5) ช่วยลดความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงในภาวะตลาดและความผันผวนในกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของวิกฤติทางด้านหนี้
6) ช่วยลดแรงกดดันทางการคลังและป้องกันความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด ซึ่งเกิดจากการดำเนินกิจกรรมทางการคลังที่ต้องใช้เงินนอกงบประมาณหรือการดำเนินกิจกรรมกึ่งการคลังผ่านรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินของรัฐ อาทิ การค้ำประกันหนี้ให้แก่รัฐวิสาหกิจ การประกันราคา การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพ ฯลฯ เป็นต้น
5. กรอบวินัยการคลังของประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยได้มีการกรอบของวินัยการคลังเอาไว้ ดังต่อไปนี้[9]
- สัดส่วนยอดหนี้สาธารณะคงค้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไม่เกินร้อยละ 60
- ภาระหนี้สาธารณะต่องบประมาณไม่เกินร้อยละ 15
- การจัดทำงบประมาณสมดุล ซึ่งกระทรวงการคลังมีเป้าหมายในการจัดทำงบประมาณสมดุล โดยไม่นับรวมการจัดสรรภาระดอกเบี้ยและเงินต้น
- สัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่องบประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25
กรอบวินัยการคลังข้างต้นยังไม่ได้ถูกกำหนดบังคับใช้จริงจังในกฎหมาย นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ได้มีการนำเงื่อนไขบางประการมายึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติ อาทิ รายจ่ายลงทุนต่องบประมาณในช่วงที่ผ่านล้วนอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 25 ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด
บรรณานุกรม
ภาษาไทย
จรัส สุวรรณมาลา. ระบบงบประมาณและการจัดการแบบมุ่งผลสำเร็จในภาครัฐ': ความสัมพันธ์ ระหว่างรัฐกับพลเมืองยุคใหม่'. กรุงเทพฯ: ธนธัชการพิมพ์, 2546.
ภาวิน ศิริประภานุกูล. บทวิเคราะห์กฎหมายส่งเสริมวินัยการเงินการคลัง (ข้อเสนอว่าด้วยร่าง พระราชบัญญัติวินัยทางการคลังและการเงิน พ.ศ. ...), 2556.
วีระศักดิ์ เครือเทพ. ความเสี่ยงทางการคลัง ความเสี่ยงของรัฐ : กรอบวิเคราะห์เบื้องต้นพร้อมบทวิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญหมวดการเงิน การคลังและการงบประมาณ. กรุงเทพฯ: ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550.
สกนธ์ วรัญญูวัฒนา และดวงมณี เลาวกุล. ความเสี่ยงจากการใช้เครื่องมือการคลังเพื่อการพัฒนาประเทศ.บทความนำเสนอการสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2548 สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์, 2548.
สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง. รายงานฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การศึกษาวินัยทางการคลังของประเทศไทย (อดีตสู่ปัจจุบัน) และแนวทางในการเสริมสร้างวินัยทางการคลังตามหลักสากล, 2551.
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ภาษาอังกฤษ
Mikesell, J. Fiscal administration. New York: Harcourt Brace College, 1999.
Musgrave.R & Musgrave P. Public Finance in Theory and Practice. New York: The McGraw-Hill Companies, 1989.
อ้างอิง
[1] Musgrave.R & Musgrave P. Public Finance in Theory and Practice, (New York: The McGraw-Hill Companies), 1989,101.
[2] Mikesell, J. Fiscal administration. (New York: Harcourt Brace College), 1999, 44-45.
[3]จรัส สุวรรณมาลา, ระบบงบประมาณและการจัดการแบบมุ่งผลสำเร็จในภาครัฐ': ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับพลเมืองยุคใหม่, (กรุงเทพฯ: : ธนธัชการพิมพ์, 2546), หน้า 30.
[4] สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง. รายงานฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การศึกษาวินัยทางการคลังของประเทศไทย (อดีตสู่ปัจจุบัน) และแนวทางในการเสริมสร้างวินัยทางการคลังตามหลักสากล, 2551. หน้า 1 – 2
[5] สกนธ์ วรัญญูวัฒนา และดวงมณี เลาวกุล. ความเสี่ยงจากการใช้เครื่องมือการคลังเพื่อการพัฒนาประเทศ.บทความนำเสนอการสัมมนาทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2548 (สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์, 2548), หน้า 120.
[6] วีระศักดิ์ เครือเทพ. ความเสี่ยงทางการคลัง ความเสี่ยงของรัฐ : กรอบวิเคราะห์เบื้องต้นพร้อมบทวิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญหมวดการเงิน การคลังและการงบประมาณ, (กรุงเทพฯ: ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2550), หน้า 75.
[7] มาตรา 10 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
[8] สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, อ้างแล้ว , หน้า 7-8.
[9] ภาวิน ศิริประภานุกูล. บทวิเคราะห์กฎหมายส่งเสริมวินัยการเงินการคลัง (ข้อเสนอว่าด้วยร่างพระราชบัญญัติวินัยทางการคลังและการเงิน พ.ศ. ...), 2556, หน้า 8.