ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การพยาบาล"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''''ผู้เรียบเรียง :''' วิกัลย์ พงศ์พนิตานนท์'' '''''ผู้ทร...'
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''''ผู้เรียบเรียง :''' วิกัลย์  พงศ์พนิตานนท์''


'''''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :''' รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิ เตชานันท์''
'''''ผู้เรียบเรียง :''' วิกัลย์ พงศ์พนิตานนท์''
                               


'''''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ :''' รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิ เตชานันท์''


การพยาบาล หมายถึง การกระทำเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้บรรเทาอาการของโรค  การศึกษาวิชาพยาบาลของไทยเริ่มต้นจากหลักสูตรแพทย์ผดุงครรภ์และพัฒนาต่อเนื่อง
 


ในรัชกาล[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]  การพยาบาลก้าวหน้าเป็นลำดับทั้งการศึกษาและการประกอบวิชาชีพ  [[สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์]] (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก)  ทรงมีส่วนร่วมปรับปรุงการศึกษาวิชาพยาบาล  นำไปสู่วิชาชีพระดับมาตรฐาน
การพยาบาล หมายถึง การกระทำเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้บรรเทาอาการของโรค การศึกษาวิชาพยาบาลของไทยเริ่มต้นจากหลักสูตรแพทย์ผดุงครรภ์และพัฒนาต่อเนื่อง


ในรัชกาล[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว|พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] การพยาบาลก้าวหน้าเป็นลำดับทั้งการศึกษาและการประกอบวิชาชีพ [[สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ_เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช_กรมขุนสงขลานครินทร์|สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์]] (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) ทรงมีส่วนร่วมปรับปรุงการศึกษาวิชาพยาบาล นำไปสู่วิชาชีพระดับมาตรฐาน


 


== ประวัติวิชาชีพการพยาบาล ==
== ประวัติวิชาชีพการพยาบาล ==


วิชาชีพพยาบาลของไทยเกิดขึ้นเมื่อจัดตั้งโรงพยาบาลในรัชกาลที่ ๕ โรงพยาบาลต่าง ๆ มีคนพยาบาลทั้งหญิงชายทำหน้าที่ช่วยเหลือแพทย์ดูแลผู้ป่วย แม้ว่าคนพยาบาลเหล่านี้ไม่ได้รับการศึกษาวิชาพยาบาลโดยตรง แต่ก็ฝึกหัดเรียนรู้การปฏิบัติงานจากแพทย์


วิชาชีพพยาบาลของไทยเกิดขึ้นเมื่อจัดตั้งโรงพยาบาลในรัชกาลที่ ๕  โรงพยาบาลต่าง ๆ มีคนพยาบาลทั้งหญิงชายทำหน้าที่ช่วยเหลือแพทย์ดูแลผู้ป่วย  แม้ว่าคนพยาบาลเหล่านี้ไม่ได้รับการศึกษาวิชาพยาบาลโดยตรง  แต่ก็ฝึกหัดเรียนรู้การปฏิบัติงานจากแพทย์ 
การเปลี่ยนวิธีพยาบาลหลังคลอด ตามที่[[สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ|สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ]]ทรงนิพนธ์ไว้ใน '''นิทานโบราณคดี''' ว่า เมื่อหม่อมเปี่ยมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์มีบุตรคนแรก ผู้ใหญ่ที่พยาบาลบังคับให้อยู่ไฟจนเป็นไข้ จนเสียชีวิตเนื่องจากทนความร้อนไม่ได้ ต่อมากรมหมื่นปราบปรปักษ์จึงโปรดให้นายแพทย์ปีเตอร์ กาแวน (Peter Gowan) แพทย์หลวงเป็นผู้ผดุงครรภ์พยาบาลหม่อมและบุตรธิดา ทำให้ทุกคนสุขสบายดี เมื่อพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ) มีพระประสูติกาลสมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ใน พ.ศ. ๒๔๓๒ ระหว่างผทมเพลิง (อยู่ไฟ) ทรงประชวรไข้ กรมหมื่นปราบปรปักษ์กราบทูลชี้แจงแสดงคุณของวิธีพยาบาลอย่างฝรั่ง จนทรงเลื่อมใส จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเลิกผทมเพลิง และโปรดเกล้าฯ ให้นายแพทย์ปีเตอร์ กาแวน ถวายการรักษาพยาบาล แต่นั้นมาการอยู่ไฟในพระบรมมหาราชวังเริ่มลดลง <ref>ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. ๒๕๔๓. นิทานโบราณคดี. พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรณาคาร, หน้า ๑๘๐.</ref>


การเปลี่ยนวิธีพยาบาลหลังคลอด ตามที่[[สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ]]ทรงนิพนธ์ไว้ใน '''นิทานโบราณคดี''' ว่า  เมื่อหม่อมเปี่ยมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์มีบุตรคนแรก ผู้ใหญ่ที่พยาบาลบังคับให้อยู่ไฟจนเป็นไข้ จนเสียชีวิตเนื่องจากทนความร้อนไม่ได้  ต่อมากรมหมื่นปราบปรปักษ์จึงโปรดให้นายแพทย์ปีเตอร์ กาแวน (Peter Gowan) แพทย์หลวงเป็นผู้ผดุงครรภ์พยาบาลหม่อมและบุตรธิดา ทำให้ทุกคนสุขสบายดี  เมื่อพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ) มีพระประสูติกาลสมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ใน พ.ศ. ๒๔๓๒  ระหว่างผทมเพลิง (อยู่ไฟ)  ทรงประชวรไข้  กรมหมื่นปราบปรปักษ์กราบทูลชี้แจงแสดงคุณของวิธีพยาบาลอย่างฝรั่ง จนทรงเลื่อมใส จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเลิกผทมเพลิง และโปรดเกล้าฯ ให้นายแพทย์ปีเตอร์ กาแวน ถวายการรักษาพยาบาล แต่นั้นมาการอยู่ไฟในพระบรมมหาราชวังเริ่มลดลง  <ref>ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. ๒๕๔๓. นิทานโบราณคดี. พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรณาคาร, หน้า ๑๘๐.</ref>  
วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๙ (พ.ศ. ๒๔๔๐ ตามปีปฏิทินปัจจุบัน) [[สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี|สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี]] พระอรรคราชเทวี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพิเศษในวันประสูติ พระราชทานเงิน ๓,๓๗๕ บาท แก่กรมพยาบาล จัดตั้งโรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์แลการพยาบาลไข้ จัดการเรียนการสอนสำหรับรักษาพยาบาลสตรีที่คลอดบุตรทั่วไป โรงเรียนนี้เปิดเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๙ ตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช รับสตรีอายุตั้งแต่ ๑๕-๔๐ ปี ทั้งที่เป็นโสดและที่มีสามีแล้ว กำหนดเวลาเรียน ๓ ปี เมื่อสอบไล่ได้รับประกาศนียบัตรแล้ว ต้องรับราชการอยู่ตามโรงพยาบาลอีก ๓ ปี เพื่อเพิ่มพูนความชำนาญ แล้วจึงออกทำการรักษาพยาบาลเป็นอิสระ<ref>ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๔๐. เล่ม ๑๓ ,หน้า ๕๒๓-๕๒๔.</ref>


วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๙ (พ.ศ. ๒๔๔๐ ตามปีปฏิทินปัจจุบัน) [[สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี]] พระอรรคราชเทวี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพิเศษในวันประสูติ พระราชทานเงิน ๓,๓๗๕ บาท แก่กรมพยาบาล จัดตั้งโรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์แลการพยาบาลไข้ จัดการเรียนการสอนสำหรับรักษาพยาบาลสตรีที่คลอดบุตรทั่วไป โรงเรียนนี้เปิดเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๙ ตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช รับสตรีอายุตั้งแต่ ๑๕-๔๐ ปี ทั้งที่เป็นโสดและที่มีสามีแล้ว กำหนดเวลาเรียน ๓ ปี เมื่อสอบไล่ได้รับประกาศนียบัตรแล้ว ต้องรับราชการอยู่ตามโรงพยาบาลอีก ๓ ปี เพื่อเพิ่มพูนความชำนาญ แล้วจึงออกทำการรักษาพยาบาลเป็นอิสระ<ref>ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๔๐. เล่ม ๑๓ ,หน้า ๕๒๓-๕๒๔.</ref> 
นายแพทย์แฮนส์ อดัมสัน (พระบำบัดสรรพโรค) เป็นผู้จัดการเรียนการสอน อุปสรรคสำคัญเมื่อเปิดรับนักเรียน คือ นักเรียนไม่สามารถเขียนอ่านภาษาไทย จึงต้องสอนวิชาภาษาไทยก่อน แล้วจึงฝึกหัดการผดุงครรภ์และพยาบาล จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๓ มีนักเรียนสำเร็จการศึกษารวม ๑๐ คน ผู้สำเร็จการศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพพยาบาล มีเพียง ๒-๓ คนที่ทำงานเป็นแพทย์ผดุงครรภ์ และเป็นครูพยาบาลในเวลาต่อมา
 
นายแพทย์แฮนส์ อดัมสัน (พระบำบัดสรรพโรค) เป็นผู้จัดการเรียนการสอน อุปสรรคสำคัญเมื่อเปิดรับนักเรียน คือ นักเรียนไม่สามารถเขียนอ่านภาษาไทย   จึงต้องสอนวิชาภาษาไทยก่อน   แล้วจึงฝึกหัดการผดุงครรภ์และพยาบาล จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๓ มีนักเรียนสำเร็จการศึกษารวม ๑๐ คน ผู้สำเร็จการศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพพยาบาล   มีเพียง ๒-๓ คนที่ทำงานเป็นแพทย์ผดุงครรภ์ และเป็นครูพยาบาลในเวลาต่อมา


การดำเนินงานของโรงเรียนขาดช่วงไประยะหนึ่ง จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๑ เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) มีหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมราชินีนาถขอพระราชทานพระราชานุญาตเปิดการเรียนการสอนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  
การดำเนินงานของโรงเรียนขาดช่วงไประยะหนึ่ง จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๑ เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) มีหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมราชินีนาถขอพระราชทานพระราชานุญาตเปิดการเรียนการสอนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


โรงเรียนที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ มีชื่อว่า โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาล ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เป็นแผนกหนึ่งของโรงเรียนราชแพทยาลัย ตามระเบียบการโรงเรียนราชแพทยาลัย พ.ศ. ๒๔๕๓ มีแผนกการสอนวิชา ได้แก่ สอนวิชาแพทย์ให้แก่นักเรียนผู้ชาย สอนวิชาแพทย์ผดุงครรภ์ให้แก่นักเรียนผู้หญิง และรับฝึกหัดพยาบาลให้แก่นักเรียนผู้หญิง มีระเบียบการระบุไว้ว่า
โรงเรียนที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ มีชื่อว่า โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาล ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เป็นแผนกหนึ่งของโรงเรียนราชแพทยาลัย ตามระเบียบการโรงเรียนราชแพทยาลัย พ.ศ. ๒๔๕๓ มีแผนกการสอนวิชา ได้แก่ สอนวิชาแพทย์ให้แก่นักเรียนผู้ชาย สอนวิชาแพทย์ผดุงครรภ์ให้แก่นักเรียนผู้หญิง และรับฝึกหัดพยาบาลให้แก่นักเรียนผู้หญิง มีระเบียบการระบุไว้ว่า


''มีแผนกการพยาบาล ทั้งการพยาบาลในสถานที่ ได้แก่ การพยาบาลคนไข้ทั้งปวงที่อนาถาเพื่อเป็นทาน การรับหญิงมาคลอดบุตร์เพื่อเป็นทาน การปลูกฝีให้แก่ราษฎรเป็นทาน การพยาบาลคนไข้บรรดาศักดิ์ทั้งชายและหญิงเป็นพิเศษ ... มีแพทย์และคนพยาบาลทั้งชายหรือหญิง ประจำรักษาพยาบาลตลอดกาล   สำหรับการพยาบาลนอกสถานที่ ได้แก่ การส่งคนพยาบาลผู้หญิงและผู้ชายไปพยาบาลไข้ในที่ต่างๆ ได้ทั่วไป''
''มีแผนกการพยาบาล ทั้งการพยาบาลในสถานที่ ได้แก่ การพยาบาลคนไข้ทั้งปวงที่อนาถาเพื่อเป็นทาน การรับหญิงมาคลอดบุตร์เพื่อเป็นทาน การปลูกฝีให้แก่ราษฎรเป็นทาน การพยาบาลคนไข้บรรดาศักดิ์ทั้งชายและหญิงเป็นพิเศษ ... มีแพทย์และคนพยาบาลทั้งชายหรือหญิง ประจำรักษาพยาบาลตลอดกาล สำหรับการพยาบาลนอกสถานที่ ได้แก่ การส่งคนพยาบาลผู้หญิงและผู้ชายไปพยาบาลไข้ในที่ต่างๆ ได้ทั่วไป''


หลักสูตรการพยาบาลและการผดุงครรภ์ปรับปรุงใหม่ มีระยะเวลาเรียน ๒ ปี เมื่อสอบไล่ได้แล้ว ต้องฝึกหัดอีก ๑ ปี นักเรียนที่ได้คะแนนตามเกณฑ์ได้รับประกาศนียบัตรแพทย์ผดุงครรภ์ หากไม่ถึงเกณฑ์ ได้รับประกาศนียบัตรคนพยาบาล  
หลักสูตรการพยาบาลและการผดุงครรภ์ปรับปรุงใหม่ มีระยะเวลาเรียน ๒ ปี เมื่อสอบไล่ได้แล้ว ต้องฝึกหัดอีก ๑ ปี นักเรียนที่ได้คะแนนตามเกณฑ์ได้รับประกาศนียบัตรแพทย์ผดุงครรภ์ หากไม่ถึงเกณฑ์ ได้รับประกาศนียบัตรคนพยาบาล


พ.ศ. ๒๔๕๗ สภากาชาดสยามจัดตั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์   เปิดโรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยาม หลักสูตรการพยาบาล ๑ ปี จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๙ ขยายเวลาเป็น ๒ ปี และเป็น ๓ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๖๗
พ.ศ. ๒๔๕๗ สภากาชาดสยามจัดตั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดโรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยาม หลักสูตรการพยาบาล ๑ ปี จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๙ ขยายเวลาเป็น ๒ ปี และเป็น ๓ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๖๗


พ.ศ. ๒๔๖๖ นายแพทย์เอ็ดวิน ซี คอร์ท (Dr. Edwin C. Cort) ผู้อำนวยการคนแรกของโรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค หลักสูตร ๓ ปี ใช้หลักสูตรและข้อสอบร่วมกับโรงเรียนนางพยาบาลสภากาชาดสยาม   ปีแรกมีนักเรียน ๖ คน เรียนจบหลักสูตร ๒ คน  
พ.ศ. ๒๔๖๖ นายแพทย์เอ็ดวิน ซี คอร์ท (Dr. Edwin C. Cort) ผู้อำนวยการคนแรกของโรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค หลักสูตร ๓ ปี ใช้หลักสูตรและข้อสอบร่วมกับโรงเรียนนางพยาบาลสภากาชาดสยาม ปีแรกมีนักเรียน ๖ คน เรียนจบหลักสูตร ๒ คน


นอกจากการเรียนการสอนเพื่อผลิตพยาบาลสตรีในโรงเรียนพยาบาลต่าง ๆ   ใน พ.ศ. ๒๔๔๙ กรมศึกษาธิการ เปิดโรงเรียนฝึกหัดคนพยาบาลที่โรงเรียนราชแพทยาลัย รับนักเรียนชาย อายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี เวลาเรียน ๑ ปี สำเร็จการศึกษาแล้ว เรียกว่า คนพยาบาลประกาศนียบัตร   ทำงานในโรงพยาบาลศิริราช เงินเดือน ๆ ละ ๕๐ บาทขึ้นไป หรือสมัครใจไปรับราชการที่โรงพยาบาลอื่นๆ แต่เปิดสอนเฉพาะปีที่ต้องการคนพยาบาลปฏิบัติงานเท่านั้น   จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ จึงปิดตัวลง ผลิตคนพยาบาล ๙ รุ่น รวม ๔๑ คน  
นอกจากการเรียนการสอนเพื่อผลิตพยาบาลสตรีในโรงเรียนพยาบาลต่าง ๆ ใน พ.ศ. ๒๔๔๙ กรมศึกษาธิการ เปิดโรงเรียนฝึกหัดคนพยาบาลที่โรงเรียนราชแพทยาลัย รับนักเรียนชาย อายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี เวลาเรียน ๑ ปี สำเร็จการศึกษาแล้ว เรียกว่า คนพยาบาลประกาศนียบัตร ทำงานในโรงพยาบาลศิริราช เงินเดือน ๆ ละ ๕๐ บาทขึ้นไป หรือสมัครใจไปรับราชการที่โรงพยาบาลอื่นๆ แต่เปิดสอนเฉพาะปีที่ต้องการคนพยาบาลปฏิบัติงานเท่านั้น จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ จึงปิดตัวลง ผลิตคนพยาบาล ๙ รุ่น รวม ๔๑ คน


ในพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ กำหนดให้ การพยาบาลเป็นการประกอบโรคศิลปะ ตามมาตรา ๓ วรรค ๒ ระบุถึง “โรคศิลปะ” หมายความว่า การบำบัดโรคทางยา และทางผ่าตัด รวมทั้งการผดุงครรภ์ การช่างฟัน การสัตวแพทย์ การปรุงยา การพยาบาล การนวด หรือการรักษาคนบาดเจ็บป่วยไข้โดยประการใดๆ  
ในพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ กำหนดให้ การพยาบาลเป็นการประกอบโรคศิลปะ ตามมาตรา ๓ วรรค ๒ ระบุถึง “โรคศิลปะ” หมายความว่า การบำบัดโรคทางยา และทางผ่าตัด รวมทั้งการผดุงครรภ์ การช่างฟัน การสัตวแพทย์ การปรุงยา การพยาบาล การนวด หรือการรักษาคนบาดเจ็บป่วยไข้โดยประการใดๆ


&nbsp;


== การพยาบาลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ==
== การพยาบาลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ==


'''โรงเรียนนางพยาบาลและผดุงครรภ์ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย'''  
'''โรงเรียนนางพยาบาลและผดุงครรภ์ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย'''


จากสัญญาความร่วมมือในส่วนการปรับปรุงการพยาบาล ระหว่าง[[รัฐบาล]]สยาม (สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงเป็นผู้แทน) กับมูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์   ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๘-๒๔๗๘ มูลนิธิฯ จัดส่งพยาบาลอเมริกันเข้ามาเป็นหัวหน้าแผนกพยาบาล จัดทำหลักสูตรใหม่ และเป็นผู้สอน สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงินเดือนในส่วนของรัฐบาลสยามแก่พยาบาลอเมริกัน   เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี)   ยังคงให้เงินเดือนแก่หัวหน้าแผนกวิชาพยาบาล เป็นเวลา ๑ ปี
จากสัญญาความร่วมมือในส่วนการปรับปรุงการพยาบาล ระหว่าง[[รัฐบาล|รัฐบาล]]สยาม (สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงเป็นผู้แทน) กับมูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๘-๒๔๗๘ มูลนิธิฯ จัดส่งพยาบาลอเมริกันเข้ามาเป็นหัวหน้าแผนกพยาบาล จัดทำหลักสูตรใหม่ และเป็นผู้สอน สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงินเดือนในส่วนของรัฐบาลสยามแก่พยาบาลอเมริกัน เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ยังคงให้เงินเดือนแก่หัวหน้าแผนกวิชาพยาบาล เป็นเวลา ๑ ปี


การปรับปรุงหลักสูตรใหม่   รับนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๖ เป็นโสด ระยะเวลาเรียน ๓ ปี ๖ เดือน เรียนการพยาบาลทั่วไป ๓ ปี และการผดุงครรภ์ ๖ เดือน มีครูสอนและควบคุมใกล้ชิด มีห้องสอนแสดงให้นักเรียนฝึกหัด ต่างจากเดิมที่นักเรียนปฏิบัติกับคนไข้ในหอผู้ป่วยเท่านั้น ครูพยาบาลอเมริกันวางระเบียบการปฏิบัติงานต่าง ๆ ทั้งในโรงเรียนและหอผู้ป่วย   การปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมีความเข้มงวดและเป็นระบบมากขึ้น
การปรับปรุงหลักสูตรใหม่ รับนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๖ เป็นโสด ระยะเวลาเรียน ๓ ปี ๖ เดือน เรียนการพยาบาลทั่วไป ๓ ปี และการผดุงครรภ์ ๖ เดือน มีครูสอนและควบคุมใกล้ชิด มีห้องสอนแสดงให้นักเรียนฝึกหัด ต่างจากเดิมที่นักเรียนปฏิบัติกับคนไข้ในหอผู้ป่วยเท่านั้น ครูพยาบาลอเมริกันวางระเบียบการปฏิบัติงานต่าง ๆ ทั้งในโรงเรียนและหอผู้ป่วย การปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมีความเข้มงวดและเป็นระบบมากขึ้น


มูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์ให้เงินจำนวน ๑๖๙,๔๙๔.๐๘ บาท สร้างตึกหอพักพยาบาล   บนพื้นที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ทรงซื้อไว้ และพระราชทานให้โรงพยาบาลศิริราชปลูกสร้างหอพักพยาบาล   (ปัจจุบัน คือ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล)   พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดตึกนี้ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕
มูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์ให้เงินจำนวน ๑๖๙,๔๙๔.๐๘ บาท สร้างตึกหอพักพยาบาล บนพื้นที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ทรงซื้อไว้ และพระราชทานให้โรงพยาบาลศิริราชปลูกสร้างหอพักพยาบาล (ปัจจุบัน คือ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดตึกนี้ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕


นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ให้ทุนส่งนักเรียนไปศึกษาวิชาโภชนาการ พยาบาล และดูงานในต่างประเทศ ระยะสั้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ ระยะยาวที่สหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ให้ทุนส่งนักเรียนไปศึกษาวิชาโภชนาการ พยาบาล และดูงานในต่างประเทศ ระยะสั้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ ระยะยาวที่สหรัฐอเมริกา


[[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี]] เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานประกาศนียบัตรแก่พยาบาลผู้สำเร็จการศึกษาประจำปี ๒๔๗๒   ตึกตรีเพชร์ โรงพยาบาลศิริราช<ref>อนุสรณ์ ๖๐ ปี โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย. ๒๕๐๐. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยเขษม.</ref> การเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานประกาศนียบัตรนี้ทรงสืบทอดพระราชกรณียกิจจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินินาถ และสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า
[[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี_พระบรมราชินี|สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี]] เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานประกาศนียบัตรแก่พยาบาลผู้สำเร็จการศึกษาประจำปี ๒๔๗๒ ณ ตึกตรีเพชร์ โรงพยาบาลศิริราช<ref>อนุสรณ์ ๖๐ ปี โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย. ๒๕๐๐. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยเขษม.</ref> การเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานประกาศนียบัตรนี้ทรงสืบทอดพระราชกรณียกิจจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินินาถ และสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า


พ.ศ. ๒๔๗๓ คุณหญิงพิณพากย์พิทยเภท (จำนง เมืองแมน) สำเร็จการศึกษาพยาบาลจากสหรัฐอเมริกา ทำงานเป็นครูพยาบาลที่ศิริราช เขียนตำรา “วิชาพยาบาล” เป็นตำราทางการพยาบาลภาษาไทยเล่มแรก   เมื่อสิ้นสุดสัญญา ครูพยาบาลอเมริกันเดินทางกลับไปแล้ว คุณหญิงพิณพากย์พิทยาเภท ทำหน้าที่หัวหน้าแผนกพยาบาล มีครูพยาบาลที่ผ่านการดูงานต่างประเทศกลับมาเป็นกำลังสำคัญ ทำให้วิชาการพยาบาลเป็นที่ยอมรับ จำนวนนักเรียนจึงเพิ่มขึ้นทุกปี  
พ.ศ. ๒๔๗๓ คุณหญิงพิณพากย์พิทยเภท (จำนง เมืองแมน) สำเร็จการศึกษาพยาบาลจากสหรัฐอเมริกา ทำงานเป็นครูพยาบาลที่ศิริราช เขียนตำรา “วิชาพยาบาล” เป็นตำราทางการพยาบาลภาษาไทยเล่มแรก เมื่อสิ้นสุดสัญญา ครูพยาบาลอเมริกันเดินทางกลับไปแล้ว คุณหญิงพิณพากย์พิทยาเภท ทำหน้าที่หัวหน้าแผนกพยาบาล มีครูพยาบาลที่ผ่านการดูงานต่างประเทศกลับมาเป็นกำลังสำคัญ ทำให้วิชาการพยาบาลเป็นที่ยอมรับ จำนวนนักเรียนจึงเพิ่มขึ้นทุกปี


&nbsp;


'''นางอนามัย'''
'''นางอนามัย'''


พ.ศ. ๒๔๖๘ [[สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรค์วรพินิต]] เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และอุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดสยาม ทรงพระตำริว่าในต่างจังหวัดยังขาดแคลนแพทย์   จึงทรงตั้งโครงการอบรม “นางอนามัย” หลักสูตร ๘ เดือน ด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์   คัดเลือกพยาบาลจากโรงเรียนพยาบาลทั้งของคณะแพทยศาสตร์ และสภากาชาดสยาม ศึกษาเพิ่มเติมความรู้การพยาบาล การผดุงครรภ์ การป้องกันโรค และโภชนาการ   แล้วไปปฏิบัติงานเป็นนางอนามัย ในพื้นที่ขาดแคลนแพทย์ เช่น จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมากรมสาธารณสุขให้ทุนส่งพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ เข้าศึกษาด้วย เมื่อ[[เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕]] โครงการอบรมนางอนามัยสิ้นสุดลง<ref>สรรใจ แสงวิเชียร. ๒๕๒๒. นางอนามัยและพยาบาลเวชปฏิบัติ.  สารศิริราช  ๓๑(๘), หน้า ๑๖๗๓-๑๖๗๔.</ref>
พ.ศ. ๒๔๖๘ [[สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ_เจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรค์วรพินิต|สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรค์วรพินิต]] เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และอุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดสยาม ทรงพระตำริว่าในต่างจังหวัดยังขาดแคลนแพทย์ จึงทรงตั้งโครงการอบรม “นางอนามัย” หลักสูตร ๘ เดือน ด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์ คัดเลือกพยาบาลจากโรงเรียนพยาบาลทั้งของคณะแพทยศาสตร์ และสภากาชาดสยาม ศึกษาเพิ่มเติมความรู้การพยาบาล การผดุงครรภ์ การป้องกันโรค และโภชนาการ แล้วไปปฏิบัติงานเป็นนางอนามัย ในพื้นที่ขาดแคลนแพทย์ เช่น จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมากรมสาธารณสุขให้ทุนส่งพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ เข้าศึกษาด้วย เมื่อ[[เปลี่ยนแปลงการปกครอง_พ.ศ._๒๔๗๕|เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕]] โครงการอบรมนางอนามัยสิ้นสุดลง<ref>สรรใจ แสงวิเชียร. ๒๕๒๒. นางอนามัยและพยาบาลเวชปฏิบัติ.  สารศิริราช  ๓๑(๘), หน้า ๑๖๗๓-๑๖๗๔.</ref>


'''โรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยาม'''
'''โรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยาม'''


พ.ศ. ๒๔๗๐ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ ทรงเป็นหัวหน้าพยาบาลรับผิดชอบทั้งงานบริการพยาบาล และโรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยามจัดส่งพยาบาลไปศึกษาดูงานต่างประเทศ เป็นการเพิ่มพูนครูพยาบาลและพยาบาลปฏิบัติการที่มีความรู้ประสบการณ์
พ.ศ. ๒๔๗๐ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ ทรงเป็นหัวหน้าพยาบาลรับผิดชอบทั้งงานบริการพยาบาล และโรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยามจัดส่งพยาบาลไปศึกษาดูงานต่างประเทศ เป็นการเพิ่มพูนครูพยาบาลและพยาบาลปฏิบัติการที่มีความรู้ประสบการณ์


'''โรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่'''
'''โรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่'''


จัดหลักสูตรการพยาบาลตามหลักสูตรโรงเรียนการพยาบาล สภากาชาดสยาม ผู้สำเร็จการศึกษาพยาบาลเรียนต่อการผดุงครรภ์ที่โรงเรียนการพยาบาล สภากาชาด เป็นเวลา ๖ เดือน ได้รับประกาศนียบัตรผดุงครรภ์
จัดหลักสูตรการพยาบาลตามหลักสูตรโรงเรียนการพยาบาล สภากาชาดสยาม ผู้สำเร็จการศึกษาพยาบาลเรียนต่อการผดุงครรภ์ที่โรงเรียนการพยาบาล สภากาชาด เป็นเวลา ๖ เดือน ได้รับประกาศนียบัตรผดุงครรภ์


นางสาวศรีวิไล สิงหเนตร ได้รับทุนไปศึกษาวิชาพยาบาลที่ศูนย์การแพทย์ปักกิ่ง (Peking Medical Union Center) แล้วกลับมาทำหน้าที่ครูพยาบาลที่โรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ต่อเนื่องจนตั้งขึ้นเป็น คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ
นางสาวศรีวิไล สิงหเนตร ได้รับทุนไปศึกษาวิชาพยาบาลที่ศูนย์การแพทย์ปักกิ่ง (Peking Medical Union Center) แล้วกลับมาทำหน้าที่ครูพยาบาลที่โรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ต่อเนื่องจนตั้งขึ้นเป็น คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ


'''สมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม'''
'''สมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม'''


พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ริเริ่มให้มีการจัดตั้งสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม จดทะเบียนเป็นสมาคมเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ มีหม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ เป็นนายกสมาคม   ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา รับเชิญเป็นกรรมการสมาคม (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนผดุงครรภ์และพยาบาล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙)  
พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ริเริ่มให้มีการจัดตั้งสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม จดทะเบียนเป็นสมาคมเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ มีหม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ เป็นนายกสมาคม ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา รับเชิญเป็นกรรมการสมาคม (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนผดุงครรภ์และพยาบาล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙)


พ.ศ. ๒๔๗๖ สภาการพยาบาลระหว่างประเทศ เชิญสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยามเป็นสมาชิกสมทบ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนประเทศสยามประเภทสมาชิกสมทบโดยตำแหน่ง
พ.ศ. ๒๔๗๖ สภาการพยาบาลระหว่างประเทศ เชิญสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยามเป็นสมาชิกสมทบ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนประเทศสยามประเภทสมาชิกสมทบโดยตำแหน่ง


พระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๗๒ กำหนดว่า'' ... การผดุงครรภ์ ...และการพยาบาลนั้น ห้ามมิให้ขึ้นทะเบียนในประเภทแผนโบราณ'' <ref>ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖, หน้า ๕๘.</ref>
พระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๗๒ กำหนดว่า''... การผดุงครรภ์ ...และการพยาบาลนั้น ห้ามมิให้ขึ้นทะเบียนในประเภทแผนโบราณ'' <ref>ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖, หน้า ๕๘.</ref>


ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การพยาบาลไทยก้าวหน้าตามลำดับ ทั้งด้านการศึกษาและวิชาชีพ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย   งานพยาบาล จึงเข้มงวดด้วยระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อรองรับการช่วยเหลือดูแลบรรเทาโรค   การใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อทั้งในห้องผ่าตัด และการทำหัตถการ พยาบาลวิชาชีพทำหน้าที่ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค พยาบาลผดุงครรภ์ทำคลอด ดูแลมารดา และทารก นางอนามัยทำหน้าที่ป้องกันโรค และสามารถทำหัตถการทดแทนแพทย์เมื่อจำเป็น
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การพยาบาลไทยก้าวหน้าตามลำดับ ทั้งด้านการศึกษาและวิชาชีพ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย งานพยาบาล จึงเข้มงวดด้วยระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อรองรับการช่วยเหลือดูแลบรรเทาโรค การใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อทั้งในห้องผ่าตัด และการทำหัตถการ พยาบาลวิชาชีพทำหน้าที่ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค พยาบาลผดุงครรภ์ทำคลอด ดูแลมารดา และทารก นางอนามัยทำหน้าที่ป้องกันโรค และสามารถทำหัตถการทดแทนแพทย์เมื่อจำเป็น


&nbsp;


== บรรณานุกรม ==


== บรรณานุกรม ==
กรมศึกษาธิการ. ๒๔๕๓. ระเบียบการโรงเรียนราชแพทยาลัย. กรุงเทพฯ&nbsp;: โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. ๒๕๔๓. นิทานโบราณคดี. พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรณาคาร. ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๔๐. เล่ม ๑๓. ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖. สภากาชาดไทย. ๒๕๓๖. ๑๐๐ ปี สภากาชาดไทย ๒๔๓๖-๒๕๓๖. กรุงเทพฯ: จิรเมธาโฆษณาและการพิมพ์. สรรใจ แสงวิเชียร. ๒๕๒๒. นางอนามัยและพยาบาลเวชปฏิบัติ. สารศิริราช ๓๑(๘): ๑๖๗๒-๗. อนุสรณ์ ๖๐ ปี โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย. ๒๕๐๐. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยเขษม. www.thainurse.org accessed ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ www.payap.ac.th accessed ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘


&nbsp;


กรมศึกษาธิการ. ๒๔๕๓. ระเบียบการโรงเรียนราชแพทยาลัย.  กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ.
== อ้างอิง ==
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. ๒๕๔๓. นิทานโบราณคดี. พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรณาคาร.
ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๔๐. เล่ม ๑๓.
ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖.
สภากาชาดไทย. ๒๕๓๖. ๑๐๐ ปี สภากาชาดไทย ๒๔๓๖-๒๕๓๖. กรุงเทพฯ: จิรเมธาโฆษณาและการพิมพ์.
สรรใจ แสงวิเชียร. ๒๕๒๒. นางอนามัยและพยาบาลเวชปฏิบัติ.  สารศิริราช  ๓๑(๘): ๑๖๗๒-๗.
อนุสรณ์ ๖๐ ปี โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย. ๒๕๐๐. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยเขษม.
www.thainurse.org  accessed  ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
www.payap.ac.th  accessed  ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘


<references />


== อ้างอิง ==
[[หมวดหมู่: พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ]]
<references/>

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:53, 19 พฤษภาคม 2560

ผู้เรียบเรียง : วิกัลย์ พงศ์พนิตานนท์

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิ เตชานันท์

 

การพยาบาล หมายถึง การกระทำเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้บรรเทาอาการของโรค การศึกษาวิชาพยาบาลของไทยเริ่มต้นจากหลักสูตรแพทย์ผดุงครรภ์และพัฒนาต่อเนื่อง

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การพยาบาลก้าวหน้าเป็นลำดับทั้งการศึกษาและการประกอบวิชาชีพ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) ทรงมีส่วนร่วมปรับปรุงการศึกษาวิชาพยาบาล นำไปสู่วิชาชีพระดับมาตรฐาน

 

ประวัติวิชาชีพการพยาบาล

วิชาชีพพยาบาลของไทยเกิดขึ้นเมื่อจัดตั้งโรงพยาบาลในรัชกาลที่ ๕ โรงพยาบาลต่าง ๆ มีคนพยาบาลทั้งหญิงชายทำหน้าที่ช่วยเหลือแพทย์ดูแลผู้ป่วย แม้ว่าคนพยาบาลเหล่านี้ไม่ได้รับการศึกษาวิชาพยาบาลโดยตรง แต่ก็ฝึกหัดเรียนรู้การปฏิบัติงานจากแพทย์

การเปลี่ยนวิธีพยาบาลหลังคลอด ตามที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์ไว้ใน นิทานโบราณคดี ว่า เมื่อหม่อมเปี่ยมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์มีบุตรคนแรก ผู้ใหญ่ที่พยาบาลบังคับให้อยู่ไฟจนเป็นไข้ จนเสียชีวิตเนื่องจากทนความร้อนไม่ได้ ต่อมากรมหมื่นปราบปรปักษ์จึงโปรดให้นายแพทย์ปีเตอร์ กาแวน (Peter Gowan) แพทย์หลวงเป็นผู้ผดุงครรภ์พยาบาลหม่อมและบุตรธิดา ทำให้ทุกคนสุขสบายดี เมื่อพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ) มีพระประสูติกาลสมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ใน พ.ศ. ๒๔๓๒ ระหว่างผทมเพลิง (อยู่ไฟ) ทรงประชวรไข้ กรมหมื่นปราบปรปักษ์กราบทูลชี้แจงแสดงคุณของวิธีพยาบาลอย่างฝรั่ง จนทรงเลื่อมใส จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเลิกผทมเพลิง และโปรดเกล้าฯ ให้นายแพทย์ปีเตอร์ กาแวน ถวายการรักษาพยาบาล แต่นั้นมาการอยู่ไฟในพระบรมมหาราชวังเริ่มลดลง [1]

วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๙ (พ.ศ. ๒๔๔๐ ตามปีปฏิทินปัจจุบัน) สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอรรคราชเทวี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพิเศษในวันประสูติ พระราชทานเงิน ๓,๓๗๕ บาท แก่กรมพยาบาล จัดตั้งโรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์แลการพยาบาลไข้ จัดการเรียนการสอนสำหรับรักษาพยาบาลสตรีที่คลอดบุตรทั่วไป โรงเรียนนี้เปิดเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๙ ตั้งอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช รับสตรีอายุตั้งแต่ ๑๕-๔๐ ปี ทั้งที่เป็นโสดและที่มีสามีแล้ว กำหนดเวลาเรียน ๓ ปี เมื่อสอบไล่ได้รับประกาศนียบัตรแล้ว ต้องรับราชการอยู่ตามโรงพยาบาลอีก ๓ ปี เพื่อเพิ่มพูนความชำนาญ แล้วจึงออกทำการรักษาพยาบาลเป็นอิสระ[2]

นายแพทย์แฮนส์ อดัมสัน (พระบำบัดสรรพโรค) เป็นผู้จัดการเรียนการสอน อุปสรรคสำคัญเมื่อเปิดรับนักเรียน คือ นักเรียนไม่สามารถเขียนอ่านภาษาไทย จึงต้องสอนวิชาภาษาไทยก่อน แล้วจึงฝึกหัดการผดุงครรภ์และพยาบาล จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๓ มีนักเรียนสำเร็จการศึกษารวม ๑๐ คน ผู้สำเร็จการศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพพยาบาล มีเพียง ๒-๓ คนที่ทำงานเป็นแพทย์ผดุงครรภ์ และเป็นครูพยาบาลในเวลาต่อมา

การดำเนินงานของโรงเรียนขาดช่วงไประยะหนึ่ง จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๑ เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) มีหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมราชินีนาถขอพระราชทานพระราชานุญาตเปิดการเรียนการสอนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

โรงเรียนที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ มีชื่อว่า โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาล ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ เป็นแผนกหนึ่งของโรงเรียนราชแพทยาลัย ตามระเบียบการโรงเรียนราชแพทยาลัย พ.ศ. ๒๔๕๓ มีแผนกการสอนวิชา ได้แก่ สอนวิชาแพทย์ให้แก่นักเรียนผู้ชาย สอนวิชาแพทย์ผดุงครรภ์ให้แก่นักเรียนผู้หญิง และรับฝึกหัดพยาบาลให้แก่นักเรียนผู้หญิง มีระเบียบการระบุไว้ว่า

มีแผนกการพยาบาล ทั้งการพยาบาลในสถานที่ ได้แก่ การพยาบาลคนไข้ทั้งปวงที่อนาถาเพื่อเป็นทาน การรับหญิงมาคลอดบุตร์เพื่อเป็นทาน การปลูกฝีให้แก่ราษฎรเป็นทาน การพยาบาลคนไข้บรรดาศักดิ์ทั้งชายและหญิงเป็นพิเศษ ... มีแพทย์และคนพยาบาลทั้งชายหรือหญิง ประจำรักษาพยาบาลตลอดกาล สำหรับการพยาบาลนอกสถานที่ ได้แก่ การส่งคนพยาบาลผู้หญิงและผู้ชายไปพยาบาลไข้ในที่ต่างๆ ได้ทั่วไป

หลักสูตรการพยาบาลและการผดุงครรภ์ปรับปรุงใหม่ มีระยะเวลาเรียน ๒ ปี เมื่อสอบไล่ได้แล้ว ต้องฝึกหัดอีก ๑ ปี นักเรียนที่ได้คะแนนตามเกณฑ์ได้รับประกาศนียบัตรแพทย์ผดุงครรภ์ หากไม่ถึงเกณฑ์ ได้รับประกาศนียบัตรคนพยาบาล

พ.ศ. ๒๔๕๗ สภากาชาดสยามจัดตั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดโรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยาม หลักสูตรการพยาบาล ๑ ปี จนถึง พ.ศ. ๒๔๕๙ ขยายเวลาเป็น ๒ ปี และเป็น ๓ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๖๗

พ.ศ. ๒๔๖๖ นายแพทย์เอ็ดวิน ซี คอร์ท (Dr. Edwin C. Cort) ผู้อำนวยการคนแรกของโรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค หลักสูตร ๓ ปี ใช้หลักสูตรและข้อสอบร่วมกับโรงเรียนนางพยาบาลสภากาชาดสยาม ปีแรกมีนักเรียน ๖ คน เรียนจบหลักสูตร ๒ คน

นอกจากการเรียนการสอนเพื่อผลิตพยาบาลสตรีในโรงเรียนพยาบาลต่าง ๆ ใน พ.ศ. ๒๔๔๙ กรมศึกษาธิการ เปิดโรงเรียนฝึกหัดคนพยาบาลที่โรงเรียนราชแพทยาลัย รับนักเรียนชาย อายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี เวลาเรียน ๑ ปี สำเร็จการศึกษาแล้ว เรียกว่า คนพยาบาลประกาศนียบัตร ทำงานในโรงพยาบาลศิริราช เงินเดือน ๆ ละ ๕๐ บาทขึ้นไป หรือสมัครใจไปรับราชการที่โรงพยาบาลอื่นๆ แต่เปิดสอนเฉพาะปีที่ต้องการคนพยาบาลปฏิบัติงานเท่านั้น จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ จึงปิดตัวลง ผลิตคนพยาบาล ๙ รุ่น รวม ๔๑ คน

ในพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ กำหนดให้ การพยาบาลเป็นการประกอบโรคศิลปะ ตามมาตรา ๓ วรรค ๒ ระบุถึง “โรคศิลปะ” หมายความว่า การบำบัดโรคทางยา และทางผ่าตัด รวมทั้งการผดุงครรภ์ การช่างฟัน การสัตวแพทย์ การปรุงยา การพยาบาล การนวด หรือการรักษาคนบาดเจ็บป่วยไข้โดยประการใดๆ

 

การพยาบาลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

โรงเรียนนางพยาบาลและผดุงครรภ์ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จากสัญญาความร่วมมือในส่วนการปรับปรุงการพยาบาล ระหว่างรัฐบาลสยาม (สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงเป็นผู้แทน) กับมูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๘-๒๔๗๘ มูลนิธิฯ จัดส่งพยาบาลอเมริกันเข้ามาเป็นหัวหน้าแผนกพยาบาล จัดทำหลักสูตรใหม่ และเป็นผู้สอน สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงินเดือนในส่วนของรัฐบาลสยามแก่พยาบาลอเมริกัน เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ยังคงให้เงินเดือนแก่หัวหน้าแผนกวิชาพยาบาล เป็นเวลา ๑ ปี

การปรับปรุงหลักสูตรใหม่ รับนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๖ เป็นโสด ระยะเวลาเรียน ๓ ปี ๖ เดือน เรียนการพยาบาลทั่วไป ๓ ปี และการผดุงครรภ์ ๖ เดือน มีครูสอนและควบคุมใกล้ชิด มีห้องสอนแสดงให้นักเรียนฝึกหัด ต่างจากเดิมที่นักเรียนปฏิบัติกับคนไข้ในหอผู้ป่วยเท่านั้น ครูพยาบาลอเมริกันวางระเบียบการปฏิบัติงานต่าง ๆ ทั้งในโรงเรียนและหอผู้ป่วย การปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมีความเข้มงวดและเป็นระบบมากขึ้น

มูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์ให้เงินจำนวน ๑๖๙,๔๙๔.๐๘ บาท สร้างตึกหอพักพยาบาล บนพื้นที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ทรงซื้อไว้ และพระราชทานให้โรงพยาบาลศิริราชปลูกสร้างหอพักพยาบาล (ปัจจุบัน คือ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดตึกนี้ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕

นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ให้ทุนส่งนักเรียนไปศึกษาวิชาโภชนาการ พยาบาล และดูงานในต่างประเทศ ระยะสั้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ ระยะยาวที่สหรัฐอเมริกา

สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานประกาศนียบัตรแก่พยาบาลผู้สำเร็จการศึกษาประจำปี ๒๔๗๒ ณ ตึกตรีเพชร์ โรงพยาบาลศิริราช[3] การเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานประกาศนียบัตรนี้ทรงสืบทอดพระราชกรณียกิจจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินินาถ และสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า

พ.ศ. ๒๔๗๓ คุณหญิงพิณพากย์พิทยเภท (จำนง เมืองแมน) สำเร็จการศึกษาพยาบาลจากสหรัฐอเมริกา ทำงานเป็นครูพยาบาลที่ศิริราช เขียนตำรา “วิชาพยาบาล” เป็นตำราทางการพยาบาลภาษาไทยเล่มแรก เมื่อสิ้นสุดสัญญา ครูพยาบาลอเมริกันเดินทางกลับไปแล้ว คุณหญิงพิณพากย์พิทยาเภท ทำหน้าที่หัวหน้าแผนกพยาบาล มีครูพยาบาลที่ผ่านการดูงานต่างประเทศกลับมาเป็นกำลังสำคัญ ทำให้วิชาการพยาบาลเป็นที่ยอมรับ จำนวนนักเรียนจึงเพิ่มขึ้นทุกปี

 

นางอนามัย

พ.ศ. ๒๔๖๘ สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และอุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดสยาม ทรงพระตำริว่าในต่างจังหวัดยังขาดแคลนแพทย์ จึงทรงตั้งโครงการอบรม “นางอนามัย” หลักสูตร ๘ เดือน ด้วยทรัพย์ส่วนพระองค์ คัดเลือกพยาบาลจากโรงเรียนพยาบาลทั้งของคณะแพทยศาสตร์ และสภากาชาดสยาม ศึกษาเพิ่มเติมความรู้การพยาบาล การผดุงครรภ์ การป้องกันโรค และโภชนาการ แล้วไปปฏิบัติงานเป็นนางอนามัย ในพื้นที่ขาดแคลนแพทย์ เช่น จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมากรมสาธารณสุขให้ทุนส่งพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ เข้าศึกษาด้วย เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ โครงการอบรมนางอนามัยสิ้นสุดลง[4]

โรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยาม

พ.ศ. ๒๔๗๐ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ ทรงเป็นหัวหน้าพยาบาลรับผิดชอบทั้งงานบริการพยาบาล และโรงเรียนนางพยาบาล สภากาชาดสยามจัดส่งพยาบาลไปศึกษาดูงานต่างประเทศ เป็นการเพิ่มพูนครูพยาบาลและพยาบาลปฏิบัติการที่มีความรู้ประสบการณ์

โรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่

จัดหลักสูตรการพยาบาลตามหลักสูตรโรงเรียนการพยาบาล สภากาชาดสยาม ผู้สำเร็จการศึกษาพยาบาลเรียนต่อการผดุงครรภ์ที่โรงเรียนการพยาบาล สภากาชาด เป็นเวลา ๖ เดือน ได้รับประกาศนียบัตรผดุงครรภ์

นางสาวศรีวิไล สิงหเนตร ได้รับทุนไปศึกษาวิชาพยาบาลที่ศูนย์การแพทย์ปักกิ่ง (Peking Medical Union Center) แล้วกลับมาทำหน้าที่ครูพยาบาลที่โรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ต่อเนื่องจนตั้งขึ้นเป็น คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ

สมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม

พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ริเริ่มให้มีการจัดตั้งสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม จดทะเบียนเป็นสมาคมเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ มีหม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ เป็นนายกสมาคม ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา รับเชิญเป็นกรรมการสมาคม (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนผดุงครรภ์และพยาบาล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙)

พ.ศ. ๒๔๗๖ สภาการพยาบาลระหว่างประเทศ เชิญสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยามเป็นสมาชิกสมทบ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนประเทศสยามประเภทสมาชิกสมทบโดยตำแหน่ง

พระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๗๒ กำหนดว่า... การผดุงครรภ์ ...และการพยาบาลนั้น ห้ามมิให้ขึ้นทะเบียนในประเภทแผนโบราณ [5]

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การพยาบาลไทยก้าวหน้าตามลำดับ ทั้งด้านการศึกษาและวิชาชีพ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย งานพยาบาล จึงเข้มงวดด้วยระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อรองรับการช่วยเหลือดูแลบรรเทาโรค การใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อทั้งในห้องผ่าตัด และการทำหัตถการ พยาบาลวิชาชีพทำหน้าที่ในโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค พยาบาลผดุงครรภ์ทำคลอด ดูแลมารดา และทารก นางอนามัยทำหน้าที่ป้องกันโรค และสามารถทำหัตถการทดแทนแพทย์เมื่อจำเป็น

 

บรรณานุกรม

กรมศึกษาธิการ. ๒๔๕๓. ระเบียบการโรงเรียนราชแพทยาลัย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. ๒๕๔๓. นิทานโบราณคดี. พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรณาคาร. ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๔๐. เล่ม ๑๓. ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖. สภากาชาดไทย. ๒๕๓๖. ๑๐๐ ปี สภากาชาดไทย ๒๔๓๖-๒๕๓๖. กรุงเทพฯ: จิรเมธาโฆษณาและการพิมพ์. สรรใจ แสงวิเชียร. ๒๕๒๒. นางอนามัยและพยาบาลเวชปฏิบัติ. สารศิริราช ๓๑(๘): ๑๖๗๒-๗. อนุสรณ์ ๖๐ ปี โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย. ๒๕๐๐. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยเขษม. www.thainurse.org accessed ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ www.payap.ac.th accessed ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘

 

อ้างอิง

  1. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. ๒๕๔๓. นิทานโบราณคดี. พิมพ์ครั้งที่ ๑๕. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บรรณาคาร, หน้า ๑๘๐.
  2. ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๔๐. เล่ม ๑๓ ,หน้า ๕๒๓-๕๒๔.
  3. อนุสรณ์ ๖๐ ปี โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย. ๒๕๐๐. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยเขษม.
  4. สรรใจ แสงวิเชียร. ๒๕๒๒. นางอนามัยและพยาบาลเวชปฏิบัติ. สารศิริราช ๓๑(๘), หน้า ๑๖๗๓-๑๖๗๔.
  5. ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖, หน้า ๕๘.