ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เสด็จฯ สู่เมืองนครเชียงใหม่"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
ภายหลัง[[การปฏิรูปการปกครอง]]ในสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] อาณาจักรล้านนา ได้เข้ามาเป็นแผ่นดินเดียวกันกับสยามเรียกว่า[[มณฑลพายัพ]] โดยมีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่นครเชียงใหม่ [[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]และ[[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี]]เสด็จพระราชดำเนินเยือนนครเชียงใหม่เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๖๙ ทั้งสองพระองค์ประทับช้างพระที่นั่งแห่เข้าเมือง โดยมีเจ้านายฝ่ายเหนือนั่งช้างนำขบวน เสด็จเข้าสู่เมืองเชียงใหม่อย่างยิ่งใหญ่ | |||
วันรุ่งขึ้น | วันรุ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับพลับพลาทองหน้าศาลา[[รัฐบาล]] ทอดพระเนตรกระบวนแห่พิธีทูลพระขวัญ ซึ่งประกอบไปด้วย ประชาชนทุกหมู่เหล่าและกลุ่มชาติพันธุ์อันหลากหลายที่อาศัยอยู่ในมณฑลพายัพ เช่น ชาวลั๊วะ ซึ่งได้นำดอกเอื้องแซะที่หายากมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย กระบวนเครื่องทูลพระขวัญของทั้งสองพระองค์ มีเจ้านายฝ่ายเหนือทั้งหญิงและชายฟ้อนนำขบวน ในการนี้ได้พระราชทานพระแสงราชศัสตราไว้ให้ประจำเมืองเชียงใหม่ ขณะนั้นนครเชียงใหม่เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจการค้าของประเทศเป็นอย่างมาก มีบริษัทต่างชาติ ทั้งชาติตะวันตกและจีนได้รับสัมปทานทำป่าไม้หลายแห่ง | ||
โอกาสนี้ มิสเตอร์แมคฟี ผู้จัดการห้างบอร์เนียว บริษัทผู้ได้รับสัมปทานทำป่าไม้ในเชียงใหม่ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายช้างพลายสำคัญแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังได้จัดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางตามพระราชประเพณีที่พระนคร และพระราชทานนามว่า | โอกาสนี้ มิสเตอร์แมคฟี ผู้จัดการห้างบอร์เนียว บริษัทผู้ได้รับสัมปทานทำป่าไม้ในเชียงใหม่ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายช้างพลายสำคัญแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังได้จัดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางตามพระราชประเพณีที่พระนคร และพระราชทานนามว่า “[[พระเศวตคชเดชน์ดิลก]]” นับเป็นช้างเผือกคู่พระบารมีในรัชกาล | ||
'''ที่มา ''' | '''ที่มา ''' |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:00, 22 มกราคม 2559
ภายหลังการปฏิรูปการปกครองในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาณาจักรล้านนา ได้เข้ามาเป็นแผ่นดินเดียวกันกับสยามเรียกว่ามณฑลพายัพ โดยมีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่นครเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินเยือนนครเชียงใหม่เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๖๙ ทั้งสองพระองค์ประทับช้างพระที่นั่งแห่เข้าเมือง โดยมีเจ้านายฝ่ายเหนือนั่งช้างนำขบวน เสด็จเข้าสู่เมืองเชียงใหม่อย่างยิ่งใหญ่
วันรุ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับพลับพลาทองหน้าศาลารัฐบาล ทอดพระเนตรกระบวนแห่พิธีทูลพระขวัญ ซึ่งประกอบไปด้วย ประชาชนทุกหมู่เหล่าและกลุ่มชาติพันธุ์อันหลากหลายที่อาศัยอยู่ในมณฑลพายัพ เช่น ชาวลั๊วะ ซึ่งได้นำดอกเอื้องแซะที่หายากมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย กระบวนเครื่องทูลพระขวัญของทั้งสองพระองค์ มีเจ้านายฝ่ายเหนือทั้งหญิงและชายฟ้อนนำขบวน ในการนี้ได้พระราชทานพระแสงราชศัสตราไว้ให้ประจำเมืองเชียงใหม่ ขณะนั้นนครเชียงใหม่เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจการค้าของประเทศเป็นอย่างมาก มีบริษัทต่างชาติ ทั้งชาติตะวันตกและจีนได้รับสัมปทานทำป่าไม้หลายแห่ง
โอกาสนี้ มิสเตอร์แมคฟี ผู้จัดการห้างบอร์เนียว บริษัทผู้ได้รับสัมปทานทำป่าไม้ในเชียงใหม่ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายช้างพลายสำคัญแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังได้จัดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางตามพระราชประเพณีที่พระนคร และพระราชทานนามว่า “พระเศวตคชเดชน์ดิลก” นับเป็นช้างเผือกคู่พระบารมีในรัชกาล
ที่มา
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖