ผลต่างระหว่างรุ่นของ "11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:


----
----
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 พลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของประเทศ ที่มาของการได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นั้นต้องย้อนไปถึงการยึดอำนาจล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากรัฐสภาของคณะปฏิรูปการปกครอง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 คณะปฏิรูปนั้นมีพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะ และมีพลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ เป็นเลขาธิการคณะยึดอำนาจ พ.ศ. 2519 และไปขอนายธานินทร์ กรัยวิเชียร มาเป็นนายกรัฐมนตรี จนมีความขัดแย้งกันเองของรัฐบาลกับคณะทหารที่เป็นผู้อุปถัมภ์ คณะทหารก็ได้ยึดอำนาจอีกครั้ง ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 ล้มทั้งรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ธานินทร์  กรัยวิเชียร และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 [[พลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์]] ได้รับแต่งตั้งเป็น[[นายกรัฐมนตรี]]คนที่ 15 ของประเทศ ที่มาของการได้เป็น[[หัวหน้ารัฐบาล]]ของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นั้นต้องย้อนไปถึงการยึดอำนาจล้ม[[รัฐบาล]]พลเรือนที่มาจาก[[รัฐสภา]]ของ[[คณะปฏิรูปการปกครอง]] เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 คณะปฏิรูปนั้นมี[[พลเรือเอกสงัด ชลออยู่]] เป็นหัวหน้าคณะ และมีพลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ เป็นเลขาธิการคณะยึดอำนาจ พ.ศ. 2519 และไปขอ[[นายธานินทร์ กรัยวิเชียร]] มาเป็นนายกรัฐมนตรี จนมี[[ความขัดแย้ง]]กันเองของรัฐบาลกับคณะทหารที่เป็นผู้อุปถัมภ์ คณะทหารก็ได้ยึดอำนาจอีกครั้ง ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 ล้มทั้งรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ธานินทร์  กรัยวิเชียร และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519
ยึดอำนาจครั้งที่ 2 นี้คณะทหารที่ยึดอำนาจเห็นว่าน่าจะถึงเวลาที่นายทหารที่เป็นผู้นำในการปฏิวัติรัฐประหารที่เสี่ยงตายทำงานต้องเป็นกันเสียเองบ้างแล้ว ตอนแรกก็มีข่าวว่าหัวหน้าคณะทหารคือ พลเรือเอกสงัด  ชะลออยู่ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง แต่เสียงสนับสนุนในคณะทหารได้ไปที่ พลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะ ที่เป็นทหารบก และกล่าวกันว่ากลุ่มทหารที่มีบทบาทสำคัญคือ “กลุ่มยังเติร์ก” ของทหารไทยที่เป็นทหารบก และตัวพลเอก เกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ เองก็เป็นมือประสาน ที่เหมาะในการจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นด้วย
ยึดอำนาจครั้งที่ 2 นี้คณะทหารที่ยึดอำนาจเห็นว่าน่าจะถึงเวลาที่นายทหารที่เป็นผู้นำในการปฏิวัติ[[รัฐประหาร]]ที่เสี่ยงตายทำงานต้องเป็นกันเสียเองบ้างแล้ว ตอนแรกก็มีข่าวว่าหัวหน้าคณะทหารคือ พลเรือเอกสงัด  ชะลออยู่ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง แต่เสียงสนับสนุนในคณะทหารได้ไปที่ พลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะ ที่เป็นทหารบก และกล่าวกันว่ากลุ่มทหารที่มีบทบาทสำคัญคือ “[[กลุ่มยังเติร์ก]]” ของทหารไทยที่เป็นทหารบก และตัวพลเอก เกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ เองก็เป็นมือประสาน ที่เหมาะในการจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นด้วย
งานสำคัญของนายกรัฐมนตรีพลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ คือการเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่ผ่านเป็นกฎหมายได้ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2521 การที่นายกรัฐมนตรีผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกมา ก็มีทั้งเสียงด่าและเสียงชม แต่คนจำนวนมากก็เห็นว่าท่านได้ชื่อเสียงในการเป็นผู้ที่พยายามแก้ไขความขัดแย้งในสังคม
งานสำคัญของนายกรัฐมนตรีพลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ คือการเสนอให้ออก[[กฎหมายนิรโทษกรรม]]แก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่ผ่านเป็นกฎหมายได้ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2521 การที่นายกรัฐมนตรีผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกมา ก็มีทั้งเสียงด่าและเสียงชม แต่คนจำนวนมากก็เห็นว่าท่านได้ชื่อเสียงในการเป็นผู้ที่พยายามแก้ไขความขัดแย้งในสังคม
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521 และนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีขึ้นในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522โดยที่พลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521 และนำไปสู่[[การเลือกตั้งทั่วไป]]ครั้งใหม่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีขึ้นในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522โดยที่พลเอกเกรียงศักดิ์  ชมะนันทน์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง


[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:29, 17 กันยายน 2556

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของประเทศ ที่มาของการได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นั้นต้องย้อนไปถึงการยึดอำนาจล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากรัฐสภาของคณะปฏิรูปการปกครอง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 คณะปฏิรูปนั้นมีพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะ และมีพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นเลขาธิการคณะยึดอำนาจ พ.ศ. 2519 และไปขอนายธานินทร์ กรัยวิเชียร มาเป็นนายกรัฐมนตรี จนมีความขัดแย้งกันเองของรัฐบาลกับคณะทหารที่เป็นผู้อุปถัมภ์ คณะทหารก็ได้ยึดอำนาจอีกครั้ง ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 ล้มทั้งรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ธานินทร์ กรัยวิเชียร และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519

ยึดอำนาจครั้งที่ 2 นี้คณะทหารที่ยึดอำนาจเห็นว่าน่าจะถึงเวลาที่นายทหารที่เป็นผู้นำในการปฏิวัติรัฐประหารที่เสี่ยงตายทำงานต้องเป็นกันเสียเองบ้างแล้ว ตอนแรกก็มีข่าวว่าหัวหน้าคณะทหารคือ พลเรือเอกสงัด ชะลออยู่ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง แต่เสียงสนับสนุนในคณะทหารได้ไปที่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะ ที่เป็นทหารบก และกล่าวกันว่ากลุ่มทหารที่มีบทบาทสำคัญคือ “กลุ่มยังเติร์ก” ของทหารไทยที่เป็นทหารบก และตัวพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เองก็เป็นมือประสาน ที่เหมาะในการจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นด้วย

งานสำคัญของนายกรัฐมนตรีพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ คือการเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ที่ผ่านเป็นกฎหมายได้ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2521 การที่นายกรัฐมนตรีผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกมา ก็มีทั้งเสียงด่าและเสียงชม แต่คนจำนวนมากก็เห็นว่าท่านได้ชื่อเสียงในการเป็นผู้ที่พยายามแก้ไขความขัดแย้งในสังคม

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประกาศใช้ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521 และนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีขึ้นในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522โดยที่พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง