ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พลังแผ่นดิน (พ.ศ. 2549)"
สร้างหน้าใหม่: '''พรรคพลังแผ่นดิน''' พรรคพลังแผ่นดินจดทะเบียนจัดตั้งพรร... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''พรรคพลังแผ่นดิน''' | '''พรรคพลังแผ่นดิน''' | ||
พรรคพลังแผ่นดินจดทะเบียนจัดตั้ง[[พรรคการเมือง]]ขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2549 <ref> ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 70ง หน้า 70</ref> โดยมีนายสมใจ คงแจ่ม ดำรงตำแหน่งเป็น[[หัวหน้าพรรค]]และนายอำพล พนังแก้ว ดำรงตำแหน่งเป็น[[เลขาธิการพรรค]] ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550 <ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอน 3ง หน้า 19</ref> นายอำพล พนังแก้ว ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเลขาธิการพรรค สุดท้ายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2551<ref>ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอน 101ง หน้า 85</ref> นายสมใจ คงแจ่ม ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคพลังแผ่นดินทำให้กรรมการบริหารพรรคพลังแผ่นดินที่เหลืออยู่ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะตามข้อบังคับของพรรคแต่อย่างไรก็ตามจากข้อบังคับของพรรคที่กำหนดไว้ว่าถ้าเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นให้กรรมการบริหารพรรคที่ต้องพ้นจากตำแหน่งได้บริหารพรรคต่อไปจนกว่าที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะตอนรับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ของพรรค | |||
ในการเข้าร่วม[[กิจกรรมทางการเมือง]]อย่างเป็นทางการของพรรคพลังแผ่นดินนั้น การเลือกตั้งในปี 2550 พรรคได้ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้ง[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบสัดส่วนจำนวนทั้งสิ้น 73 คน แบ่งเป็นแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 33 คน และแบบสัดส่วนจำนวน 40 คน ซึ่งทั้งหมดมิได้ถูกรับเลือกเลยแม้แต่ผู้เดียว | |||
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ <ref> สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 70ง หน้า 70-73</ref> | รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ <ref> สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 123 ตอนที่ 70ง หน้า 70-73</ref> | ||
บรรทัดที่ 11: | บรรทัดที่ 11: | ||
1.การปกครองและสังคม | 1.การปกครองและสังคม | ||
2. | 2.กำจัด[[การทุจริตคอรัปชัน]]ในเชิงวิชาการ เชิงนโยบายของภาครัฐ | ||
3.แก้ไขหนี้สินภาคประชาชน ภาครัฐและภาคเอกชน | 3.แก้ไขหนี้สินภาคประชาชน ภาครัฐและภาคเอกชน | ||
4. | 4.ส่งเสริม[[การกระจายอำนาจ]] | ||
5.ปฏิรูประบบราชการ | 5.[[ปฏิรูประบบราชการ]] | ||
6.จัดตั้งกองทุนประกันสังคมทุกหมู่บ้าน | 6.จัดตั้งกองทุนประกันสังคมทุกหมู่บ้าน | ||
บรรทัดที่ 113: | บรรทัดที่ 113: | ||
1.ดำเนินนโยบายทางการทูตที่เป็นอิสระและเป็นมิตรกับทุกประเทศ | 1.ดำเนินนโยบายทางการทูตที่เป็นอิสระและเป็นมิตรกับทุกประเทศ | ||
2. | 2.ร่วมมือกับต่างประเทศตามมติของยูเนสโกแต่ต้องผ่านมติ[[คณะรัฐมนตรี]]ก่อน | ||
3.กระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย | 3.กระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:37, 10 กรกฎาคม 2553
พรรคพลังแผ่นดิน
พรรคพลังแผ่นดินจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2549 [1] โดยมีนายสมใจ คงแจ่ม ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคและนายอำพล พนังแก้ว ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550 [2] นายอำพล พนังแก้ว ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเลขาธิการพรรค สุดท้ายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2551[3] นายสมใจ คงแจ่ม ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคพลังแผ่นดินทำให้กรรมการบริหารพรรคพลังแผ่นดินที่เหลืออยู่ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะตามข้อบังคับของพรรคแต่อย่างไรก็ตามจากข้อบังคับของพรรคที่กำหนดไว้ว่าถ้าเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นให้กรรมการบริหารพรรคที่ต้องพ้นจากตำแหน่งได้บริหารพรรคต่อไปจนกว่าที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะตอนรับการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ของพรรค
ในการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคพลังแผ่นดินนั้น การเลือกตั้งในปี 2550 พรรคได้ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบสัดส่วนจำนวนทั้งสิ้น 73 คน แบ่งเป็นแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 33 คน และแบบสัดส่วนจำนวน 40 คน ซึ่งทั้งหมดมิได้ถูกรับเลือกเลยแม้แต่ผู้เดียว รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [4]
ด้านการเมือง
1.การปกครองและสังคม
2.กำจัดการทุจริตคอรัปชันในเชิงวิชาการ เชิงนโยบายของภาครัฐ
3.แก้ไขหนี้สินภาคประชาชน ภาครัฐและภาคเอกชน
4.ส่งเสริมการกระจายอำนาจ
6.จัดตั้งกองทุนประกันสังคมทุกหมู่บ้าน
7.จัดการเลือกตั้งทุกประเภทผ่านระบบออนไลน์
8.ให้นักบวชทุกศาสนามีสิทธิเลือกตั้งได้
ด้านเกษตร และอุตสาหกรรม
1.ปรับปรุงระบบการชลประทานและระบบส่งน้ำด้วยท่อผสมผสานกับคลองส่งน้ำให้ทั่วถึง
2.ประกันราคาผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมพร้อมทั้งการควบคุมราคาสินค้า
3.จัดตั้งกองทุนพัฒนาเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
4.จัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกร
5.จัดตั้งสมาพันธ์ปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย
6.จัดตั้งโครงการพัฒนาน้ำมันไบโอดีเซล
7.จัดตั้งสมาพันธ์ยางพาราแห่งประเทศไทย
8.จัดให้มีนิคมอุตสาหกรรมทั่วทุกภูมิภาค
9.วางแผนการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม
ด้านเศรษฐกิจ
1.จัดให้มีอาชีพที่มั่นคงและสร้างงานไว้รองรับผู้จบการศึกษา
2.สนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม
3.สนับสนุนรวมกลุ่มประเทศผู้ผลิตสินค้าการเกษตร
ด้านการศึกษา
1.จัดตั้งโรงเรียนทุกเขตพื้นที่การศึกษา
2.เรียนฟรีจนถึงระดับปริญญาตรี
3.บรรจุหลักการทางศาสนาเข้ามาในหลักสูตรการเรียน
4.ตรวจสอบมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาเอกชนโดยคณะกรรมการการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ
ด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรม
1.เผยแพร่ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมไทยไปทั่วโลก
2.อนุรักษ์ศิลปะการแสดงทุกๆด้านไว้เป็นศิลปะประจำชาติ
3.จัดตั้งกองทุนทำนุบำรุงทุกศาสนา
ด้านการสาธารณสุข
1.จัดให้มีการรักษาพยาบาลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
2.ปรับปรุงการบริการทางด้านสาธารณะสุข
3.ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ
4.ส่งเสริมการออกกำลังกาย
ด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม
1.ตรวจสอบควบคุมแรงงานต่างด้าว
2.ปรับปรุงกฎหมายแรงงาน
3.พัฒนามาตรฐานแรงงาน
4.ผลิตแรงงานในสาขาที่ขาดแคลน
5.ดูแลแรงงานไทยในต่างประเทศ
ด้านการคมนาคม
1.ปรับปรุงเครือข่ายคมนาคมให้มีประสิทธิภาพ
2.เชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้านโดยให้ไทยเป็นศูนย์กลาง
3.ควบคุมการก่อสร้างถนนทั่วประเทศให้ได้มาตรฐาน
ด้านการต่างประเทศ
1.ดำเนินนโยบายทางการทูตที่เป็นอิสระและเป็นมิตรกับทุกประเทศ
2.ร่วมมือกับต่างประเทศตามมติของยูเนสโกแต่ต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรีก่อน
3.กระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย