ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หอพระสมุดสำหรับพระนคร"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริให้รวมหอพุทธสาสนะ สังคหะ หอพระมณเฑียรธรรม และหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นหอสมุดสำหรับบริการประชาชนทั่วไปและพระราชทานนามว่า "หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร" ตั้งอยู่ ณ หอคองคอเดียในพระบรมมหาราชวัง ปัจจุบันคือ ศาลาสหทัยสมาคม  จากนั้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้ย้ายหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครจากที่ตั้งเดิมอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุ ริมถนนหน้าพระธาตุและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช  ๒๔๕๙
ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้มีพระราชดำริให้รวมหอพุทธสาสนะ สังคหะ หอพระมณเฑียรธรรม และหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นหอสมุดสำหรับบริการประชาชนทั่วไปและพระราชทานนามว่า "[[หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร]]" ตั้งอยู่ ณ หอคองคอเดียในพระบรมมหาราชวัง ปัจจุบันคือ ศาลาสหทัยสมาคม  จากนั้นในสมัย[[รัชกาลที่ ]] ได้ย้ายหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครจากที่ตั้งเดิมอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุ ริมถนนหน้าพระธาตุและ[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช  ๒๔๕๙


ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แยกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครออกเป็น  ๒ หอ คือ หอพระสมุดวชิราวุธ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุเช่นเดิมให้เป็นที่เก็บหนังสือฉบับพิมพ์ทั้งหมดและหนังสือส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ส่วนศิลาจารึก คัมภีร์ใบลาน หนังสือสมุดไทย ตู้ลายรดน้ำ ย้ายไปที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมานในนาม “หอพระสมุดวชิรญาณ”เช่นเดิม ทั้งนี้ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอพระสมุดทั้งสอง เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช  ๒๔๖๙ จากนั้นในปี ๒๔๗๖ รัฐบาลจัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นและมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกำหนดให้หอพระสมุดสำหรับพระนครเป็นกองหอสมุด ขึ้นกับกรมศิลปากรและต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ หอสมุดแห่งชาติ” เช่นทุกวันนี้
ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แยกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครออกเป็น  ๒ หอ คือ [[หอพระสมุดวชิราวุธ]] ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุเช่นเดิมให้เป็นที่เก็บหนังสือฉบับพิมพ์ทั้งหมดและหนังสือส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ส่วนศิลาจารึก คัมภีร์ใบลาน หนังสือสมุดไทย ตู้ลายรดน้ำ ย้ายไปที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมานในนาม “[[หอพระสมุดวชิรญาณ]]”เช่นเดิม ทั้งนี้ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอพระสมุดทั้งสอง เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช  ๒๔๖๙ จากนั้นในปี ๒๔๗๖ [[รัฐบาล]]จัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นและมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกำหนดให้หอพระสมุดสำหรับพระนครเป็นกองหอสมุด ขึ้นกับกรมศิลปากรและต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ [[หอสมุดแห่งชาติ]]” เช่นทุกวันนี้


หอสมุดแห่งชาติได้พัฒนาก้าวหน้าและแผ่ขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัดมากแห่ง  ประชาชนคนไทยจึงมีแหล่งข้อมูลความรู้ที่เข้าถึงได้อย่างสะดวกมากขึ้น และได้สืบทอดพระบรมราชปณิธานให้ประชาชนได้ศึกษาหาความรู้ตามความสนใจและอัธยาศัยโดยไม่ต้องพึ่งระบบโรงเรียนแต่เพียงอย่างเดียว
หอสมุดแห่งชาติได้พัฒนาก้าวหน้าและแผ่ขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัดมากแห่ง  ประชาชนคนไทยจึงมีแหล่งข้อมูลความรู้ที่เข้าถึงได้อย่างสะดวกมากขึ้น และได้สืบทอดพระบรมราชปณิธานให้ประชาชนได้ศึกษาหาความรู้ตามความสนใจและอัธยาศัยโดยไม่ต้องพึ่งระบบโรงเรียนแต่เพียงอย่างเดียว

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:59, 22 มกราคม 2559

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริให้รวมหอพุทธสาสนะ สังคหะ หอพระมณเฑียรธรรม และหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นหอสมุดสำหรับบริการประชาชนทั่วไปและพระราชทานนามว่า "หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร" ตั้งอยู่ ณ หอคองคอเดียในพระบรมมหาราชวัง ปัจจุบันคือ ศาลาสหทัยสมาคม จากนั้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้ย้ายหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครจากที่ตั้งเดิมอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุ ริมถนนหน้าพระธาตุและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๕๙

ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แยกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครออกเป็น ๒ หอ คือ หอพระสมุดวชิราวุธ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุเช่นเดิมให้เป็นที่เก็บหนังสือฉบับพิมพ์ทั้งหมดและหนังสือส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนศิลาจารึก คัมภีร์ใบลาน หนังสือสมุดไทย ตู้ลายรดน้ำ ย้ายไปที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมานในนาม “หอพระสมุดวชิรญาณ”เช่นเดิม ทั้งนี้ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอพระสมุดทั้งสอง เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๖๙ จากนั้นในปี ๒๔๗๖ รัฐบาลจัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นและมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกำหนดให้หอพระสมุดสำหรับพระนครเป็นกองหอสมุด ขึ้นกับกรมศิลปากรและต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ หอสมุดแห่งชาติ” เช่นทุกวันนี้

หอสมุดแห่งชาติได้พัฒนาก้าวหน้าและแผ่ขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัดมากแห่ง ประชาชนคนไทยจึงมีแหล่งข้อมูลความรู้ที่เข้าถึงได้อย่างสะดวกมากขึ้น และได้สืบทอดพระบรมราชปณิธานให้ประชาชนได้ศึกษาหาความรู้ตามความสนใจและอัธยาศัยโดยไม่ต้องพึ่งระบบโรงเรียนแต่เพียงอย่างเดียว

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖