ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เขตเลือกตั้ง (จินตนา เอี่ยมคง)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Panu (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
เขตเลือกตั้ง ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เขตเลือกตั้ง (จินตนา เอี่ยมคง): ตั้งหน้าใหม่
 
(ไม่แสดง 15 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 2 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เขียน - จินตนา  เอี่ยมคง'''
'''ผู้เรียบเรียง''' จินตนา  เอี่ยมคง


'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ - รองเลขาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง'''
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง


----
----


[[:category:การเลือกตั้ง|การเลือกตั้ง]]เป็นกระบวนการพื้นฐานที่สำคัญ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นการให้อำนาจแก่ประชาชนโดยอ้อม กล่าวคือไม่สามารถจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศได้โดยตรง แต่การเลือกตั้งนั้นต้องมีประสิทธิภาพพอ และเป็นที่ยอมรับได้ว่าสอดคล้องกับเงื่อนไขของระบอบประชาธิปไตย ในปัจจุบัน ประชาชนสามารถเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เข้าไปเป็น “ผู้แทน” ของตน โดยมีกระบวนการเลือกตั้งจากประชาชนให้เข้ามาทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติในรัฐสภา ซึ่งในกระบวนการเลือกตั้งดังกล่าว “เขตเลือกตั้ง” จึงเป็นส่วนสำคัญต่อการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งของประชาชน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
[[การเลือกตั้ง]]เป็นกระบวนการพื้นฐานที่สำคัญ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นการให้อำนาจแก่ประชาชนโดยอ้อม กล่าวคือไม่สามารถจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศได้โดยตรง แต่การเลือกตั้งนั้นต้องมีประสิทธิภาพพอ และเป็นที่ยอมรับได้ว่าสอดคล้องกับเงื่อนไขของระบอบประชาธิปไตย ในปัจจุบัน ประชาชนสามารถเลือกสมาชิก[[สภาผู้แทนราษฎร]]และสมาชิกวุฒิสภา เข้าไปเป็น “[[ผู้แทน]]” ของตน โดยมีกระบวนการเลือกตั้งจากประชาชนให้เข้ามาทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติในรัฐสภา ซึ่งในกระบวนการเลือกตั้งดังกล่าว “เขตเลือกตั้ง” จึงเป็นส่วนสำคัญต่อการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งของประชาชน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึง[[อำนาจอธิปไตย]]เป็นของปวงชน




==ความหมาย==
==ความหมาย==
'''เขตเลือกตั้ง'''<ref>เขตเลือกตั้งเป็นอย่างไร.   [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://academic.obec.go.th/new2550/th/democracy/page9.doc เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒.</ref> หมายถึง พื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งหรือแบบสัดส่วน หรือเขตเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี โดย[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]]เป็นผู้กำหนดการแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อให้นำคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่นั้นมารวมกันเพื่อตัดสินผลการเลือกตั้ง
'''เขตเลือกตั้ง'''<ref>'''เขตเลือกตั้งเป็นอย่างไร.''' [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://academic.obec.go.th/new2550/th/democracy/page9.doc เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552.</ref> หมายถึง พื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตเลือกตั้งสมาชิก[[สภาผู้แทนราษฎร]]แบบแบ่งเขตเลือกตั้งหรือแบบสัดส่วน หรือเขตเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี โดย[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]]เป็นผู้กำหนดการแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อให้นำคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่นั้นมารวมกันเพื่อตัดสินผลการเลือกตั้ง




==การแบ่งเขตเลือกตั้งในอดีต==
==การแบ่งเขตเลือกตั้งในอดีต==
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแต่ละครั้ง รูปแบบและวิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งจะถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ในอดีตที่ผ่านมาแบ่งออกเป็น<ref>สุเทพ  เอี่ยมคง.   สภาผู้แทนราษฎร. [ออนไลน์] สืบค้นจาก  http://www.librarianmagazine.com เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒. </ref>
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแต่ละครั้ง รูปแบบและวิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งจะถูกกำหนดโดย[[รัฐธรรมนูญ]]และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ในอดีตที่ผ่านมาแบ่งออกเป็น<ref>สุเทพ  เอี่ยมคง. '''สภาผู้แทนราษฎร.''' [ออนไลน์] สืบค้นจาก  http://www.librarianmagazine.com เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2552. </ref>


'''. แบบแบ่งเขต''' เป็นการกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิได้'''เขตละหนึ่งคน'''  โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินกว่าหนึ่งคน  ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งตามจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีในจังหวัดนั้น  การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้ใช้ในคราว[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2476|การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกที่มีขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๗๖]] การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ พฤศจิกายน ๒๔๘๐ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน  ๒๔๘๑ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่  มกราคม  ๒๔๘๙ ทั้งหมดนี้เป็น[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 และ สมาชิกประเภทที่ 2|การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕]] เป็นต้น
'''1. แบบแบ่งเขต''' เป็นการกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง[[ออกเสียงลงคะแนน]]เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิได้'''เขตละหนึ่งคน'''  โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินกว่าหนึ่งคน  ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งตามจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีในจังหวัดนั้น  การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้ใช้ในคราว[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2476|การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกที่มีขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476]] การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน  2481 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่  6 มกราคม  2489 ทั้งหมดนี้เป็น[[การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ 1 และ สมาชิกประเภทที่ 2|การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475]] เป็นต้น


'''. แบบรวมเขต''' เป็นการกำหนดให้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนเท่าใด ให้ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินจำนวนที่พึงมี การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้ใช้ในคราวการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม  ๒๔๙๑ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๔๙๐ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๕ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์  ๒๕๐๐ ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์  ๒๕๑๒ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๑ เป็นต้น   
'''2. แบบรวมเขต''' เป็นการกำหนดให้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนเท่าใด ให้ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินจำนวนที่พึงมี การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้ใช้ในคราวการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 29 มกราคม  2491 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์  2500 ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์  2512 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 เป็นต้น   


นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ เมื่อวันที่ มีนาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๙ เป็นการจัดการเลือกตั้งแบบรวมเขต ด้วยเช่นกัน โดยเป็นการถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาได้เพียงจังหวัดละหนึ่งคน
นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งสมาชิก[[วุฒิสภา]]ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2543 และวันที่ 19 เมษายน 2549 เป็นการจัดการเลือกตั้งแบบรวมเขต ด้วยเช่นกัน โดยเป็นการถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาได้เพียงจังหวัดละหนึ่งคน


อนึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๒๑ ได้กำหนดเรื่องเขตเลือกตั้งไว้อย่างน่าสนใจว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ถือเขตจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง เว้นแต่กรุงเทพมหานครให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นสามเขตและจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละเท่า ๆ กัน หรือใกล้เคียงกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยต้องแบ่งพื้นที่เขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งเป็นคณะตามบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น ๆ  แต่วิธีการดังกล่าวนี้ยังไม่ได้นำมาใช้ในการเลือกตั้ง เพราะมีความเห็นที่แตกต่างกันจนเป็นปัญหาทางการเมือง ในที่สุดรัฐสภาได้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในปี ๒๕๒๘ โดยยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าว
อนึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ได้กำหนดเรื่องเขตเลือกตั้งไว้อย่างน่าสนใจว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ถือเขตจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง เว้นแต่กรุงเทพมหานครให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นสามเขตและจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละเท่า ๆ กัน หรือใกล้เคียงกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยต้องแบ่งพื้นที่เขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งเป็นคณะตามบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น ๆ  แต่วิธีการดังกล่าวนี้ยังไม่ได้นำมาใช้ในการเลือกตั้ง เพราะมีความเห็นที่แตกต่างกันจนเป็นปัญหาทางการเมือง ในที่สุดรัฐสภาได้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในปี 2528 โดยยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าว


'''. การเลือกตั้งแบบผสม''' เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งที่รวมวิธีการหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน ดังนี้
'''3. [[การเลือกตั้งแบบผสม]]''' เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งที่รวมวิธีการหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน ดังนี้


'''.แบบรวมเขตและแบ่งเขต''' เป็นการกำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนตามหรือใกล้เคียงกัน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคนให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ แต่ละเขตเลือกตั้งจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองคนและไม่เกินสามคน ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้จำนวนไม่เกินที่เขตเลือกตั้งนั้นจะพึงมี เช่น  การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม   ๒๕๑๘    และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ เมษายน   ๒๕๑๙  ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗ หรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๒๒  และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๖ ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๒๑ (ภายใต้บทเฉพาะกาล) เป็นต้น
'''3.1 แบบรวมเขตและแบ่งเขต''' เป็นการกำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนตามหรือใกล้เคียงกัน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคนให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ แต่ละเขตเลือกตั้งจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองคนและไม่เกินสามคน ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้จำนวนไม่เกินที่เขตเลือกตั้งนั้นจะพึงมี เช่น  การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 มกราคม  2518 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519  ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 หรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (ภายใต้บทเฉพาะกาล) เป็นต้น


'''.๒ การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ''' เป็นการกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เขตละหนึ่งคน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเกินกว่าหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งตามจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีในจังหวัดนั้น และกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อใดบัญชีรายชื่อหนึ่งที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นส่งสมัครรับเลือกตั้งเพียงบัญชีเดียว  โดยให้ถือเขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง เช่น  การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ ๖  มกราคม  ๒๕๔๔  และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่  ๖  กุมภาพันธ์  ๒๕๔๘ ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็นต้น
'''3.2 [[การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต]]และ[[การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ|แบบบัญชีรายชื่อ]]''' เป็นการกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เขตละหนึ่งคน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเกินกว่าหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งตามจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีในจังหวัดนั้น และกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อใดบัญชีรายชื่อหนึ่งที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นส่งสมัครรับเลือกตั้งเพียงบัญชีเดียว  โดยให้ถือเขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง เช่น  การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 มกราคม  2544 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่  6 กุมภาพันธ์  2548 ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นต้น




==การคำนวณจำนวนราษฎรเพื่อแบ่งเขตเลือกตั้ง==
==การคำนวณจำนวนราษฎรเพื่อแบ่งเขตเลือกตั้ง==


รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่ร้อยแปดสิบคน แบ่งออกเป็นมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนสี่ร้อยคน และมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน จำนวนแปดสิบคน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่ร้อยแปดสิบคน แบ่งออกเป็นมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนสี่ร้อยคน และมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน จำนวนแปดสิบคน


การคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีได้ในแต่ละเขตเลือกตั้งและการกำหนดเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการดังต่อไปนี้  
การคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีได้ในแต่ละเขตเลือกตั้งและการกำหนดเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการดังต่อไปนี้  


. ให้คำนวณเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน โดยคำนวณจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสี่ร้อยคน
1. ให้คำนวณเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน โดยคำนวณจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มี[[การเลือกตั้ง]] เฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสี่ร้อยคน


. จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้หนึ่งคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินเกณฑ์ จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ทุกจำนวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์การคำนวณ
2. จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้หนึ่งคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินเกณฑ์ จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ทุกจำนวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์การคำนวณ


. เมื่อได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละจังหวัดแล้ว ถ้าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่คำนวณได้ ยังไม่ครบสี่ร้อยคนให้จังหวัดที่มีเศษเหลือจากการคำนวณมากที่สุดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน และให้เพิ่มจำนวนในจังหวัดลำดับรองลงมาตามลำดับจนครบสี่ร้อยคน
3. เมื่อได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละจังหวัดแล้ว ถ้าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่คำนวณได้ ยังไม่ครบสี่ร้อยคนให้จังหวัดที่มีเศษเหลือจากการคำนวณมากที่สุดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน และให้เพิ่มจำนวนในจังหวัดลำดับรองลงมาตามลำดับจนครบสี่ร้อยคน


. การแบ่งเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการโดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ถ้าจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามคน ในกรณีที่ไม่อาจแบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามคนครบทุกเขตไม่ได้ ให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นเขตละสามคนเสียก่อนแต่เขตที่เหลือต้องมีไม่น้อยกว่าเขตละสองคน ถ้าจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สี่คนให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นสองเขตเขตละสองคน
4. การแบ่งเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการโดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ถ้าจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามคน ในกรณีที่ไม่อาจแบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามคนครบทุกเขตไม่ได้ ให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นเขตละสามคนเสียก่อนแต่เขตที่เหลือต้องมีไม่น้อยกว่าเขตละสองคน ถ้าจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สี่คนให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นสองเขตเขตละสองคน


. จังหวัดใดมีการแบ่งเขตเลือกตั้งมากกว่าหนึ่งเขตต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกันและต้องมีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน
5. จังหวัดใดมีการแบ่งเขตเลือกตั้งมากกว่าหนึ่งเขตต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกันและต้องมีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน


ส่วนการกำหนดเขตเลือกตั้งสำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนมีวิธีการดำเนินการโดยให้จัดแบ่งพื้นที่ประเทศไทยออกเป็นแปดกลุ่มจังหวัด และให้แต่ละกลุ่มจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สิบคน ในการจัดกลุ่มจังหวัดให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกันอยู่ในกลุ่มจังหวัดเดียวกัน และในกลุ่มจังหวัดทั้งแปดกลุ่มต้องมีจำนวนราษฎรรวมกันแล้วใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ จะแบ่งพื้นที่ของจังหวัดแยกออกไปรวมกับเขตเลือกตั้งอื่นอีกไม่ได้
ส่วนการกำหนดเขตเลือกตั้งสำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนมีวิธีการดำเนินการโดยให้จัดแบ่งพื้นที่ประเทศไทยออกเป็นแปดกลุ่มจังหวัด และให้แต่ละกลุ่มจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สิบคน ในการจัดกลุ่มจังหวัดให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกันอยู่ในกลุ่มจังหวัดเดียวกัน และในกลุ่มจังหวัดทั้งแปดกลุ่มต้องมีจำนวนราษฎรรวมกันแล้วใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ จะแบ่งพื้นที่ของจังหวัดแยกออกไปรวมกับเขตเลือกตั้งอื่นอีกไม่ได้
บรรทัดที่ 50: บรรทัดที่ 50:
==วิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งในปัจจุบัน==
==วิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งในปัจจุบัน==


การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร<ref>สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง.   ข้อมูล สถิติ การสรรหาและการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : สำนักงาน, ๒๕๕๑.</ref> ในปัจจุบันตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ เป็นการผสม'''แบบรวมเขตจังหวัด แบบแบ่งเขตและแบบสัดส่วน''' เป็นการกำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนตามหรือใกล้เคียงกัน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ แต่ละเขตเลือกตั้งจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองคนและไม่เกินสามคน  ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้จำนวนไม่เกินสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เขตเลือกตั้งนั้นจะพึงมี ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองที่จัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งได้หนึ่งเสียง โดยกำหนดให้แบ่งพื้นที่ของประเทศไทยออกเป็นแปดกลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มจังหวัดนี้ต้องมีพื้นที่ติดต่อกัน มีจำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งรวมกันแล้วใกล้เคียงกัน และให้ถือกลุ่มจังหวัดนั้นเป็นเขตเลือกตั้ง วิธีการนี้ใช้ในคราวเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ อันเป็นการเลือกตั้งที่มีขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้แบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  ทั้งสิ้น ๑๕๗ เขตเลือกตั้งและแบบสัดส่วน อีก เขตเลือกตั้ง
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร<ref>สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. '''ข้อมูล สถิติ การสรรหาและการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551.''' กรุงเทพฯ : สำนักงาน, 2551.</ref> ในปัจจุบันตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ เป็นการผสม'''แบบรวมเขตจังหวัด แบบแบ่งเขตและแบบสัดส่วน''' เป็นการกำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนตามหรือใกล้เคียงกัน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ แต่ละเขตเลือกตั้งจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองคนและไม่เกินสามคน  ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง[[ออกเสียงลงคะแนน]]เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้จำนวนไม่เกินสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เขตเลือกตั้งนั้นจะพึงมี ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองที่จัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งได้หนึ่งเสียง โดยกำหนดให้แบ่งพื้นที่ของประเทศไทยออกเป็นแปดกลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มจังหวัดนี้ต้องมีพื้นที่ติดต่อกัน มีจำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งรวมกันแล้วใกล้เคียงกัน และให้ถือกลุ่มจังหวัดนั้นเป็นเขตเลือกตั้ง วิธีการนี้ใช้ในคราวเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 อันเป็นการเลือกตั้งที่มีขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 [[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]] ได้แบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  ทั้งสิ้น 157 เขตเลือกตั้งและแบบสัดส่วน อีก 8 เขตเลือกตั้ง


สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา<ref>______.    ข้อมูล สถิติ และผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๐. กรุงเทพฯ : สำนักงาน,  ๒๕๕๐. </ref> ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้หลายประการ อาทิ เช่น ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามี แบบด้วยกัน คือ มาจากการสรรหา และการเลือกตั้ง
สำหรับ[[การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา]]<ref>______.    '''ข้อมูล สถิติ และผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550.''' กรุงเทพฯ : สำนักงาน,  2550. </ref> ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้หลายประการ อาทิ เช่น ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามี 2 แบบด้วยกัน คือ มาจากการสรรหา และ[[การเลือกตั้ง]]


[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]]ได้ดำเนินการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๑ และเป็นการเลือกตั้งที่ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ละจังหวัดให้มีสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดละหนึ่งคน โดยราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้หนึ่งคน และมีเขตเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งสิ้น ๗๖ เขตเลือกตั้ง
[[คณะกรรมการการเลือกตั้ง]]ได้ดำเนินการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 มี[[การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551|การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา]]เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2551 และเป็นการเลือกตั้งที่ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ละจังหวัดให้มีสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดละหนึ่งคน โดยราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้หนึ่งคน และมีเขตเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งสิ้น 76 เขตเลือกตั้ง


การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นระดับชาติและระดับท้องถิ่นมีปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องคือ ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมือง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้ง และกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือแม้จะมีเขตเลือกตั้ง ที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างดีที่แล้ว หากแต่การเลือกตั้งที่ยังมีการซื้อสิทธิขายเสียง ไม่มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประเทศชาติก็ไม่สามารถที่จะมีประชาธิปไตยที่เบ่งบานได้เลย
การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นระดับชาติและระดับท้องถิ่นมีปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องคือ ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมือง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้ง และกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือแม้จะมีเขตเลือกตั้ง ที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างดีที่แล้ว หากแต่การเลือกตั้งที่ยังมีการซื้อสิทธิขายเสียง ไม่มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประเทศชาติก็ไม่สามารถที่จะมีประชาธิปไตยที่เบ่งบานได้เลย
บรรทัดที่ 61: บรรทัดที่ 61:
<references/>
<references/>


==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ==


==บรรณานุกรม==
ปริญญา  นาคฉัตรีย์. '''การจัดการเลือกตั้ง ส.ส. และส.ว. ปัญหาและแนวทางแก้ไข'''. นนทบุรี : สถาบันพระปกเกล้า, 2547.
'''“เขตเลือกตั้งเป็นอย่างไร”'''.    [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://academic.obec.go.th/new2550/th/democracy/page9.doc เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม    ๒๕๕๒.
 
'''แม่แบบ : การเลือกตั้ง ส.ส. ในไทย'''.   [ออนไลน์] สืบค้นจาก  http://th.wikipedia.org/wiki/. เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒.


วัชราพร  ยอดมิ่ง.   '''ระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐'''.   กรุงเทพฯ  : สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๐.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. '''9 ปี กกต มิติใหม่แห่งการเลือกตั้ง'''. กรุงเทพฯ  : สำนักงาน, 2550.


สมพร  ถาวร.    '''การนำระบบวิธีการเลือกตั้งหนึ่งคนหนึ่งเสียงมาใช้ในกฎหมายเลือกตั้งของไทย'''. กรุงเทพฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย๒๕๓๓.
_______.    10 ปี กกต. '''ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยที่ยั่งยืน'''. กรุงเทพฯ :  สำนักงาน2551.


สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง.    '''ก่อนจะเป็น ส.ว.'''    พิมพ์ครั้งที่ ๓.    กรุงเทพฯ : สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,  ๒๕๔๙.
==บรรณานุกรม==


_______.    '''ข้อมูล สถิติ การสรรหาและการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๑'''.   กรุงเทพฯ  : สำนักงาน,  ๒๕๕๑.
'''“เขตเลือกตั้งเป็นอย่างไร”'''. [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://academic.obec.go.th/new2550/th/democracy/page9.doc เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม  2552.


_______.    '''ข้อมูล สถิติ และผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.. ๒๕๕๐'''.   กรุงเทพฯ  : สำนักงาน,  ๒๕๕๐.
'''แม่แบบ : การเลือกตั้ง ส.. ในไทย'''. [ออนไลน์] สืบค้นจาก  http://th.wikipedia.org/wiki/. เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552.


_______.   '''แผนกลยุทธ์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (พ.ศ.๒๕๔๘-๒๕๕๒)'''.   กรุงเทพฯ  :  ม.ป.ป.
วัชราพร  ยอดมิ่ง. '''ระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550'''. กรุงเทพฯ  :  สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550.


สุเทพ เอี่ยมคง.   '''สภาผู้แทนราษฎร'''.   [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://www.librarianmagazine.com/VOL1NO8/index.html  เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒.
สมพร ถาวร. '''การนำระบบวิธีการเลือกตั้งหนึ่งคนหนึ่งเสียงมาใช้ในกฎหมายเลือกตั้งของไทย'''. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2533.


==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ==
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. '''ก่อนจะเป็น ส.ว.'''   พิมพ์ครั้งที่ 3.    กรุงเทพฯ : สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2549.
ปริญญา นาคฉัตรีย์. '''การจัดการเลือกตั้ง ส.. และส.ว. ปัญหาและแนวทางแก้ไข'''.    นนทบุรี : สถาบันพระปกเกล้า, ๒๕๔๗.


สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. '''๙ ปี กกต มิติใหม่แห่งการเลือกตั้ง'''.   กรุงเทพฯ  : สำนักงาน, ๒๕๕๐.
_______.   '''ข้อมูล สถิติ การสรรหาและการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551'''. กรุงเทพฯ  : สำนักงาน, 2551.


_______.    ๑๐ ปี กกต. '''ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยที่ยั่งยืน'''.     กรุงเทพฯ : สำนักงาน, ๒๕๕๑.
_______.    '''ข้อมูล สถิติ และผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550'''. กรุงเทพฯ : สำนักงาน, 2550.


_______.    '''แผนกลยุทธ์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (พ.ศ.2548-2552)'''. กรุงเทพฯ  : ม.ป.ป.


สุเทพ  เอี่ยมคง.    '''สภาผู้แทนราษฎร'''.  [ออนไลน์] สืบค้นจาก  http://www.librarianmagazine.com/VOL1NO8/index.html  เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552.


==ดูเพิ่มเติม==
==ดูเพิ่มเติม==
*[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475]]
*[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475]]
   
   
บรรทัดที่ 105: บรรทัดที่ 105:
*[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550]]
*[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550]]


 
[[หมวดหมู่:ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง|ขเขตเลือกตั้ง]]
 
[[category:ความรู้เกี่ยวกับรัฐสภาไทย|ขเขตเลือกตั้ง]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:03, 30 พฤษภาคม 2555

ผู้เรียบเรียง จินตนา เอี่ยมคง

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จเร พันธุ์เปรื่อง


การเลือกตั้งเป็นกระบวนการพื้นฐานที่สำคัญ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นการให้อำนาจแก่ประชาชนโดยอ้อม กล่าวคือไม่สามารถจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศได้โดยตรง แต่การเลือกตั้งนั้นต้องมีประสิทธิภาพพอ และเป็นที่ยอมรับได้ว่าสอดคล้องกับเงื่อนไขของระบอบประชาธิปไตย ในปัจจุบัน ประชาชนสามารถเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เข้าไปเป็น “ผู้แทน” ของตน โดยมีกระบวนการเลือกตั้งจากประชาชนให้เข้ามาทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติในรัฐสภา ซึ่งในกระบวนการเลือกตั้งดังกล่าว “เขตเลือกตั้ง” จึงเป็นส่วนสำคัญต่อการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งของประชาชน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน


ความหมาย

เขตเลือกตั้ง[1] หมายถึง พื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งหรือแบบสัดส่วน หรือเขตเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้กำหนดการแบ่งเขตเลือกตั้งเพื่อให้นำคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่นั้นมารวมกันเพื่อตัดสินผลการเลือกตั้ง


การแบ่งเขตเลือกตั้งในอดีต

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแต่ละครั้ง รูปแบบและวิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งจะถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ในอดีตที่ผ่านมาแบ่งออกเป็น[2]

1. แบบแบ่งเขต เป็นการกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิได้เขตละหนึ่งคน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินกว่าหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งตามจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีในจังหวัดนั้น การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้ใช้ในคราวการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกที่มีขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2481 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2489 ทั้งหมดนี้เป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เป็นต้น

2. แบบรวมเขต เป็นการกำหนดให้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนเท่าใด ให้ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินจำนวนที่พึงมี การแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้ใช้ในคราวการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2491 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2495 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2500 ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 เป็นต้น

นอกจากนี้ ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2543 และวันที่ 19 เมษายน 2549 เป็นการจัดการเลือกตั้งแบบรวมเขต ด้วยเช่นกัน โดยเป็นการถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาได้เพียงจังหวัดละหนึ่งคน

อนึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ได้กำหนดเรื่องเขตเลือกตั้งไว้อย่างน่าสนใจว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ถือเขตจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง เว้นแต่กรุงเทพมหานครให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นสามเขตและจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตละเท่า ๆ กัน หรือใกล้เคียงกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยต้องแบ่งพื้นที่เขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกัน ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งเป็นคณะตามบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น ๆ แต่วิธีการดังกล่าวนี้ยังไม่ได้นำมาใช้ในการเลือกตั้ง เพราะมีความเห็นที่แตกต่างกันจนเป็นปัญหาทางการเมือง ในที่สุดรัฐสภาได้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในปี 2528 โดยยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าว

3. การเลือกตั้งแบบผสม เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งที่รวมวิธีการหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน ดังนี้

3.1 แบบรวมเขตและแบ่งเขต เป็นการกำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนตามหรือใกล้เคียงกัน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคนให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ แต่ละเขตเลือกตั้งจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองคนและไม่เกินสามคน ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้จำนวนไม่เกินที่เขตเลือกตั้งนั้นจะพึงมี เช่น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2518 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519 ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 หรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (ภายใต้บทเฉพาะกาล) เป็นต้น

3.2 การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ เป็นการกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เขตละหนึ่งคน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเกินกว่าหนึ่งคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งตามจำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีในจังหวัดนั้น และกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อใดบัญชีรายชื่อหนึ่งที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นส่งสมัครรับเลือกตั้งเพียงบัญชีเดียว โดยให้ถือเขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง เช่น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ทั้งสองครั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นต้น


การคำนวณจำนวนราษฎรเพื่อแบ่งเขตเลือกตั้ง

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนสี่ร้อยแปดสิบคน แบ่งออกเป็นมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนสี่ร้อยคน และมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน จำนวนแปดสิบคน

การคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมีได้ในแต่ละเขตเลือกตั้งและการกำหนดเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ให้คำนวณเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน โดยคำนวณจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง เฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสี่ร้อยคน

2. จังหวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้หนึ่งคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินเกณฑ์ จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ทุกจำนวนราษฎรที่ถึงเกณฑ์การคำนวณ

3. เมื่อได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละจังหวัดแล้ว ถ้าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่คำนวณได้ ยังไม่ครบสี่ร้อยคนให้จังหวัดที่มีเศษเหลือจากการคำนวณมากที่สุดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน และให้เพิ่มจำนวนในจังหวัดลำดับรองลงมาตามลำดับจนครบสี่ร้อยคน

4. การแบ่งเขตเลือกตั้งให้ดำเนินการโดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ถ้าจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง โดยจัดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามคน ในกรณีที่ไม่อาจแบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามคนครบทุกเขตไม่ได้ ให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นเขตละสามคนเสียก่อนแต่เขตที่เหลือต้องมีไม่น้อยกว่าเขตละสองคน ถ้าจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สี่คนให้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็นสองเขตเขตละสองคน

5. จังหวัดใดมีการแบ่งเขตเลือกตั้งมากกว่าหนึ่งเขตต้องแบ่งพื้นที่ของเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้ติดต่อกันและต้องมีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน

ส่วนการกำหนดเขตเลือกตั้งสำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนมีวิธีการดำเนินการโดยให้จัดแบ่งพื้นที่ประเทศไทยออกเป็นแปดกลุ่มจังหวัด และให้แต่ละกลุ่มจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สิบคน ในการจัดกลุ่มจังหวัดให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกันอยู่ในกลุ่มจังหวัดเดียวกัน และในกลุ่มจังหวัดทั้งแปดกลุ่มต้องมีจำนวนราษฎรรวมกันแล้วใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ จะแบ่งพื้นที่ของจังหวัดแยกออกไปรวมกับเขตเลือกตั้งอื่นอีกไม่ได้

วิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งในปัจจุบัน

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร[3] ในปัจจุบันตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบผสม กล่าวคือ เป็นการผสมแบบรวมเขตจังหวัด แบบแบ่งเขตและแบบสัดส่วน เป็นการกำหนดให้แต่ละเขตเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนตามหรือใกล้เคียงกัน โดยจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่เกินสามคนให้ถือเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และจังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่าสามคน ให้แบ่งเขตจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ แต่ละเขตเลือกตั้งจะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองคนและไม่เกินสามคน ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้จำนวนไม่เกินสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เขตเลือกตั้งนั้นจะพึงมี ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองที่จัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งได้หนึ่งเสียง โดยกำหนดให้แบ่งพื้นที่ของประเทศไทยออกเป็นแปดกลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มจังหวัดนี้ต้องมีพื้นที่ติดต่อกัน มีจำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งรวมกันแล้วใกล้เคียงกัน และให้ถือกลุ่มจังหวัดนั้นเป็นเขตเลือกตั้ง วิธีการนี้ใช้ในคราวเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 อันเป็นการเลือกตั้งที่มีขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้แบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสิ้น 157 เขตเลือกตั้งและแบบสัดส่วน อีก 8 เขตเลือกตั้ง

สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา[4] ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้หลายประการ อาทิ เช่น ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามี 2 แบบด้วยกัน คือ มาจากการสรรหา และการเลือกตั้ง

คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2551 และเป็นการเลือกตั้งที่ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แต่ละจังหวัดให้มีสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดละหนึ่งคน โดยราษฎรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้หนึ่งคน และมีเขตเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งสิ้น 76 เขตเลือกตั้ง

การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นระดับชาติและระดับท้องถิ่นมีปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องคือ ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมือง เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้ง และกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือแม้จะมีเขตเลือกตั้ง ที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างดีที่แล้ว หากแต่การเลือกตั้งที่ยังมีการซื้อสิทธิขายเสียง ไม่มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประเทศชาติก็ไม่สามารถที่จะมีประชาธิปไตยที่เบ่งบานได้เลย

อ้างอิง

  1. เขตเลือกตั้งเป็นอย่างไร. [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://academic.obec.go.th/new2550/th/democracy/page9.doc เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552.
  2. สุเทพ เอี่ยมคง. สภาผู้แทนราษฎร. [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://www.librarianmagazine.com เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2552.
  3. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ข้อมูล สถิติ การสรรหาและการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ : สำนักงาน, 2551.
  4. ______. ข้อมูล สถิติ และผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ : สำนักงาน, 2550.

หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ

ปริญญา นาคฉัตรีย์. การจัดการเลือกตั้ง ส.ส. และส.ว. ปัญหาและแนวทางแก้ไข. นนทบุรี : สถาบันพระปกเกล้า, 2547.

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. 9 ปี กกต มิติใหม่แห่งการเลือกตั้ง. กรุงเทพฯ  : สำนักงาน, 2550.

_______. 10 ปี กกต. ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตยที่ยั่งยืน. กรุงเทพฯ : สำนักงาน, 2551.

บรรณานุกรม

“เขตเลือกตั้งเป็นอย่างไร”. [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://academic.obec.go.th/new2550/th/democracy/page9.doc เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552.

แม่แบบ : การเลือกตั้ง ส.ส. ในไทย. [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://th.wikipedia.org/wiki/. เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552.

วัชราพร ยอดมิ่ง. ระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. กรุงเทพฯ  : สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2550.

สมพร ถาวร. การนำระบบวิธีการเลือกตั้งหนึ่งคนหนึ่งเสียงมาใช้ในกฎหมายเลือกตั้งของไทย. กรุงเทพฯ  : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2533.

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ก่อนจะเป็น ส.ว. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2549.

_______. ข้อมูล สถิติ การสรรหาและการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ  : สำนักงาน, 2551.

_______. ข้อมูล สถิติ และผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ  : สำนักงาน, 2550.

_______. แผนกลยุทธ์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (พ.ศ.2548-2552). กรุงเทพฯ  : ม.ป.ป.

สุเทพ เอี่ยมคง. สภาผู้แทนราษฎร. [ออนไลน์] สืบค้นจาก http://www.librarianmagazine.com/VOL1NO8/index.html เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552.

ดูเพิ่มเติม