ผลต่างระหว่างรุ่นของ "8 ตุลาคม พ.ศ. 2519"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 7: บรรทัดที่ 7:
----
----


วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ท่ามกลางความสับสนทางการเมือง เพราะเพิ่งจะมีการยึดอำนาจโดยคณะทหารในค่ำวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และก็ไม่ได้มาจากหัวหน้าคณะทหารผู้ยึดอำนาจ หากแต่มาจากผู้พิพากษาจึงนับว่าเป็นนายกรัฐมนตรี “คนกลาง” อีกท่านหนึ่ง
วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ท่ามกลางความสับสนทางการเมือง เพราะเพิ่งจะมี[[การยึดอำนาจ]]โดยคณะทหารในค่ำวันที่ [[6 ตุลาคม พ.ศ. 2519]] ประเทศไทยก็ได้[[นายกรัฐมนตรีคนที่ 14]] ของประเทศ เป็น[[นายกรัฐมนตรี]]ที่ไม่ได้มาจาก[[การเลือกตั้ง]]ของประชาชน และก็ไม่ได้มาจาก[[หัวหน้าคณะทหารผู้ยึดอำนาจ]] หากแต่มาจากผู้พิพากษาจึงนับว่าเป็นนายกรัฐมนตรี “คนกลาง” อีกท่านหนึ่ง
เมื่อมีคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลให้คณะทหารแล้ว คณะทหารที่ออกแรงยึดอำนาจก็ยังไม่วางมือ หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในกระทรวงหลัก เช่น กระทรวงกลาโหม ที่หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองเป็นรัฐมนตรีว่าการ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ธานินทร์  กรัยวิเชียร ที่มาจากคณะผู้ยึดอำนาจได้เปรียบเทียบตัวเองว่าเป็นรัฐบาล “เนื้อหอย” ที่มีสภาที่ปรึกษา ซึ่งคือคณะทหารชั้นผู้ใหญ่เป็น “เปลือกหอย” คุ้มกันได้บริหารประเทศโดยมีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างแข็งขันเป็นนโยบายนำ
เมื่อมีคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็น[[หัวหน้ารัฐบาล]]ให้คณะทหารแล้ว คณะทหารที่ออกแรงยึดอำนาจก็ยังไม่วางมือ หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในกระทรวงหลัก เช่น [[กระทรวงกลาโหม]] ที่หัวหน้า[[คณะปฏิรูปการปกครองเป็นรัฐมนตรี]]ว่าการ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี [[ธานินทร์  กรัยวิเชียร]] ที่มาจากคณะผู้ยึดอำนาจได้เปรียบเทียบตัวเองว่าเป็นรัฐบาล “เนื้อหอย” ที่มีสภาที่ปรึกษา ซึ่งคือคณะทหารชั้นผู้ใหญ่เป็น “เปลือกหอย” คุ้มกันได้บริหารประเทศโดยมีนโยบายต่อต้าน[[คอมมิวนิสต์]]อย่างแข็งขันเป็นนโยบายนำ


รัฐบาลนี้บริหารประเทศมาได้ประมาณ 6 เดือนก็ถูกท้าทายจากคณะทหารอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย พลเอกฉลาด  หิรัญศิริ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก นำกำลังเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาล แต่กระทำการไม่สำเร็จกลายเป็นกบฏ กระนั้นก็ทำให้รัฐบาลกระทบกระเทือน เพราะการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ประชาชนกลุ่มอื่นที่ไม่พอใจแสดงออกมาแล้วยังมีกลุ่มทหารด้วย
รัฐบาลนี้บริหารประเทศมาได้ประมาณ 6 เดือนก็ถูกท้าทายจากคณะทหารอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย [[พลเอกฉลาด  หิรัญศิริ]] อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก นำกำลังเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาล แต่กระทำการไม่สำเร็จกลายเป็น[[กบฏ]] กระนั้นก็ทำให้รัฐบาลกระทบกระเทือน เพราะการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ประชาชนกลุ่มอื่นที่ไม่พอใจแสดงออกมาแล้วยังมีกลุ่มทหารด้วย
ความขัดแย้งที่สำคัญระหว่างรัฐบาลกับคณะทหารที่สนับสนุนมีมากขึ้นจนเกินจุดที่จะประสานได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2520 หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลมาได้เกินหนึ่งปี เพียงไม่กี่วัน รัฐบาลที่ไม่มีฝ่ายค้านในสภา ก็พบกับฝ่ายค้านที่เปลี่ยนมาจากฝ่ายสนับสนุน คือ สภาที่ปรึกษาที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีปรับปรุงคณะรัฐมนตรีใหม่ ถึง 9 กระทรวง แต่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธ เพราะถือว่าคณะรัฐมนตรีมาด้วยกันทั้งคณะ ถ้าจะปรับบางคนออก ก็น่าจะต้องออกพร้อมกันทั้งคณะ
[[ความขัดแย้ง]]ที่สำคัญระหว่าง[[รัฐบาล]]กับคณะทหารที่สนับสนุนมีมากขึ้นจนเกินจุดที่จะประสานได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2520 หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลมาได้เกินหนึ่งปี เพียงไม่กี่วัน รัฐบาลที่ไม่มี[[ฝ่ายค้าน]]ในสภา ก็พบกับฝ่ายค้านที่เปลี่ยนมาจากฝ่ายสนับสนุน คือ สภาที่ปรึกษาที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีปรับปรุงคณะรัฐมนตรีใหม่ ถึง 9 กระทรวง แต่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธ เพราะถือว่าคณะรัฐมนตรีมาด้วยกันทั้งคณะ ถ้าจะปรับบางคนออก ก็น่าจะต้องออกพร้อมกันทั้งคณะ
ดังนั้น ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 เหตุการณ์ที่คนทั่วไปเริ่มคิดกันว่าคงจะได้เกิดขึ้น ก็คือคณะทหารที่นำนายธานินทร์  กรัยวิเชียร มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้นำกำลังเข้าปฏิบัติการเอานายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งโดยการยึดอำนาจซ้ำอีกครั้ง จึงมีผลให้นายธานินทร์  กรัยวิเชียร พ้นจากตำแหน่งทันทีในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520
ดังนั้น ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 เหตุการณ์ที่คนทั่วไปเริ่มคิดกันว่าคงจะได้เกิดขึ้น ก็คือคณะทหารที่นำนายธานินทร์  กรัยวิเชียร มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้นำกำลังเข้าปฏิบัติการเอานายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งโดยการยึดอำนาจซ้ำอีกครั้ง จึงมีผลให้นายธานินทร์  กรัยวิเชียร พ้นจากตำแหน่งทันทีในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520


[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2501-2519]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:02, 17 กันยายน 2556

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ท่ามกลางความสับสนทางการเมือง เพราะเพิ่งจะมีการยึดอำนาจโดยคณะทหารในค่ำวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 14 ของประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และก็ไม่ได้มาจากหัวหน้าคณะทหารผู้ยึดอำนาจ หากแต่มาจากผู้พิพากษาจึงนับว่าเป็นนายกรัฐมนตรี “คนกลาง” อีกท่านหนึ่ง

เมื่อมีคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลให้คณะทหารแล้ว คณะทหารที่ออกแรงยึดอำนาจก็ยังไม่วางมือ หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในกระทรวงหลัก เช่น กระทรวงกลาโหม ที่หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองเป็นรัฐมนตรีว่าการ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่มาจากคณะผู้ยึดอำนาจได้เปรียบเทียบตัวเองว่าเป็นรัฐบาล “เนื้อหอย” ที่มีสภาที่ปรึกษา ซึ่งคือคณะทหารชั้นผู้ใหญ่เป็น “เปลือกหอย” คุ้มกันได้บริหารประเทศโดยมีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างแข็งขันเป็นนโยบายนำ

รัฐบาลนี้บริหารประเทศมาได้ประมาณ 6 เดือนก็ถูกท้าทายจากคณะทหารอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย พลเอกฉลาด หิรัญศิริ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก นำกำลังเข้ายึดอำนาจล้มรัฐบาล แต่กระทำการไม่สำเร็จกลายเป็นกบฏ กระนั้นก็ทำให้รัฐบาลกระทบกระเทือน เพราะการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ประชาชนกลุ่มอื่นที่ไม่พอใจแสดงออกมาแล้วยังมีกลุ่มทหารด้วย

ความขัดแย้งที่สำคัญระหว่างรัฐบาลกับคณะทหารที่สนับสนุนมีมากขึ้นจนเกินจุดที่จะประสานได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2520 หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลมาได้เกินหนึ่งปี เพียงไม่กี่วัน รัฐบาลที่ไม่มีฝ่ายค้านในสภา ก็พบกับฝ่ายค้านที่เปลี่ยนมาจากฝ่ายสนับสนุน คือ สภาที่ปรึกษาที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีปรับปรุงคณะรัฐมนตรีใหม่ ถึง 9 กระทรวง แต่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธ เพราะถือว่าคณะรัฐมนตรีมาด้วยกันทั้งคณะ ถ้าจะปรับบางคนออก ก็น่าจะต้องออกพร้อมกันทั้งคณะ

ดังนั้น ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 เหตุการณ์ที่คนทั่วไปเริ่มคิดกันว่าคงจะได้เกิดขึ้น ก็คือคณะทหารที่นำนายธานินทร์ กรัยวิเชียร มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้นำกำลังเข้าปฏิบัติการเอานายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งโดยการยึดอำนาจซ้ำอีกครั้ง จึงมีผลให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร พ้นจากตำแหน่งทันทีในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520