ผลต่างระหว่างรุ่นของ "27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศ.นรนิต เศรษฐบุตร ---- '''ผู้ทรงคุณวุ...'
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียง''' ศ.นรนิต เศรษฐบุตร
'''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


----
----
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:


----
----
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 เป็นวันที่นายกรัฐมนตรี พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้นได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนรี ทั้งนี้ท่านให้เหตุผลว่าเพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องเกี่ยวกับการขายที่ดินของพระคลังข้างที่ดังที่มีการอภิปรายในสภาในตอนเช้าของวันดังกล่าวนี้ ได้อย่างโปร่งใส เวลาที่พระยาพหลฯ ลาออกเป็นเวลาค่ำของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 เป็นวันที่[[นายกรัฐมนตรี]] [[พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา]] [[หัวหน้ารัฐบาล]]ในขณะนั้นได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนรี ทั้งนี้ท่านให้เหตุผลว่าเพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องเกี่ยวกับการขายที่ดินของพระคลังข้างที่ดังที่มี[[การอภิปราย]]ในสภาในตอนเช้าของวันดังกล่าวนี้ ได้อย่างโปร่งใส เวลาที่พระยาพหลฯ ลาออกเป็นเวลาค่ำของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480
เรื่องราวเกี่ยวกับการขายที่ดินของพระคลังข้างที่ ดังที่มีการอภิปรายกันในสภานั้นมันเป็นเรื่องใหญ่อย่างไร จึงทำนายกรัฐมนตรีถึงกันต้องลาออกจากตำแหน่ง หากย้อนกลับไปดูก็จะพอได้เรื่อง
เรื่องราวเกี่ยวกับการขายที่ดินของพระคลังข้างที่ ดังที่มีการอภิปรายกันในสภานั้นมันเป็นเรื่องใหญ่อย่างไร จึงทำนายกรัฐมนตรีถึงกันต้องลาออกจากตำแหน่ง หากย้อนกลับไปดูก็จะพอได้เรื่อง
ในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 นี้ มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ ในวันนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งจากจังหวัดอุบลราชธานี ชื่อ นายเลียง ไชยกาล ซึ่งเป็น ส.ส.นักกระทู้ผู้หนึ่งได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีขึ้นในสภาถึงเรื่องการขายที่ดินของพระคลังข้างที่
ในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 นี้ มี[[การประชุมสภาผู้แทนราษฎร]]ตามปกติ ในวันนั้น[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ที่มาจาก[[การเลือกตั้ง]]จากจังหวัดอุบลราชธานี ชื่อ [[นายเลียง ไชยกาล]] ซึ่งเป็น [[ส.ส.]]นักกระทู้ผู้หนึ่งได้[[ตั้งกระทู้]]ถามนายกรัฐมนตรีขึ้นในสภาถึงเรื่องการขายที่ดินของพระคลังข้างที่
นายเลียง ไชยกาล ได้อภิปรายให้รายละเอียดเปิดเผยชื่อผู้ซื้อซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง, เป็นรัฐมนตรีก็มี รวมทั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 2 ที่มาจากการแต่งตั้ง โดยผู้อภิปรายระบุว่าผู้ซื้อได้ซื้อในราคาที่ถูกมาก ทั้งนายเลียง ไชยกาล เห็นว่าน่าจะตั้งกรรมการที่เป็นคนภายนอกเข้าไปตรวจสอบ
นายเลียง ไชยกาล ได้อภิปรายให้รายละเอียดเปิดเผยชื่อผู้ซื้อซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง, เป็นรัฐมนตรีก็มี รวมทั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 2 ที่มาจากการแต่งตั้ง โดยผู้อภิปรายระบุว่าผู้ซื้อได้ซื้อในราคาที่ถูกมาก ทั้งนายเลียง ไชยกาล เห็นว่าน่าจะตั้งกรรมการที่เป็นคนภายนอกเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อนายเลียง  ไชยกาล อภิปรายจบลง นายกรัฐมนตรีก็ตอบรับกลางสภาว่ามีการซื้อขายจริง ทำให้ นายไต๋  ปาณิกบุตร ส.ส.จังหวัดพระนคร ยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปในนโยบายรัฐบาลว่าด้วยการจัดระเบียบพระคลังข้างที่เป็นการด่วน มีการอภิปรายต่อและเลื่อนการประชุมออกไปจนค่ำมืด รัฐบาลถูกเล่นงานพอสมควร และนายกรัฐมนตรีก็ขอลาออกจากตำแหน่งในคืนวันเดียวกันนั้น
เมื่อนายเลียง  ไชยกาล อภิปรายจบลง นายกรัฐมนตรีก็ตอบรับกลางสภาว่ามีการซื้อขายจริง ทำให้[[นายไต๋  ปาณิกบุตร]] ส.ส.จังหวัดพระนคร ยื่นขอ[[เปิดอภิปรายทั่วไป]]ในนโยบายรัฐบาลว่าด้วยการจัดระเบียบพระคลังข้างที่เป็นการด่วน มีการอภิปรายต่อและเลื่อนการประชุมออกไปจนค่ำมืด [[รัฐบาล]]ถูกเล่นงานพอสมควร และนายกรัฐมนตรีก็ขอลาออกจากตำแหน่งในคืนวันเดียวกันนั้น
พอลาออกจากตำแหน่งแล้ว สภาผู้แทนราษฎรเองกลับต้องไปขอร้องให้พระยาพหลฯ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ตอนแรกท่านก็ปฏิเสธ แต่ทางฝ่ายสภาฯ ได้ยืนยันและแจ้งว่าทางสภาฯ มิได้สงสัยในตัวท่านนายกรัฐมนตรี มี ส.ส. จำนวนมากกว่า 80 คนไปขอร้อง พระยาพหลฯ จึงได้ยอมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ก็ได้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ตัวรัฐมนตรีที่มีชื่อซื้อที่ดินอยู่ด้วยก็มิได้กลับมาร่วมรัฐบาลอีก
พอลาออกจากตำแหน่งแล้ว สภาผู้แทนราษฎรเองกลับต้องไปขอร้องให้พระยาพหลฯ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ตอนแรกท่านก็ปฏิเสธ แต่ทางฝ่ายสภาฯ ได้ยืนยันและแจ้งว่าทางสภาฯ มิได้สงสัยในตัวท่านนายกรัฐมนตรี มี ส.ส. จำนวนมากกว่า 80 คนไปขอร้อง พระยาพหลฯ จึงได้ยอมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ก็ได้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ตัว[[รัฐมนตรี]]ที่มีชื่อซื้อที่ดินอยู่ด้วยก็มิได้กลับมาร่วมรัฐบาลอีก


[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]]
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2475-2500]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:13, 16 กันยายน 2556

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 เป็นวันที่นายกรัฐมนตรี พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้นได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนรี ทั้งนี้ท่านให้เหตุผลว่าเพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องเกี่ยวกับการขายที่ดินของพระคลังข้างที่ดังที่มีการอภิปรายในสภาในตอนเช้าของวันดังกล่าวนี้ ได้อย่างโปร่งใส เวลาที่พระยาพหลฯ ลาออกเป็นเวลาค่ำของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480

เรื่องราวเกี่ยวกับการขายที่ดินของพระคลังข้างที่ ดังที่มีการอภิปรายกันในสภานั้นมันเป็นเรื่องใหญ่อย่างไร จึงทำนายกรัฐมนตรีถึงกันต้องลาออกจากตำแหน่ง หากย้อนกลับไปดูก็จะพอได้เรื่อง

ในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 นี้ มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ ในวันนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งจากจังหวัดอุบลราชธานี ชื่อ นายเลียง ไชยกาล ซึ่งเป็น ส.ส.นักกระทู้ผู้หนึ่งได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีขึ้นในสภาถึงเรื่องการขายที่ดินของพระคลังข้างที่

นายเลียง ไชยกาล ได้อภิปรายให้รายละเอียดเปิดเผยชื่อผู้ซื้อซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง, เป็นรัฐมนตรีก็มี รวมทั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 2 ที่มาจากการแต่งตั้ง โดยผู้อภิปรายระบุว่าผู้ซื้อได้ซื้อในราคาที่ถูกมาก ทั้งนายเลียง ไชยกาล เห็นว่าน่าจะตั้งกรรมการที่เป็นคนภายนอกเข้าไปตรวจสอบ

เมื่อนายเลียง ไชยกาล อภิปรายจบลง นายกรัฐมนตรีก็ตอบรับกลางสภาว่ามีการซื้อขายจริง ทำให้นายไต๋ ปาณิกบุตร ส.ส.จังหวัดพระนคร ยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปในนโยบายรัฐบาลว่าด้วยการจัดระเบียบพระคลังข้างที่เป็นการด่วน มีการอภิปรายต่อและเลื่อนการประชุมออกไปจนค่ำมืด รัฐบาลถูกเล่นงานพอสมควร และนายกรัฐมนตรีก็ขอลาออกจากตำแหน่งในคืนวันเดียวกันนั้น

พอลาออกจากตำแหน่งแล้ว สภาผู้แทนราษฎรเองกลับต้องไปขอร้องให้พระยาพหลฯ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ตอนแรกท่านก็ปฏิเสธ แต่ทางฝ่ายสภาฯ ได้ยืนยันและแจ้งว่าทางสภาฯ มิได้สงสัยในตัวท่านนายกรัฐมนตรี มี ส.ส. จำนวนมากกว่า 80 คนไปขอร้อง พระยาพหลฯ จึงได้ยอมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ก็ได้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ตัวรัฐมนตรีที่มีชื่อซื้อที่ดินอยู่ด้วยก็มิได้กลับมาร่วมรัฐบาลอีก