ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย : เดนมาร์ก"
สร้างหน้าด้วย " '''ผู้เรียบเรียง''' ''':''' ณัชชาภัทร อมรกุล '''ผู้ทรงคุณวุฒิปร..." |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 8: | บรรทัดที่ 8: | ||
'''ราชอาณาจักรเดนมาร์ก''' หรือ '''ประเทศเดนมาร์ก''' เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์ ทางทิศเหนือของประเทศเยอรมนี ประเทศเดนมาร์กอยู่ทางทิศใต้ของประเทศนอร์เวย์และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสวีเดน ทิศเหนือเป็นทะเลบอลติกและทะเลเหนือ เดนมาร์กถือกรรมสิทธิ์อย่างชอบธรรมในการครอบครองหมู่เกาะแฟโรใน ค.ศ. 1948 และกรีนแลนด์ใน ค.ศ. 1979 ปัจจุบันประเทศเดนมาร์กมีประชากรราว 5.85 ล้านคน มีเมืองหลวงชื่อกรุงโคเปนเฮเกน | '''ราชอาณาจักรเดนมาร์ก''' หรือ '''ประเทศเดนมาร์ก''' เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์ ทางทิศเหนือของประเทศเยอรมนี ประเทศเดนมาร์กอยู่ทางทิศใต้ของประเทศนอร์เวย์และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสวีเดน ทิศเหนือเป็นทะเลบอลติกและทะเลเหนือ เดนมาร์กถือกรรมสิทธิ์อย่างชอบธรรมในการครอบครองหมู่เกาะแฟโรใน ค.ศ. 1948 และกรีนแลนด์ใน ค.ศ. 1979 ปัจจุบันประเทศเดนมาร์กมีประชากรราว 5.85 ล้านคน มีเมืองหลวงชื่อกรุงโคเปนเฮเกน | ||
เดนมาร์กเป็นประเทศเก่าแก่ประเทศหนึ่งในยุโรป มีประวัติศาสตร์ที่สามารถสืบไปได้ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 จากการอพยพของชนชาติเดนส์ (Denes) ที่มาจากสวีเดน เดนมาร์กวางตัวเป็นกลางในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่_1]] แต่ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่_2]] เดนมาร์กเลือกอยู่ฝ่ายพันธมิตร | เดนมาร์กเป็นประเทศเก่าแก่ประเทศหนึ่งในยุโรป มีประวัติศาสตร์ที่สามารถสืบไปได้ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 จากการอพยพของชนชาติเดนส์ (Denes) ที่มาจากสวีเดน เดนมาร์กวางตัวเป็นกลางในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่_1|สงครามโลกครั้งที่_1]] แต่ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่_2|สงครามโลกครั้งที่_2]] เดนมาร์กเลือกอยู่ฝ่ายพันธมิตร | ||
ประเทศเดนมาร์กจัดเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กแต่มีเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า มีขีดความสามารถในการผลิตสูงทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ ภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญคือ พลังงาน ชีววิทยาศาสตร์ และการเกษตร เดนมาร์กเป็นผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามในยุโรป เป็นต้นแบบของรัฐสวัสดิการที่มีระบบเศรษฐกิจแบบผสมผสานที่พัฒนาอย่างสูงมาจนถึงปัจจุบัน (Ministry of Foreign Affairs of Denmark, 2023) | ประเทศเดนมาร์กจัดเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กแต่มีเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า มีขีดความสามารถในการผลิตสูงทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ ภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญคือ พลังงาน ชีววิทยาศาสตร์ และการเกษตร เดนมาร์กเป็นผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามในยุโรป เป็นต้นแบบของรัฐสวัสดิการที่มีระบบเศรษฐกิจแบบผสมผสานที่พัฒนาอย่างสูงมาจนถึงปัจจุบัน (Ministry of Foreign Affairs of Denmark, 2023) | ||
ระบอบ[[สมบูรณาญาสิทธิราชย์]]ของเดนมาร์กเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1660 และได้สิ้นสุดอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1849 เดนมาร์กมีรูปแบบการปกครอง[[ระบอบประชาธิปไตย]]แบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (Constitutional Monarchy) (The National Museum of Denmark, 2023) | ระบอบ[[สมบูรณาญาสิทธิราชย์|สมบูรณาญาสิทธิราชย์]]ของเดนมาร์กเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1660 และได้สิ้นสุดอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1849 เดนมาร์กมีรูปแบบการปกครอง[[ระบอบประชาธิปไตย|ระบอบประชาธิปไตย]]แบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (Constitutional Monarchy) (The National Museum of Denmark, 2023) | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''ประวัติศาสตร์'''</span> = | = <span style="font-size:x-large;">'''ประวัติศาสตร์'''</span> = | ||
บรรทัดที่ 27: | บรรทัดที่ 25: | ||
ตามพระราชบัญญัติการสืบสันตติวงศ์ ค.ศ. 1853 พระราชบัลลังก์ได้ตกทอดไปยังพระญาติของพระเจ้าเฟเดอริกที่ 7 คือ เจ้าชายคริสเตียนแห่งกลึกบอร์ก (Glücksborg) ผู้สืบเชื้อสายตรงของราชวงศ์ (Kongehuset, 2023) พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ในฐานะพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 และเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในเดนมาร์ก (ค.ศ. 1836-1906) และทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์กลึกบอร์ก ในปัจจุบันพระราชธิดาของพระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ในยุโรป เช่น เจ้าหญิงอเล็กซานดรา (Princess Alexandra) ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ของอังกฤษ เจ้าหญิงแดกมาร์ (Princess Dagmar) พระราชธิดาอีกพระองค์ ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Zar Alexander III) ของรัสเซีย และพระราชธิดาอีกพระองค์หนึ่งของพระองค์คือ เจ้าหญิงเทรา (Princess Thyra) ทรงอภิเษกสมรสกับดยุกเอิร์นส์ ออกัสต์แห่งคัมเบอร์แลนด์ (Duke Ernst August of Cumberland) ซึ่งพระราชโอรสของทั้งสองพระองค์คือ เจ้าชายวิลเฮล์ม (Vilhelm) ได้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรีซ และในค.ศ. 1905 พระราชนัดดาของพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 ทรงได้รับสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ในฐานะพระเจ้าฮาร์กอนที่ 7 (Haakon VII) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ราชวงศ์ของเดนมาร์กมีความสัมพันธ์ทางตรงกับพระราชวงศ์ในยุโรปหลายราชวงศ์ (Kongehuset, 2023) | ตามพระราชบัญญัติการสืบสันตติวงศ์ ค.ศ. 1853 พระราชบัลลังก์ได้ตกทอดไปยังพระญาติของพระเจ้าเฟเดอริกที่ 7 คือ เจ้าชายคริสเตียนแห่งกลึกบอร์ก (Glücksborg) ผู้สืบเชื้อสายตรงของราชวงศ์ (Kongehuset, 2023) พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ในฐานะพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 และเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในเดนมาร์ก (ค.ศ. 1836-1906) และทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์กลึกบอร์ก ในปัจจุบันพระราชธิดาของพระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ในยุโรป เช่น เจ้าหญิงอเล็กซานดรา (Princess Alexandra) ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ของอังกฤษ เจ้าหญิงแดกมาร์ (Princess Dagmar) พระราชธิดาอีกพระองค์ ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Zar Alexander III) ของรัสเซีย และพระราชธิดาอีกพระองค์หนึ่งของพระองค์คือ เจ้าหญิงเทรา (Princess Thyra) ทรงอภิเษกสมรสกับดยุกเอิร์นส์ ออกัสต์แห่งคัมเบอร์แลนด์ (Duke Ernst August of Cumberland) ซึ่งพระราชโอรสของทั้งสองพระองค์คือ เจ้าชายวิลเฮล์ม (Vilhelm) ได้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรีซ และในค.ศ. 1905 พระราชนัดดาของพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 ทรงได้รับสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ในฐานะพระเจ้าฮาร์กอนที่ 7 (Haakon VII) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ราชวงศ์ของเดนมาร์กมีความสัมพันธ์ทางตรงกับพระราชวงศ์ในยุโรปหลายราชวงศ์ (Kongehuset, 2023) | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในเดนมาร์ก'''</span> = | = <span style="font-size:x-large;">'''ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในเดนมาร์ก'''</span> = | ||
บรรทัดที่ 39: | บรรทัดที่ 35: | ||
ในช่วงรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้มีการวางพื้นฐานสำหรับรัฐสมัยใหม่ โดยมีการสร้างระบบราชการ การรับราชการทหาร การเก็บภาษี ซึ่งในช่วงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีอำนาจอยู่นั้น ประชาชนขาวเดนมาร์กอยู่ภายใต้การปกครองของพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระองค์ทำหน้าที่ปราบปรามคนนอกศาสนาและกลุ่มคาธอลิก และยังเป็นช่วงเวลาที่พ่อค้าชาวเดนมาร์กทำการค้าทางไกลระหว่างเดนมาร์ก แอฟริกา และหมู่เกาะอินเดียตะวันตกของเดนมาร์ก (The National Museum of Denmark, 2023) | ในช่วงรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้มีการวางพื้นฐานสำหรับรัฐสมัยใหม่ โดยมีการสร้างระบบราชการ การรับราชการทหาร การเก็บภาษี ซึ่งในช่วงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีอำนาจอยู่นั้น ประชาชนขาวเดนมาร์กอยู่ภายใต้การปกครองของพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระองค์ทำหน้าที่ปราบปรามคนนอกศาสนาและกลุ่มคาธอลิก และยังเป็นช่วงเวลาที่พ่อค้าชาวเดนมาร์กทำการค้าทางไกลระหว่างเดนมาร์ก แอฟริกา และหมู่เกาะอินเดียตะวันตกของเดนมาร์ก (The National Museum of Denmark, 2023) | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย'''</span> = | = <span style="font-size:x-large;">'''พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย'''</span> = | ||
บรรทัดที่ 51: | บรรทัดที่ 45: | ||
ในที่สุดระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของเดนมาร์กที่เริ่มต้นใน ค.ศ. 1660 ได้สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1848 ด้วยสันติวิธี และพระเจ้าเฟเดอริกที่ 7 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญของประเทศเดนมาร์ก | ในที่สุดระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของเดนมาร์กที่เริ่มต้นใน ค.ศ. 1660 ได้สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1848 ด้วยสันติวิธี และพระเจ้าเฟเดอริกที่ 7 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญของประเทศเดนมาร์ก | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก'''</span> = | = <span style="font-size:x-large;">'''พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก'''</span> = | ||
บรรทัดที่ 66: | บรรทัดที่ 58: | ||
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีนาถยังทรงเปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้า ประชาชนสามารถแสดงความขอบคุณเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการเกษียณอายุราชการ การแต่งตั้งอัศวิน และการได้รับเหรียญรางวัลจากการปฏิบัติราชการ (Kongehuset, 2023) | นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีนาถยังทรงเปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้า ประชาชนสามารถแสดงความขอบคุณเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการเกษียณอายุราชการ การแต่งตั้งอัศวิน และการได้รับเหรียญรางวัลจากการปฏิบัติราชการ (Kongehuset, 2023) | ||
= <span style="font-size:x-large;">'''อ้างอิง'''</span> = | |||
Kongehuset. (2023). History. Retrieved March 12, 2023, from The Royal House: [https://www.kongehuset.dk/en/the-monarchy-in-denmark/history/ https://www.kongehuset.dk/en/the-monarchy-in-denmark/history/] | |||
Kongehuset. (2023). | Kongehuset. (2023). The Crown of Christian V. Retrieved March 12, 2023, from THE ROYAL HOUSE: [https://www.kongehuset.dk/en/royal-collections/the-crown-of-christian-v/ https://www.kongehuset.dk/en/royal-collections/the-crown-of-christian-v/] | ||
Kongehuset. (2023). The | Kongehuset. (2023). The monarchy today. Retrieved March 12, 2023, from The Royal House: [https://www.kongehuset.dk/en/the-monarchy-in-denmark/the-monarchy-today/ https://www.kongehuset.dk/en/the-monarchy-in-denmark/the-monarchy-today/] | ||
Ministry of Foreign Affairs of Denmark. (2023). Economy. Retrieved March 12, 2023, from Royal Danish Embassy, Japan: [https://japan.um.dk/en/about-denmark/denmark/economy https://japan.um.dk/en/about-denmark/denmark/economy] | |||
Rosenborg Castle. (2023). Frederik III. Retrieved March 12, 2023, from Rosenborg: [https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/person/frederik-iii/ https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/person/frederik-iii/] | |||
Rosenborg Castle. (2023). Frederik | Rosenborg Castle. (2023). Frederik VII. Retrieved March 12, 2023, from Rosenborg Castle: [https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/person/frederik-vii/ https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/person/frederik-vii/] | ||
Rosenborg Castle. (2023). | Rosenborg Castle. (2023). The Danish Royal Crowns and Other Symbols of Power. Retrieved March 12, 2023, from Rosenborg: [https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/the-crowns-and-other-symbols-of-power/ https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/the-crowns-and-other-symbols-of-power/] | ||
The Denish Parliament. (2023). The Denish Parliament. Retrieved March 12, 2023, from The Constitutional Act of Denmark: [https://www.thedanishparliament.dk/en/democracy/the-constitutional-act-of-denmark https://www.thedanishparliament.dk/en/democracy/the-constitutional-act-of-denmark] | |||
The | The National Museum of Denmark. (2023). Absolute monarchy (1660-1848). Retrieved March 12, 2023, from The National Museum of Denmark: [https://en.natmus.dk/historical-knowledge/denmark/absolute-monarchy-1660-1848/ https://en.natmus.dk/historical-knowledge/denmark/absolute-monarchy-1660-1848/] | ||
| |||
| | ||
[[Category:พระมหากษัตริย์]][[Category:พระมหากษัตริย์ในสมัยต่างๆ]][[Category:ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์]][[Category:พระราชอำนาจ]][[Category:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]] | [[Category:พระมหากษัตริย์]][[Category:พระมหากษัตริย์ในสมัยต่างๆ]][[Category:ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์]][[Category:พระราชอำนาจ]][[Category:สารานุกรม คำศัพท์ต่าง ๆ]][[Category:เหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:43, 15 สิงหาคม 2566
ผู้เรียบเรียง : ณัชชาภัทร อมรกุล
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ
ราชอาณาจักรเดนมาร์ก หรือ ประเทศเดนมาร์ก เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์ ทางทิศเหนือของประเทศเยอรมนี ประเทศเดนมาร์กอยู่ทางทิศใต้ของประเทศนอร์เวย์และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสวีเดน ทิศเหนือเป็นทะเลบอลติกและทะเลเหนือ เดนมาร์กถือกรรมสิทธิ์อย่างชอบธรรมในการครอบครองหมู่เกาะแฟโรใน ค.ศ. 1948 และกรีนแลนด์ใน ค.ศ. 1979 ปัจจุบันประเทศเดนมาร์กมีประชากรราว 5.85 ล้านคน มีเมืองหลวงชื่อกรุงโคเปนเฮเกน
เดนมาร์กเป็นประเทศเก่าแก่ประเทศหนึ่งในยุโรป มีประวัติศาสตร์ที่สามารถสืบไปได้ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 จากการอพยพของชนชาติเดนส์ (Denes) ที่มาจากสวีเดน เดนมาร์กวางตัวเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่_1 แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่_2 เดนมาร์กเลือกอยู่ฝ่ายพันธมิตร
ประเทศเดนมาร์กจัดเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กแต่มีเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า มีขีดความสามารถในการผลิตสูงทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ ภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญคือ พลังงาน ชีววิทยาศาสตร์ และการเกษตร เดนมาร์กเป็นผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามในยุโรป เป็นต้นแบบของรัฐสวัสดิการที่มีระบบเศรษฐกิจแบบผสมผสานที่พัฒนาอย่างสูงมาจนถึงปัจจุบัน (Ministry of Foreign Affairs of Denmark, 2023)
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของเดนมาร์กเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1660 และได้สิ้นสุดอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1849 เดนมาร์กมีรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (Constitutional Monarchy) (The National Museum of Denmark, 2023)
ประวัติศาสตร์
ราชวงศ์เดนมาร์กเป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สามารถสืบเชื้อสายย้อนหลังไปได้ไกลกว่า 1,000 ปี ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ของเดนมาร์กเริ่มต้น ค.ศ. 985 จนเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยใน ค.ศ. 1849 ซึ่งเป็นปีที่รัฐธรรมนูญฉบับแรกได้ถูกร่างขึ้น
ต้นกำเนิดของราชวงศ์เดนมาร์กเกิดขึ้นโดยนักรบไวกิ้งชื่อว่า ฮาเดรกอน (Hadregon) ได้ดินแดนเหนือคาบสมุทรจัตแลนด์ ต่อมาบุตรชายของเขาได้ขึ้นครองราชย์ต่อและได้สถาปนาตนเองว่า กอร์ม เดอะ โอลด์ (Grom the Old) หลังจากนั้นบุตรชายของ กอร์ม เดอะ โอลด์ ชื่อ ฮาราลด์ บลูทูธ (Harald Bluetooth) สามารถรวบรวมดินแดนได้จนมีอาณาเขตครอบคลุมดินแดนเดนมาร์กในปัจจุบันและได้เปลี่ยนประเทศมาให้นับถือศาสนาคริสต์ในรัชสมัยนี้ (Kongehuset, 2023)
ในช่วงแรกของระบอบราชาธิปไตยของเดนมาร์กยังอยู่ในยุคฟิวดัล ที่ขุนนางมีอำนาจมากจนใกล้เคียงกับพระมหากษัตริย์ การสืบราชสันตติวงศ์จึงต้องขอความคิดเห็นกับเหล่าขุนนางด้วย ทำให้การสืบราชสมบัติเป็นระบบเลือกตั้ง (elective monarchy) ซึ่งในทางปฏิบัติคือ พระราชโอรสองค์โตของพระมหากษัตริย์ได้รับเลือกให้เป็นพระมหากษัตริย์โดยสภาองคมนตรี (หรือสภาที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์) และพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่จะต้องลงนามในสัญญากฎบัตรราชาภิเษก (Coronation Charter) ซึ่งจำกัดพระราชอำนาจของพระองค์ให้อยู่ภายใต้ข้อตกลงระหว่างพระองค์กับสภาองคมนตรี และในการขึ้นครองราชย์พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎโดยองคมนตรี (Kongehuset, 2023)
ต่อมาใน ค.ศ. 1448 สายตรงของราชวงศ์เดนมาร์กโบราณได้สูญสิ้นไปพร้อมกับการสิ้นพระชนม์ของ พระเจ้าคริสทอเฟอร์ที่ 3 (Christoffer III) ทำให้ดยุกคริสเตียนแห่งโอเดนบอร์ก Duke Christian of Oldenborg ซึ่งทรงเป็นหนึ่งในสาขาข้างเคียงของราชวงศ์เดิม ได้รับเลือกตั้งให้เป็นกษัตริย์แห่งเดนมาร์กพระองค์ใหม่และเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์สายโอเดนบอร์ก ซึ่งได้สืบเชื้อสายต่อมาจนกระทั่ง ค.ศ. 1863 ซึ่งพระเจ้าเฟเดริกที่ 7 (Federick VII) ได้ทรงสิ้นพระชนม์โดยไม่มีรัชทายาท (Kongehuset, 2023)
ตามพระราชบัญญัติการสืบสันตติวงศ์ ค.ศ. 1853 พระราชบัลลังก์ได้ตกทอดไปยังพระญาติของพระเจ้าเฟเดอริกที่ 7 คือ เจ้าชายคริสเตียนแห่งกลึกบอร์ก (Glücksborg) ผู้สืบเชื้อสายตรงของราชวงศ์ (Kongehuset, 2023) พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ในฐานะพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 และเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในเดนมาร์ก (ค.ศ. 1836-1906) และทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์กลึกบอร์ก ในปัจจุบันพระราชธิดาของพระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ในยุโรป เช่น เจ้าหญิงอเล็กซานดรา (Princess Alexandra) ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ของอังกฤษ เจ้าหญิงแดกมาร์ (Princess Dagmar) พระราชธิดาอีกพระองค์ ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Zar Alexander III) ของรัสเซีย และพระราชธิดาอีกพระองค์หนึ่งของพระองค์คือ เจ้าหญิงเทรา (Princess Thyra) ทรงอภิเษกสมรสกับดยุกเอิร์นส์ ออกัสต์แห่งคัมเบอร์แลนด์ (Duke Ernst August of Cumberland) ซึ่งพระราชโอรสของทั้งสองพระองค์คือ เจ้าชายวิลเฮล์ม (Vilhelm) ได้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรีซ และในค.ศ. 1905 พระราชนัดดาของพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 ทรงได้รับสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์แห่งนอร์เวย์ในฐานะพระเจ้าฮาร์กอนที่ 7 (Haakon VII) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ราชวงศ์ของเดนมาร์กมีความสัมพันธ์ทางตรงกับพระราชวงศ์ในยุโรปหลายราชวงศ์ (Kongehuset, 2023)
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในเดนมาร์ก
จุดกำเนิดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในเดนมาร์ก เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1660 หลังจากสงครามกับสวีเดน พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้น คือ พระเจ้าเฟเดริกที่ 3 (Federick III) ทรงตัดสินพระทัยว่าจะต้องสร้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยให้พระมหากษัตริย์สืบเชื้อสายและให้อำนาจแก่กษัตริย์อย่างแท้จริง เนื่องจากพระองค์ต้องการจัดการกับการแข็งข้อของกลุ่มขุนนางที่ปฏิเสธที่จะจ่ายภาษีให้กับพระองค์ (Rosenborg Castle, 2023)
ด้วยเหตุนี้หลังจากรัชสมัยของพระองค์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงเปลี่ยนแปลงไป สะท้อนการมีพระราชอำนาจอย่างเต็มที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์ราชย์ ในสมัยของพระเจ้าคริสเตียนที่ 5 พระราชโอรสของพระองค์ จึงได้รับสืบทอดตำแหน่งพระมหากษัตริย์โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรับการเลือกตั้งจากสภาองคมนตรีอีกต่อไป พระมหากษัตริย์กลายเป็นสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ภายใต้ระบอบเทวนิยม และถือว่าพระองค์ได้รับเลือกจากพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงเป็นภาพของพระมหากษัตริย์ที่ทรงสวมมงกุฎบนพระเศียรของพระองค์และเจิมพระองค์ในโบสถ์ เพื่อให้เป็นพรอันศักดิ์สิทธิ์ ในยุคสมัยนี้ที่มีการทำมงกุฎขึ้นมาใหม่จากทองคำโดยช่างทองชาวเยอรมันในโคเปนเฮเกน และมงกุฎของพระเจ้าคริสเตียนที่ 5 เป็นมงกุฎที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลือมาอยู่ปัจจุบัน (Kongehuset, 2023)
อย่างไรก็ดี การสืบราชสันตติวงศ์อยู่บนหลักการของการสืบเชื้อสายโดยพระราชโอรสเพศชายเท่านั้น ได้รับการตราอยู่ในพระราชบัญญัติสืบราชสันตติวงศ์ (Lex Regia) ค.ศ. 1665
ในช่วงรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้มีการวางพื้นฐานสำหรับรัฐสมัยใหม่ โดยมีการสร้างระบบราชการ การรับราชการทหาร การเก็บภาษี ซึ่งในช่วงระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีอำนาจอยู่นั้น ประชาชนขาวเดนมาร์กอยู่ภายใต้การปกครองของพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระองค์ทำหน้าที่ปราบปรามคนนอกศาสนาและกลุ่มคาธอลิก และยังเป็นช่วงเวลาที่พ่อค้าชาวเดนมาร์กทำการค้าทางไกลระหว่างเดนมาร์ก แอฟริกา และหมู่เกาะอินเดียตะวันตกของเดนมาร์ก (The National Museum of Denmark, 2023)
พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย
ในช่วงศตวรรษที่ 18 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและอุดมการณ์ในยุโรป อันเป็นผลจากการปฏิวัติอเมริกา การปฏิวัติฝรั่งเศส สงครามนโปเลียน ลัทธิชาตินิยม และเสรีนิยมที่ขยายไปทั่วยุโรป ภาวะอดอยากใน ค.ศ. 1845 ประชาชนในหลาย ๆ ส่วนของยุโรปประสบกับความยากลำบากและเริ่มถามถึงความรับผิดชอบของผู้ปกครอง และสิทธิในการปกครองตนเอง เกิดการชุมนุมประท้วงและการปฏิวัติในหลายพื้นที่และระบอบกษัตริย์ได้ถูกยกเลิกไปในหลายประเทศเปลี่ยนเป็นระบบสาธารณรัฐ
ใน ค.ศ. 1848 ซึ่งเป็นรัชสมัยของพระเจ้าคริสเตียนที่ 8 ได้ทรงตัดสินพระราชหฤทัยว่า ประเทศเดนมาร์กควรจะมีรัฐธรรมนูญที่เสรีและรับประกันสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชน ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ. 1848 พระองค์ได้มีพระราชดำรัสต่อพระราชโอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าเฟเดริกที่ 7 ให้มอบรัฐธรรมนูญที่รับประกันเสรีภาพและความเท่าเทียม และป้องกันไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งมีอำนาจที่ไม่มีขอบเขตจำกัด (The Denish Parliament, 2023)
เมื่อพระเจ้าเฟเดริกที่ 7 ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็เผชิญหน้ากับความต้องการของประชาชนที่จะยุติระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทันที กลุ่มเชเลสวิกและโฮสไตน์ (Sheleswig-Holstieners) ต้องการแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระ (Rosenborg Castle, 2023) ในขณะที่กลุ่มเดนิชต้องการพื้นที่ในบริเวณคาบสมุทรจัตแลนด์ทางตอนใต้ พระเจ้าเฟเดริกที่ 7 จึงตอบรับความต้องการของชาวเดนมาร์กในการยกเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยจัดได้มีการตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อที่จะทำการเจรจาต่อรองในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเดนมาร์กได้แรงบันดาลใจสำคัญจากรัฐธรรมนูญของหลายประเทศ เช่น นอร์เวย์ และเบลเยี่ยม หลังจากนั้นนักการเมืองเดนมาร์กชื่อ ดีจี มอนราด (D.G Monrad) ได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกขึ้น และได้ถูกนำไปพิจารณาในสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ประกอบด้วยสมาชิก 152 คน ที่มาจากการเลือกตั้ง เหล่าสมาชิกในสภาร่างรัฐธรรมนูญได้พิจารณาเนื้อหาในรัฐธรรมนูญเป็นระยะเวลาหลายเดือน จนในที่สุดสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ตรารัฐธรรมนูญแห่งเดนมาร์กที่เป็นประชาธิปไตยและมีการเลือกตั้งที่เสรี รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวได้รับการลงนามโดย พระมหากษัตริย์เฟเดริกที่ 7 ในวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1849 ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญและเป็นวันเฉลิมฉลองที่สำคัญของประเทศ (The Denish Parliament, 2023)
ในที่สุดระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของเดนมาร์กที่เริ่มต้นใน ค.ศ. 1660 ได้สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1848 ด้วยสันติวิธี และพระเจ้าเฟเดอริกที่ 7 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญของประเทศเดนมาร์ก
พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก
ปัจจุบันเดนมาร์กมีการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีการบริหารงานด้วยระบบรัฐสภา ซึ่งหมายความว่า พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ไม่สามารถมีบทบาททางการเมืองได้ แม้ว่าพระมหากษัตริย์จะเป็นผู้ลงพระปรมาภิไธยในกฎหมายจากรัฐสภาทุกฉบับ แต่จะมีผลใช้บังคับได้ก็ต่อเมื่อได้รับการลงนามกำกับโดยนายกรัฐมนตรีเท่านั้น พระองค์มีอำนาจอันจำกัด พระองค์ไม่มีอำนาจทางการเมือง พระองค์ไม่เข้ามาก้าวก่ายทางการเมือง แต่ทรงร่วมงานพิธีการที่เกี่ยวกับการเมือง เช่นการเปิดสภา ทรงลงพระปรมาภิไธยในกฎหมายที่ผ่านสภามาแล้ว และแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ทรงได้รับการถวายพระเกียรติยศ พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทำหน้าที่ทางราชการ พิธีการ การทูต และการเป็นสัญลักษณ์ของชาติ (Rosenborg Castle, 2023)
ในฐานะประมุขแห่งรัฐ พระมหากษัตริย์มีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองจะปรึกษาหารือกัน หัวหน้าพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากจำนวนที่นั่งมากที่สุดในรัฐสภาโฟกเกติง (Folketing - รัฐสภาเดนมาร์ก) ได้รับเชิญให้จัดตั้งรัฐบาล เมื่อจัดตั้งรัฐบาลแล้ว พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้พระมหากษัตริย์ยังทรงเป็นหัวหน้ารัฐบาลอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงทรงเป็นประธานสภาแห่งรัฐและจะทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของ Folketing แล้ว (Kongehuset, 2023)
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเดนมาร์กจะเข้ารายงานสถานการณ์ต่าง ๆ ต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งปัจจุบัน คือ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 เพื่อแจ้งให้พระองค์ทรงทราบถึงพัฒนาการทางการเมืองล่าสุด สมเด็จพระราชินีนาถเป็นเจ้าภาพการเยือนอย่างเป็นทางการของประมุขแห่งรัฐต่างประเทศและจ่ายการเยือนของรัฐในต่างประเทศ ทรงรับเอกอัครราชทูตต่างประเทศทุกประเทศซึ่งต้องถวายพระราชสาสน์ก่อนเริ่มงานในเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีนาถยังทรงแต่งตั้งและถอดถอนข้าราชการอย่างเป็นทางการอีกด้วย (Kongehuset, 2023)
ภารกิจหลักของสมเด็จพระราชินีนาถคือการเป็นตัวแทนของเดนมาร์กในต่างประเทศและเป็นบุคคลสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ของประเทศ เช่น ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยการเปิดนิทรรศการเข้าร่วมวันครบรอบ และการเปิดนิทรรศการในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์เพื่อการส่งออกมักมีโดยสมาชิกของราชวงศ์เข้าร่วม
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีนาถยังทรงเปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้า ประชาชนสามารถแสดงความขอบคุณเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการเกษียณอายุราชการ การแต่งตั้งอัศวิน และการได้รับเหรียญรางวัลจากการปฏิบัติราชการ (Kongehuset, 2023)
อ้างอิง
Kongehuset. (2023). History. Retrieved March 12, 2023, from The Royal House: https://www.kongehuset.dk/en/the-monarchy-in-denmark/history/
Kongehuset. (2023). The Crown of Christian V. Retrieved March 12, 2023, from THE ROYAL HOUSE: https://www.kongehuset.dk/en/royal-collections/the-crown-of-christian-v/
Kongehuset. (2023). The monarchy today. Retrieved March 12, 2023, from The Royal House: https://www.kongehuset.dk/en/the-monarchy-in-denmark/the-monarchy-today/
Ministry of Foreign Affairs of Denmark. (2023). Economy. Retrieved March 12, 2023, from Royal Danish Embassy, Japan: https://japan.um.dk/en/about-denmark/denmark/economy
Rosenborg Castle. (2023). Frederik III. Retrieved March 12, 2023, from Rosenborg: https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/person/frederik-iii/
Rosenborg Castle. (2023). Frederik VII. Retrieved March 12, 2023, from Rosenborg Castle: https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/person/frederik-vii/
Rosenborg Castle. (2023). The Danish Royal Crowns and Other Symbols of Power. Retrieved March 12, 2023, from Rosenborg: https://www.kongernessamling.dk/en/rosenborg/the-crowns-and-other-symbols-of-power/
The Denish Parliament. (2023). The Denish Parliament. Retrieved March 12, 2023, from The Constitutional Act of Denmark: https://www.thedanishparliament.dk/en/democracy/the-constitutional-act-of-denmark
The National Museum of Denmark. (2023). Absolute monarchy (1660-1848). Retrieved March 12, 2023, from The National Museum of Denmark: https://en.natmus.dk/historical-knowledge/denmark/absolute-monarchy-1660-1848/