ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคร้อยเอ็ด"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 3 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
'''ผู้เรียบเรียง''' รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต
'''ผู้เรียบเรียง''' รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต
----
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล


----
----
บรรทัดที่ 5: บรรทัดที่ 10:
'''โรคร้อยเอ็ด'''
'''โรคร้อยเอ็ด'''


เป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์การใช้เงินซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ในความเป็นจริงแล้ว การ[[ซื้อเสียง]]ใน[[การเลือกตั้ง]]คงจะมีมานานแล้ว แต่ที่มี[[ความรุนแรง]]มากเป็นพิเศษ จนมีการเรียกขานกันว่า “โรคร้อยเอ็ด” ในการ[[เลือกตั้งซ่อม]]ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เขตหนึ่ง วันที่ 9 สิงหาคม 2524
เป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์การใช้เงินซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ในความเป็นจริงแล้ว การ[[ซื้อเสียง|ซื้อเสียง]]ใน[[การเลือกตั้ง|การเลือกตั้ง]]คงจะมีมานานแล้ว แต่ที่มี[[ความรุนแรง|ความรุนแรง]]มากเป็นพิเศษ จนมีการเรียกขานกันว่า “โรคร้อยเอ็ด” ในการ[[เลือกตั้งซ่อม|เลือกตั้งซ่อม]]ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เขตหนึ่ง วันที่ 9 สิงหาคม 2524
 
เหตุที่จะมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดจาก นายสมพร จุรีมาศ ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ดถึงแก่กรรมในเดือนพฤษภาคม 2524 จึงต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นภายใน 90 วัน การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ [[เกรียงศักดิ์_ชมะนันทน์|พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์]] อดีต[[นายกรัฐมนตรี|นายกรัฐมนตรี]] และ[[หัวหน้าพรรค|หัวหน้าพรรค]]ชาติประชาธิปไตย ประสงค์จะแจ้งเกิดในทางการเมือง เพื่อท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญมากที่ฝ่าย[[รัฐบาล|รัฐบาล]]จะต้องหาทางปกป้องฐานะของตนไม่ให้แย่งชิงไป ส่วนทางฝ่ายพลเอก เกรียงศักดิ์ ก็ถือเป็นเรื่องที่แพ้ไม่ได้ เพราะเป็นนักการเมืองใหญ่ จึงต้องทุ่มตัวต่อสู้อย่างเต็มที่


เหตุที่จะมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดจาก นายสมพร จุรีมาศ  ส.. จังหวัดร้อยเอ็ดถึงแก่กรรมในเดือนพฤษภาคม 2524 จึงต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นภายใน 90 วัน การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ [[พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์]] อดีต[[นายกรัฐมนตรี]] และ[[หัวหน้าพรรค]][[ชาติประชิปไตย]] ประสงค์จะแจ้งเกิดในทางการเมือง เพื่อท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญมากที่ฝ่าย[[รัฐบาล]]จะต้องหาทางปกป้องฐานะของตนไม่ให้แย่งชิงไป  ส่วนทางฝ่ายพลเอก เกรียงศักดิ์ ก็ถือเป็นเรื่องที่แพ้ไม่ได้ เพราะเป็นนักการเมืองใหญ่ จึงต้องทุ่มตัวต่อสู้อย่างเต็มที่
ส่วนทางฝ่ายรัฐบาลส่ง พ..ท. บุญเลิศ เลิศปรีชา นักการเมืองที่มีความช่ำชองทางการเมืองตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ลงแข่งขันในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ อาจารย์เกษม ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาธิการพรรค[[กิจสังคม|กิจสังคม]] เล่าว่า ไปนั่งดูพลเอก เกรียงศักดิ์ หาเสียงในตลาด พลเอกเกรียงศักดิ์ เดินนำขบวน ตามด้วยดาราละครโทรทัศน์ แล้วตามหลังด้วยคนถือกระเป๋า กำเงินใบละร้อยเดินแจกไปเรื่อย ทางอาจารย์เกษม ให้คนคอยดักถ่ายรูปไว้ พอได้รูปก็พากันเดินขึ้นศาลากลางเพื่อร้องเรียนว่ามีการแจกเงินในการ[[หาเสียง|หาเสียง]] ปรากฏว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายอำเภอต่างลาราชการกันหมด


ส่วนทางฝ่ายรัฐบาลส่ง พ.ต.ท. บุญเลิศ เลิศปรีชา นักการเมืองที่มีความช่ำชองทางการเมืองตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ลงแข่งขันในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ อาจารย์เกษม ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาธิการพรรค[[กิจสังคม]] เล่าว่า ไปนั่งดูพลเอก เกรียงศักดิ์ หาเสียงในตลาด พลเอกเกรียงศักดิ์ เดินนำขบวน ตามด้วยดาราละครโทรทัศน์ แล้วตามหลังด้วยคนถือกระเป๋า กำเงินใบละร้อยเดินแจกไปเรื่อย ทางอาจารย์เกษม ให้คนคอยดักถ่ายรูปไว้ พอได้รูปก็พากันเดินขึ้นศาลากลางเพื่อร้องเรียนว่ามีการแจกเงินในการ[[หาเสียง]] ปรากฏว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายอำเภอต่างลาราชการกันหมด
ต่อมาตอนเย็นก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายพรรค[[ชาติประชาธิปไตย|ชาติประชาธิปไตย]]ตั้งโต๊ะที่ร้านกาแฟริมบึงพระรามแจกเงินอย่างเปิดเผย จึงบุกขึ้นไปบนโรงพักเพื่อแจ้งความว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ปรากฏว่าโรงพักร้าง คงคาดได้แล้วว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจเลยทิ้งโรงพักหนี


ต่อมาตอนเย็นก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายพรรค[[ชาติประชาธิปไตย]]ตั้งโต๊ะที่ร้านกาแฟริมบึงพระรามแจกเงินอย่างเปิดเผย  จึงบุกขึ้นไปบนโรงพักเพื่อแจ้งความว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ปรากฏว่าโรงพักร้าง คงคาดได้แล้วว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจเลยทิ้งโรงพักหนี
เจ้าเมืองก็ทิ้งเมือง ตำรวจก็ทิ้งโรงพัก เพราะกลัวเกรงบารมีนักการเมืองระดับอดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยให้ลอยนวลแจกเงินซื้อเสียงกันได้อย่างเย้ยฟ้าท้าดิน โรคนี้ได้ระบาด เป็นการซื้อสิทธิขายเสียงทั่วประเทศ จนกลายเป็น[[วัฒนธรรมการเมือง|วัฒนธรรมการเมือง]]ของชาวบ้านคนไทยที่ต้องมีเงินมีทองหรือข้าวของติดไม้ติดมือเมื่อถึงฤดูเลือกตั้ง


เจ้าเมืองก็ทิ้งเมือง ตำรวจก็ทิ้งโรงพัก เพราะกลัวเกรงบารมีนักการเมืองระดับอดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยให้ลอยนวลแจกเงินซื้อเสียงกันได้อย่างเย้ยฟ้าท้าดิน โรคนี้ได้ระบาด เป็นการซื้อสิทธิขายเสียงทั่วประเทศ จนกลายเป็น[[วัฒนธรรมการเมือง]]ของชาวบ้านคนไทยที่ต้องมีเงินมีทองหรือข้าวของติดไม้ติดมือเมื่อถึงฤดูเลือกตั้ง
[[Category:สารานุกรมการเมืองไทย|ร]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 12:30, 7 กันยายน 2563

ผู้เรียบเรียง รศ.ดร.นิยม รัฐอมฤต


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล


โรคร้อยเอ็ด

เป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์การใช้เงินซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ในความเป็นจริงแล้ว การซื้อเสียงในการเลือกตั้งคงจะมีมานานแล้ว แต่ที่มีความรุนแรงมากเป็นพิเศษ จนมีการเรียกขานกันว่า “โรคร้อยเอ็ด” ในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดร้อยเอ็ด เขตหนึ่ง วันที่ 9 สิงหาคม 2524

เหตุที่จะมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดจาก นายสมพร จุรีมาศ ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ดถึงแก่กรรมในเดือนพฤษภาคม 2524 จึงต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นภายใน 90 วัน การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคชาติประชาธิปไตย ประสงค์จะแจ้งเกิดในทางการเมือง เพื่อท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญมากที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องหาทางปกป้องฐานะของตนไม่ให้แย่งชิงไป ส่วนทางฝ่ายพลเอก เกรียงศักดิ์ ก็ถือเป็นเรื่องที่แพ้ไม่ได้ เพราะเป็นนักการเมืองใหญ่ จึงต้องทุ่มตัวต่อสู้อย่างเต็มที่

ส่วนทางฝ่ายรัฐบาลส่ง พ.ต.ท. บุญเลิศ เลิศปรีชา นักการเมืองที่มีความช่ำชองทางการเมืองตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคกิจสังคม ลงแข่งขันในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ อาจารย์เกษม ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาธิการพรรคกิจสังคม เล่าว่า ไปนั่งดูพลเอก เกรียงศักดิ์ หาเสียงในตลาด พลเอกเกรียงศักดิ์ เดินนำขบวน ตามด้วยดาราละครโทรทัศน์ แล้วตามหลังด้วยคนถือกระเป๋า กำเงินใบละร้อยเดินแจกไปเรื่อย ทางอาจารย์เกษม ให้คนคอยดักถ่ายรูปไว้ พอได้รูปก็พากันเดินขึ้นศาลากลางเพื่อร้องเรียนว่ามีการแจกเงินในการหาเสียง ปรากฏว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายอำเภอต่างลาราชการกันหมด

ต่อมาตอนเย็นก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายพรรคชาติประชาธิปไตยตั้งโต๊ะที่ร้านกาแฟริมบึงพระรามแจกเงินอย่างเปิดเผย จึงบุกขึ้นไปบนโรงพักเพื่อแจ้งความว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ปรากฏว่าโรงพักร้าง คงคาดได้แล้วว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจเลยทิ้งโรงพักหนี

เจ้าเมืองก็ทิ้งเมือง ตำรวจก็ทิ้งโรงพัก เพราะกลัวเกรงบารมีนักการเมืองระดับอดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยให้ลอยนวลแจกเงินซื้อเสียงกันได้อย่างเย้ยฟ้าท้าดิน โรคนี้ได้ระบาด เป็นการซื้อสิทธิขายเสียงทั่วประเทศ จนกลายเป็นวัฒนธรรมการเมืองของชาวบ้านคนไทยที่ต้องมีเงินมีทองหรือข้าวของติดไม้ติดมือเมื่อถึงฤดูเลือกตั้ง