ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2560)"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 12: | บรรทัดที่ 12: | ||
== '''1. แนวความคิดของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' == | == '''1. แนวความคิดของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' == | ||
</div> | </div> | ||
[[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ]]เป็นกฎหมายประกอบ[[รัฐธรรมนูญ]]ที่กำหนดกฎเกณฑ์การปกครองประเทศซึ่งแยกรายละเอียดต่างหากออกไปจากรัฐธรรมนูญ[[#_ftn1|[1]]] [[พระราชบัญญัติ]]ประกอบรัฐธรรมนูญจึงเป็นกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติประเภทหนึ่งที่มีสถานะต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ แต่สูงกว่าพระราชบัญญัติธรรมดา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ[[#_ftn2|[2]]] ดังนั้น ในส่วนของการแก้ไขจึงต้องพิเศษกว่ากฎหมายธรรมดา โดยกระบวนการและวิธีแก้ไขต้องมีการบัญญัติไว้ชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ | [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ]]เป็นกฎหมายประกอบ[[รัฐธรรมนูญ|รัฐธรรมนูญ]]ที่กำหนดกฎเกณฑ์การปกครองประเทศซึ่งแยกรายละเอียดต่างหากออกไปจากรัฐธรรมนูญ[[#_ftn1|[1]]] [[พระราชบัญญัติ|พระราชบัญญัติ]]ประกอบรัฐธรรมนูญจึงเป็นกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติประเภทหนึ่งที่มีสถานะต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ แต่สูงกว่าพระราชบัญญัติธรรมดา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ[[#_ftn2|[2]]] ดังนั้น ในส่วนของการแก้ไขจึงต้องพิเศษกว่ากฎหมายธรรมดา โดยกระบวนการและวิธีแก้ไขต้องมีการบัญญัติไว้ชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ | ||
แนวคิดเบื้องต้นของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอาจสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ[[#_ftn3|[3]]] | แนวคิดเบื้องต้นของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอาจสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ[[#_ftn3|[3]]] | ||
บรรทัดที่ 26: | บรรทัดที่ 26: | ||
== '''2. การตราและความพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' == | == '''2. การตราและความพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' == | ||
</div> | </div> | ||
ความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเห็นผลในเชิงรูปธรรมชัดเจนภายหลังจากการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550]] อันเป็นผลเพื่อต้องการหรือขยายผลให้มีความชัดเจนในแง่ของ[[ลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย]] ภายหลังจากการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540]] ที่เกิดคำว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” เป็นครั้งแรกซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีเพียงพระราชบัญญัติและ[[พระราชกำหนด]]เท่านั้น | ความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเห็นผลในเชิงรูปธรรมชัดเจนภายหลังจากการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550]] อันเป็นผลเพื่อต้องการหรือขยายผลให้มีความชัดเจนในแง่ของ[[ลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย|ลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย]] ภายหลังจากการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540]] ที่เกิดคำว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” เป็นครั้งแรกซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีเพียงพระราชบัญญัติและ[[พระราชกำหนด|พระราชกำหนด]]เท่านั้น | ||
ลักษณะพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีดังนี้ | ลักษณะพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 32: | บรรทัดที่ 32: | ||
1) ผู้มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (มาตรา 131) จะเสนอได้ก็แต่โดย | 1) ผู้มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (มาตรา 131) จะเสนอได้ก็แต่โดย | ||
(1) [[คณะรัฐมนตรี]] โดยข้อเสนอแนะของ[[ศาลฎีกา]] [[ศาลรัฐธรรมนูญ]] หรือ[[องค์กรอิสระ]]ที่เกี่ยวข้อง | (1) [[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]] โดยข้อเสนอแนะของ[[ศาลฎีกา|ศาลฎีกา]] [[ศาลรัฐธรรมนูญ|ศาลรัฐธรรมนูญ]] หรือ[[องค์กรอิสระ|องค์กรอิสระ]]ที่เกี่ยวข้อง | ||
(2) [[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร | (2) [[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร|สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร | ||
2) การตราร่างพระราชประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ จะตราขึ้นเป็นกฎหมายได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของ[[รัฐสภา]] (มาตรา 81) แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนดเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากระบวนการร่างกฎหมายทั้งสองเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มีกระบวนการควบคุมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญได้กำหนดในส่วนที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติทั่วไป ดังนี้ (มาตรา 132) | 2) การตราร่างพระราชประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ จะตราขึ้นเป็นกฎหมายได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของ[[รัฐสภา|รัฐสภา]] (มาตรา 81) แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนดเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากระบวนการร่างกฎหมายทั้งสองเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มีกระบวนการควบคุมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญได้กำหนดในส่วนที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติทั่วไป ดังนี้ (มาตรา 132) | ||
(1) การเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้เสนอต่อรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และ ต้องมี[[คะแนนเสียง]]เห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา | (1) การเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้เสนอต่อรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และ ต้องมี[[คะแนนเสียง|คะแนนเสียง]]เห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา | ||
(2) เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อทักท้วงภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างดังกล่าว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป | (2) เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อทักท้วงภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างดังกล่าว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป | ||
บรรทัดที่ 50: | บรรทัดที่ 50: | ||
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดจำนวน 10 ฉบับ ดังนี้ (มาตรา 130) | รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดจำนวน 10 ฉบับ ดังนี้ (มาตรา 130) | ||
(1) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] | (1) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]] | ||
(2) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา]] | (2) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา]] | ||
(3) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง]] | (3) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง]] | ||
(4) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง]] | (4) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง]] | ||
(5) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน]] | (5) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน]] | ||
(6) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต]] | (6) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต]] | ||
(7) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน]] | (7) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน]] | ||
(8) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ]] | (8) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ]] | ||
(9) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง]] | (9) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง]] | ||
(10) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ]] | (10) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ]] | ||
ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้การตราร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แต่รัฐสภาก็ไม่อาจตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอื่นใดนอกเหนือไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ | ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้การตราร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แต่รัฐสภาก็ไม่อาจตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอื่นใดนอกเหนือไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ | ||
บรรทัดที่ 78: | บรรทัดที่ 78: | ||
'''4.1 ผู้ที่มีหน้าที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' | '''4.1 ผู้ที่มีหน้าที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' | ||
รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ได้กำหนดให้ “[[คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ]]จัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 10 ฉบับให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อ[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]]เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (มาตรา 267 วรรคแรก) และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เสนอตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 267 วรรคสอง) | รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ได้กำหนดให้ “[[คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ|คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ]]จัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 10 ฉบับให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อ[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ|สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]]เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (มาตรา 267 วรรคแรก) และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เสนอตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 267 วรรคสอง) | ||
'''4.2 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' | '''4.2 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' | ||
บรรทัดที่ 86: | บรรทัดที่ 86: | ||
2) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จให้ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา (มาตรา 267 วรรคห้า) | 2) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จให้ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา (มาตรา 267 วรรคห้า) | ||
ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้แจ้งให้[[ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ]]ทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติตั้ง[[คณะกรรมาธิการวิสามัญ]]ขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมอบหมายฝ่ายละห้าคน เพื่อพิจารณาแล้วเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อให้ความเห็นชอบ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่ถึงสองในสามดังกล่าว ให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๘๑ (มาตรา 267 วรรคห้า) | ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้แจ้งให้[[ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ|ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ]]ทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติตั้ง[[คณะกรรมาธิการวิสามัญ|คณะกรรมาธิการวิสามัญ]]ขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมอบหมายฝ่ายละห้าคน เพื่อพิจารณาแล้วเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อให้ความเห็นชอบ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่ถึงสองในสามดังกล่าว ให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๘๑ (มาตรา 267 วรรคห้า) | ||
| | ||
บรรทัดที่ 107: | บรรทัดที่ 107: | ||
| | ||
<div>อ้างอิง | <div>'''อ้างอิง''' | ||
---- | ---- | ||
<div id="ftn1"> | <div id="ftn1"> | ||
บรรทัดที่ 116: | บรรทัดที่ 116: | ||
[[#_ftnref3|[3]]] เรื่องเดียวกัน, หน้า 256 | [[#_ftnref3|[3]]] เรื่องเดียวกัน, หน้า 256 | ||
</div> </div> | </div> </div> | ||
[[Category:รัฐธรรมนูญ]] | | ||
[[Category:รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 23:39, 18 มีนาคม 2563
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายภัทระ คำพิทักษ์
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2560)
1. แนวความคิดของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดกฎเกณฑ์การปกครองประเทศซึ่งแยกรายละเอียดต่างหากออกไปจากรัฐธรรมนูญ[1] พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญจึงเป็นกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติประเภทหนึ่งที่มีสถานะต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ แต่สูงกว่าพระราชบัญญัติธรรมดา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ[2] ดังนั้น ในส่วนของการแก้ไขจึงต้องพิเศษกว่ากฎหมายธรรมดา โดยกระบวนการและวิธีแก้ไขต้องมีการบัญญัติไว้ชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ
แนวคิดเบื้องต้นของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอาจสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ[3]
1. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายลักษณะธรรมดามีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหาสาระที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ มีลำดับศักดิ์เท่ากับกฎหมายธรรมดา เพราะกระบวนการจัดทำและแก้ไขเหมือนกฎหมายธรรมดา
2. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และระบุให้มีการตรากฎหมายดังกล่าวมาเพื่อเสริมรัฐธรรมนูญทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดมีลักษณะกะทัดรัดได้ใจความและมีกฎหมายมาขยายสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญในขอบเขตที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ และมีลำดับศักดิ์ที่สูงกว่าพระราชบัญญัติทั่วไปส่งผลให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแก้ไขยากกว่ากฎหมายธรรมดาแต่ง่ายกว่ารัฐธรรมนูญ
สำหรับรัฐธรรมนูญของประเทศไทยได้กำหนดให้การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไว้แตกต่างจากพระราชบัญญัติอันสะท้อนให้เห็นว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีความสำคัญมากกว่าพระราชบัญญัติทั่วไปตามแนวคิดที่ 2 ที่เดินตามแนวทางของประเทศฝรั่งเศส ดังนั้น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญจึงมีสถานะหรือลำดับศักดิ์ที่ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญแต่สูงกว่าพระราชบัญญัติทั่วไป
2. การตราและความพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเห็นผลในเชิงรูปธรรมชัดเจนภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550 อันเป็นผลเพื่อต้องการหรือขยายผลให้มีความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย ภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540 ที่เกิดคำว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” เป็นครั้งแรกซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีเพียงพระราชบัญญัติและพระราชกำหนดเท่านั้น
ลักษณะพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีดังนี้
1) ผู้มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (มาตรา 131) จะเสนอได้ก็แต่โดย
(1) คณะรัฐมนตรี โดยข้อเสนอแนะของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง
(2) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
2) การตราร่างพระราชประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ จะตราขึ้นเป็นกฎหมายได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนดเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากระบวนการร่างกฎหมายทั้งสองเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มีกระบวนการควบคุมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญได้กำหนดในส่วนที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติทั่วไป ดังนี้ (มาตรา 132)
(1) การเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้เสนอต่อรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา
(2) เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อทักท้วงภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างดังกล่าว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป
(3) ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบมีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้ ให้เสนอความเห็นไปยังรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นดังกล่าว ในการนี้ ให้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมตามข้อเสนอของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระตามที่เห็นสมควรได้ และเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป
3. ประเภทของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดจำนวน 10 ฉบับ ดังนี้ (มาตรา 130)
(1) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
(3) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน
(6) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(7) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
(8) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
(9) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(10) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้การตราร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แต่รัฐสภาก็ไม่อาจตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอื่นใดนอกเหนือไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
4. บทเฉพาะกาลเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ (2560)
4.1 ผู้ที่มีหน้าที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ได้กำหนดให้ “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 10 ฉบับให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (มาตรา 267 วรรคแรก) และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เสนอตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 267 วรรคสอง)
4.2 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
1) สภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเวลาหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญใดไม่แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าวให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนั้นตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเสนอ (มาตรา 267 วรรคสี่)
2) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จให้ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา (มาตรา 267 วรรคห้า)
ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้แจ้งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมอบหมายฝ่ายละห้าคน เพื่อพิจารณาแล้วเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อให้ความเห็นชอบ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่ถึงสองในสามดังกล่าว ให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๘๑ (มาตรา 267 วรรคห้า)
5. บรรณานุกรม
เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน. กรุงเทพ : วิญญูชน. หน้า 255.
วิษณุ เครืองาม. กฎหมายรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพ : นิติบรรณาการ. 2530. หน้า 31.
6. หนังสือแนะนำ
เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน. กรุงเทพ : วิญญูชน. 2561.
มานิตย์ จุมปา. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550). กรุงเทพ : บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด. 2553.
วิษณุ เครืองาม. กฎหมายรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพ : นิติบรรณาการ. 2530.
[1] วิษณุ เครืองาม, กฎหมายรัฐธรรมนูญ, กรุงเทพ : นิติบรรณาการ, 2530, หน้า 31.
[2] เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์, หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน, กรุงเทพ : วิญญูชน, หน้า 255.
[3] เรื่องเดียวกัน, หน้า 256