ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2560)"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างหน้าด้วย "<div> ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมา..."
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
<div>
<div>
ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล
ผู้เรียบเรียง&nbsp;: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายภัทระ คำพิทักษ์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ&nbsp;: นายภัทระ คำพิทักษ์


----
----
บรรทัดที่ 12: บรรทัดที่ 12:
== '''1. แนวความคิดของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' ==
== '''1. แนวความคิดของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' ==
</div>  
</div>  
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดกฎเกณฑ์การปกครองประเทศซึ่งแยกรายละเอียดต่างหากออกไปจากรัฐธรรมนูญ[[#_ftn1|[1]]] พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญจึงเป็นกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติประเภทหนึ่งที่มีสถานะต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ แต่สูงกว่าพระราชบัญญัติธรรมดา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ[[#_ftn2|[2]]] ดังนั้น ในส่วนของการแก้ไขจึงต้องพิเศษกว่ากฎหมายธรรมดา โดยกระบวนการและวิธีแก้ไขต้องมีการบัญญัติไว้ชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ]]เป็นกฎหมายประกอบ[[รัฐธรรมนูญ|รัฐธรรมนูญ]]ที่กำหนดกฎเกณฑ์การปกครองประเทศซึ่งแยกรายละเอียดต่างหากออกไปจากรัฐธรรมนูญ[[#_ftn1|[1]]] [[พระราชบัญญัติ|พระราชบัญญัติ]]ประกอบรัฐธรรมนูญจึงเป็นกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติประเภทหนึ่งที่มีสถานะต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ แต่สูงกว่าพระราชบัญญัติธรรมดา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ[[#_ftn2|[2]]] ดังนั้น ในส่วนของการแก้ไขจึงต้องพิเศษกว่ากฎหมายธรรมดา โดยกระบวนการและวิธีแก้ไขต้องมีการบัญญัติไว้ชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; แนวคิดเบื้องต้นของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอาจสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ[[#_ftn3|[3]]]
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; แนวคิดเบื้องต้นของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอาจสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ[[#_ftn3|[3]]]
บรรทัดที่ 26: บรรทัดที่ 26:
== '''2. การตราและความพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' ==
== '''2. การตราและความพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ''' ==
</div>  
</div>  
ความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเห็นผลในเชิงรูปธรรมชัดเจนภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อันเป็นผลเพื่อต้องการหรือขยายผลให้มีความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย ภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ที่เกิดคำว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” เป็นครั้งแรกซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีเพียงพระราชบัญญัติและพระราชกำหนดเท่านั้น
ความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเห็นผลในเชิงรูปธรรมชัดเจนภายหลังจากการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550]] อันเป็นผลเพื่อต้องการหรือขยายผลให้มีความชัดเจนในแง่ของ[[ลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย|ลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย]] ภายหลังจากการประกาศใช้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540]] ที่เกิดคำว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” เป็นครั้งแรกซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีเพียงพระราชบัญญัติและ[[พระราชกำหนด|พระราชกำหนด]]เท่านั้น


ลักษณะพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีดังนี้
ลักษณะพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีดังนี้
บรรทัดที่ 32: บรรทัดที่ 32:
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 1) ผู้มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (มาตรา 131) จะเสนอได้ก็แต่โดย
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 1) ผู้มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (มาตรา 131) จะเสนอได้ก็แต่โดย


() คณะรัฐมนตรี โดยข้อเสนอแนะของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(1) [[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]] โดยข้อเสนอแนะของ[[ศาลฎีกา|ศาลฎีกา]] [[ศาลรัฐธรรมนูญ|ศาลรัฐธรรมนูญ]] หรือ[[องค์กรอิสระ|องค์กรอิสระ]]ที่เกี่ยวข้อง


() สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร&nbsp;
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(2) [[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร|สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร&nbsp;


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) การตราร่างพระราชประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ จะตราขึ้นเป็นกฎหมายได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนดเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากระบวนการร่างกฎหมายทั้งสองเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มีกระบวนการควบคุมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญได้กำหนดในส่วนที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติทั่วไป ดังนี้ (มาตรา 132)
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) การตราร่างพระราชประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ จะตราขึ้นเป็นกฎหมายได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของ[[รัฐสภา|รัฐสภา]] (มาตรา 81) แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนดเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากระบวนการร่างกฎหมายทั้งสองเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มีกระบวนการควบคุมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญได้กำหนดในส่วนที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติทั่วไป ดังนี้ (มาตรา 132)


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; (1) การเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้เสนอต่อรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; (1) การเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้เสนอต่อรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และ ต้องมี[[คะแนนเสียง|คะแนนเสียง]]เห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; (2) เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อทักท้วงภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างดังกล่าว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; (2) เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อทักท้วงภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างดังกล่าว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป
บรรทัดที่ 50: บรรทัดที่ 50:
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดจำนวน 10 ฉบับ ดังนี้ (มาตรา 130)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดจำนวน 10 ฉบับ ดังนี้ (มาตรา 130)


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; (1) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
&nbsp;(1) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]


(2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
(2) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา]]


(3) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(3) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง]]


(4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
(4) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง]]


(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน
(5) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน]]


(6) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(6) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต]]


(7) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
(7) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน]]


(8) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
(8) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ]]


(9) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(9) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง]]


(10) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(10) [[พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ|พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ]]


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้การตราร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แต่รัฐสภาก็ไม่อาจตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอื่นใดนอกเหนือไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้การตราร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แต่รัฐสภาก็ไม่อาจตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอื่นใดนอกเหนือไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
บรรทัดที่ 78: บรรทัดที่ 78:
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; '''4.1 ผู้ที่มีหน้าที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ'''
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; '''4.1 ผู้ที่มีหน้าที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ'''


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ได้กำหนดให้ “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 10 ฉบับให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (มาตรา 267 วรรคแรก) และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เสนอตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 267 วรรคสอง)
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ได้กำหนดให้ “[[คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ|คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ]]จัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 10 ฉบับให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อ[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ|สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]]เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (มาตรา 267 วรรคแรก) และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เสนอตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 267 วรรคสอง)


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; '''4.2 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ'''
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; '''4.2 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ'''
บรรทัดที่ 86: บรรทัดที่ 86:
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จให้ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา (มาตรา 267 วรรคห้า)
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จให้ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา (มาตรา 267 วรรคห้า)


&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้แจ้งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมอบหมายฝ่ายละห้าคน เพื่อพิจารณาแล้วเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อให้ความเห็นชอบ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่ถึงสองในสามดังกล่าว ให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๘๑ (มาตรา 267 วรรคห้า)
&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้แจ้งให้[[ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ|ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ]]ทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติตั้ง[[คณะกรรมาธิการวิสามัญ|คณะกรรมาธิการวิสามัญ]]ขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมอบหมายฝ่ายละห้าคน เพื่อพิจารณาแล้วเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อให้ความเห็นชอบ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่ถึงสองในสามดังกล่าว ให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๘๑ (มาตรา 267 วรรคห้า)


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 92: บรรทัดที่ 92:
== '''5. บรรณานุกรม''' ==
== '''5. บรรณานุกรม''' ==
</div>  
</div>  
เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. '''หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน.''' กรุงเทพ : วิญญูชน. หน้า 255.
เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. '''หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน.''' กรุงเทพ&nbsp;: วิญญูชน. หน้า 255.


วิษณุ เครืองาม. '''กฎหมายรัฐธรรมนูญ.''' กรุงเทพ : นิติบรรณาการ. 2530. หน้า 31.
วิษณุ เครืองาม. '''กฎหมายรัฐธรรมนูญ.''' กรุงเทพ&nbsp;: นิติบรรณาการ. 2530. หน้า 31.


&nbsp;
&nbsp;
บรรทัดที่ 100: บรรทัดที่ 100:
== '''6. หนังสือแนะนำ''' ==
== '''6. หนังสือแนะนำ''' ==
</div>  
</div>  
เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. '''หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน.''' กรุงเทพ : วิญญูชน. 2561.
เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. '''หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน.''' กรุงเทพ&nbsp;: วิญญูชน. 2561.


มานิตย์ จุมปา. '''ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550).''' กรุงเทพ : บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด. 2553.
มานิตย์ จุมปา. '''ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550).''' กรุงเทพ&nbsp;: บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด. 2553.


วิษณุ เครืองาม. '''กฎหมายรัฐธรรมนูญ.''' กรุงเทพ : นิติบรรณาการ. 2530.
วิษณุ เครืองาม. '''กฎหมายรัฐธรรมนูญ.''' กรุงเทพ&nbsp;: นิติบรรณาการ. 2530.


&nbsp;
&nbsp;
<div>อ้างอิง  
<div>'''อ้างอิง'''
----
----
<div id="ftn1">
<div id="ftn1">
[[#_ftnref1|[1]]] วิษณุ เครืองาม, กฎหมายรัฐธรรมนูญ, กรุงเทพ : นิติบรรณาการ, 2530, หน้า 31.
[[#_ftnref1|[1]]] วิษณุ เครืองาม, กฎหมายรัฐธรรมนูญ, กรุงเทพ&nbsp;: นิติบรรณาการ, 2530, หน้า 31.
</div> <div id="ftn2">
</div> <div id="ftn2">
[[#_ftnref2|[2]]] เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์, หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน, กรุงเทพ : วิญญูชน, หน้า 255.
[[#_ftnref2|[2]]] เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์, หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน, กรุงเทพ&nbsp;: วิญญูชน, หน้า 255.
</div> <div id="ftn3">
</div> <div id="ftn3">
[[#_ftnref3|[3]]] เรื่องเดียวกัน, หน้า 256
[[#_ftnref3|[3]]] เรื่องเดียวกัน, หน้า 256
</div> </div>  
</div> </div>  
[[Category:รัฐธรรมนูญ]]
&nbsp;
 
[[Category:รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 23:39, 18 มีนาคม 2563

ผู้เรียบเรียง : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายภัทระ คำพิทักษ์


พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2560)

 

1. แนวความคิดของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

          พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดกฎเกณฑ์การปกครองประเทศซึ่งแยกรายละเอียดต่างหากออกไปจากรัฐธรรมนูญ[1] พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญจึงเป็นกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติประเภทหนึ่งที่มีสถานะต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ แต่สูงกว่าพระราชบัญญัติธรรมดา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ[2] ดังนั้น ในส่วนของการแก้ไขจึงต้องพิเศษกว่ากฎหมายธรรมดา โดยกระบวนการและวิธีแก้ไขต้องมีการบัญญัติไว้ชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ

          แนวคิดเบื้องต้นของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอาจสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ[3]

                    1. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายลักษณะธรรมดามีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหาสาระที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ มีลำดับศักดิ์เท่ากับกฎหมายธรรมดา เพราะกระบวนการจัดทำและแก้ไขเหมือนกฎหมายธรรมดา

                    2. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่าเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และระบุให้มีการตรากฎหมายดังกล่าวมาเพื่อเสริมรัฐธรรมนูญทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดมีลักษณะกะทัดรัดได้ใจความและมีกฎหมายมาขยายสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญในขอบเขตที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ และมีลำดับศักดิ์ที่สูงกว่าพระราชบัญญัติทั่วไปส่งผลให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแก้ไขยากกว่ากฎหมายธรรมดาแต่ง่ายกว่ารัฐธรรมนูญ

          สำหรับรัฐธรรมนูญของประเทศไทยได้กำหนดให้การตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไว้แตกต่างจากพระราชบัญญัติอันสะท้อนให้เห็นว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีความสำคัญมากกว่าพระราชบัญญัติทั่วไปตามแนวคิดที่ 2 ที่เดินตามแนวทางของประเทศฝรั่งเศส ดังนั้น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญจึงมีสถานะหรือลำดับศักดิ์ที่ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญแต่สูงกว่าพระราชบัญญัติทั่วไป 

 

2. การตราและความพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

ความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเห็นผลในเชิงรูปธรรมชัดเจนภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2550 อันเป็นผลเพื่อต้องการหรือขยายผลให้มีความชัดเจนในแง่ของลำดับศักดิ์ทางกฎหมาย ภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540 ที่เกิดคำว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” เป็นครั้งแรกซึ่งแตกต่างจากเดิมที่มีเพียงพระราชบัญญัติและพระราชกำหนดเท่านั้น

ลักษณะพิเศษของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีดังนี้

          1) ผู้มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (มาตรา 131) จะเสนอได้ก็แต่โดย

                  (1) คณะรัฐมนตรี โดยข้อเสนอแนะของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง

                  (2) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร 

          2) การตราร่างพระราชประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ จะตราขึ้นเป็นกฎหมายได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะกำหนดเช่นนี้ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากระบวนการร่างกฎหมายทั้งสองเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มีกระบวนการควบคุมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญได้กำหนดในส่วนที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติทั่วไป ดังนี้ (มาตรา 132)

                    (1) การเสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้เสนอต่อรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบวัน และ ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา

                    (2) เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญให้รัฐสภาส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อทักท้วงภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างดังกล่าว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป

                    (3) ในกรณีที่ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบมีข้อความใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้ ให้เสนอความเห็นไปยังรัฐสภา และให้รัฐสภาประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นดังกล่าว ในการนี้ ให้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมตามข้อเสนอของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระตามที่เห็นสมควรได้ และเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป

 

3. ประเภทของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดจำนวน 10 ฉบับ ดังนี้ (มาตรา 130)

 (1) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

(2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

(3) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

(4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน

(6) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

(7) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน

(8) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

(9) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

(10) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

          ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้การตราร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา (มาตรา 81) แต่รัฐสภาก็ไม่อาจตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอื่นใดนอกเหนือไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

 

4. บทเฉพาะกาลเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ (2560)

          4.1 ผู้ที่มีหน้าที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

          รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ได้กำหนดให้ “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 10 ฉบับให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ (มาตรา 267 วรรคแรก) และเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เสนอตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 267 วรรคสอง)

          4.2 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

                    1) สภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเวลาหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญใดไม่แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าวให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนั้นตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเสนอ (มาตรา 267 วรรคสี่)

                    2) เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จให้ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา (มาตรา 267 วรรคห้า)

                    ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้แจ้งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้น และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือประธานองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมอบหมายฝ่ายละห้าคน เพื่อพิจารณาแล้วเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อให้ความเห็นชอบ ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป ในกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติไม่ถึงสองในสามดังกล่าว ให้ถือว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบตามร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๘๑ (มาตรา 267 วรรคห้า)

 

5. บรรณานุกรม

เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน. กรุงเทพ : วิญญูชน. หน้า 255.

วิษณุ เครืองาม. กฎหมายรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพ : นิติบรรณาการ. 2530. หน้า 31.

 

6. หนังสือแนะนำ

เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์. หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน. กรุงเทพ : วิญญูชน. 2561.

มานิตย์ จุมปา. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ.2550). กรุงเทพ : บริษัทแอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด. 2553.

วิษณุ เครืองาม. กฎหมายรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพ : นิติบรรณาการ. 2530.

 

อ้างอิง

[1] วิษณุ เครืองาม, กฎหมายรัฐธรรมนูญ, กรุงเทพ : นิติบรรณาการ, 2530, หน้า 31.

[2] เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์, หลักพื้นฐานกฎหมายมหาชน, กรุงเทพ : วิญญูชน, หน้า 255.

[3] เรื่องเดียวกัน, หน้า 256