ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเสนอญัตติ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 2 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' : นายจเร พันธุ์เปรื่อง | '''ผู้เรียบเรียง''' : นางสาวชัชฎาภรณ์ ประยูรวงษ์ | ||
'''ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ''' : นายจเร พันธุ์เปรื่อง | |||
---- | ---- | ||
การเสนอญัตติเป็นกลไกอย่างหนึ่งในการดำเนินงานของ[[รัฐสภา|รัฐสภา]] ซึ่งในการเสนอเรื่องต่างๆเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาจะต้องเสนอเป็นญัตติญัตติจึงมีความสำคัญที่ใช้ในการ[[ตรากฎหมาย|ตรากฎหมาย]] การ[[ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน|ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน]] และการ[[ประชุมสภา|ประชุมสภา]] อาทิ การ[[พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ|พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ]] [[การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี_หรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคล|การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคล]] [[การตั้งกรรมาธิการ|การตั้งกรรมาธิการ]] โดยการเสนอญัตตินี้ใช้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา และการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามบทบัญญัติของ[[รัฐธรรมนูญ|รัฐธรรมนูญ]]และ[[ข้อบังคับการประชุม|ข้อบังคับการประชุม]] ซึ่งทำให้[[สมาชิกรัฐสภา|สมาชิกรัฐสภา]]สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเสนอญัตติเพื่อให้สภาพิจารณาและ[[ลงมติ|ลงมติ]] อันจะส่งผลให้การดำเนินงานของสภาบรรลุความมุ่งหมายและได้มาซึ่งข้อตกลงในการดำเนินงานของสภาร่วมกัน | |||
==ความหมายของญัตติ== | == ความหมายของญัตติ == | ||
ญัตติ หมายถึง เรื่อง ปัญหา หรือประเด็น | ญัตติ หมายถึง เรื่อง ปัญหา หรือประเด็น ที่สมาชิกรัฐสภาหรือ[[คณะรัฐมนตรี|คณะรัฐมนตรี]]เสนอเข้าสู่การพิจารณาของ[[สภาผู้แทนราษฎร|สภาผู้แทนราษฎร]] [[วุฒิสภา|วุฒิสภา]] หรือรัฐสภา เพื่อให้มีการลงมติในเรื่อง ปัญหา หรือประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีความหมายว่า ข้อเสนอใด ๆ ที่มีความมุ่งหมายจะให้รัฐสภาลงมติหรือวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป<ref>คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. หน้า 319. </ref> | ||
==ประเภทของญัตติ== | == ประเภทของญัตติ == | ||
จากการพิจารณาบทบัญญัติของ[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พ.ศ._2550|รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550]] [[ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร_พ.ศ._2551|ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551]] และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 อาจแบ่งประเภทของ[[ญัตติ|ญัตติ]]ได้ 2 ประเภท โดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการเสนอญัตตินั้น ๆ ว่ามีความต้องการให้รัฐสภาดำเนินการอย่างไร คือ | |||
1. ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ | '''1. ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ''' | ||
2. ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ | '''2. ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ''' | ||
'''1. | '''1. ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ''' | ||
ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ | ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยื่นเสนอต่อ[[ประธานสภา|ประธานสภา]]และต้องเสนอล่วงหน้า ญัตติประเภทนี้มักเป็นญัตติสำคัญที่เสนอให้รัฐสภาพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งก็หมายถึงญัตติหลักที่สำคัญที่สมาชิกสภาจะต้องมีโอกาสนำไปศึกษาล่วงหน้า เช่น [[ญัตติร่างพระราชบัญญัติ|ญัตติร่างพระราชบัญญัติ]] [[ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ|ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ]] [[ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล|ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล]] เป็นต้น<ref>สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. คู่มือการยกร่างญัตติและกระทู้ถาม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2556) (31 ตุลาคม 2556) สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 จากwww.parliament.go.th/ewtadmin/ewt.../article_20131031100115.doc. </ref> | ||
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 37-43 ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือมีดังนี้ | ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 37-43 ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือมีดังนี้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,ธันวาคม 2553. หน้า 15-17. </ref> | ||
1. ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ | 1. ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ | ||
บรรทัดที่ 36: | บรรทัดที่ 38: | ||
6. ญัตติขอให้สภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสภา | 6. ญัตติขอให้สภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสภา | ||
7. | 7. ญัตติขอให้สภามีมติในกรณีมี[[ความขัดแย้ง|ความขัดแย้ง]]เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างสภา คณะรัฐมนตรี หรือ[[องค์กรตามรัฐธรรมนูญ|องค์กรตามรัฐธรรมนูญ]]ที่มิใช่[[ศาล|ศาล]]ตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป | ||
8. | 8. ญัตติขอให้สภาตั้ง[[คณะกรรมาธิการ|คณะกรรมาธิการ]]หรือขอให้[[คณะกรรมาธิการวิสามัญ|คณะกรรมาธิการวิสามัญ]]คณะใดคณะหนึ่ง กระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภา | ||
ญัตติดังกล่าวอาจเสนอเป็น[[ญัตติด่วน|ญัตติด่วน]] เพื่อเสนอให้สภาพิจารณาเป็นการด่วนได้ ถ้าเป็นกรณีที่เกี่ยวกับประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน หรือมีความจำเป็นรีบด่วนในอันที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศไม่ว่าในทางเศรษฐกิจหรือในทางใด ๆ ก็ตาม หรือในอันที่จะขจัดเหตุใด ๆ ที่กระทบกระเทือนต่อเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ญัตติด่วน ต้องไม่มีลักษณะทำนองเดียวกับ[[กระทู้ถาม|กระทู้ถาม]]และต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สภาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งประธานสภาจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเป็นญัตติด่วนหรือไม่และแจ้งให้ผู้เสนอญัตติทราบถึงคำวินิจฉัยพร้อมด้วยเหตุผลภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ ญัตติที่เป็น ญัตติด่วนประธานสภาต้องบรรจุเข้าระเบียบ[[วาระการประชุม|วาระการประชุม]]เป็นเรื่องด่วน | |||
ในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ(ข้อ 35 - 39) | ในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ(ข้อ 35 - 39)<ref>เรื่องเดียวกัน, หน้า 106 -108. </ref> มีดังนี้ | ||
1. การขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง | 1. การขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับ[[การบริหารราชการแผ่นดิน|การบริหารราชการแผ่นดิน]]โดยไม่มีการลงมติ | ||
2. | 2. ญัตติเพื่อให้วุฒิสภามีมติให้[[ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภ|ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภ]]าออกจากตำแหน่งได้ | ||
3. ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ | 3. ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ | ||
บรรทัดที่ 52: | บรรทัดที่ 54: | ||
4. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา | 4. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา | ||
5. | 5. ญัตติขอให้[[คณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา|คณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา]] หรือญัตติขอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการสามัญหรือคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อกระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ[[วุฒิสภา|วุฒิสภา]] | ||
6. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติในกรณีมีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป | 6. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติในกรณีมีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป | ||
ส่วนญัตติขอให้ประชุมลับ โดยปกติแล้วการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา จะประชุมโดยเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ แต่บางกรณีเป็นเรื่องที่ยังไม่ควรเปิดเผยเพราะอาจมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศชาติ | ส่วนญัตติขอให้ประชุมลับ โดยปกติแล้วการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา จะประชุมโดยเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ แต่บางกรณีเป็นเรื่องที่ยังไม่ควรเปิดเผยเพราะอาจมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศชาติ เมื่อคณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาตามจำนวนที่กำหนดร้องขอให้ประชุมลับ ก็ให้ประชุมลับ ในทางปฏิบัติประธานที่ประชุมสภาจะอนุญาตให้เสนอในที่ประชุมสภา ถ้าคณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกของแต่ละสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือจำนวนสมาชิกของทั้งสองสภาเท่าที่มีอยู่รวมกัน แล้วแต่กรณี ร้องขอให้ประชุมลับ ก็ให้ประชุมลับ<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. หน้า 103. </ref> | ||
'''2. | '''2. ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ''' | ||
ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ไม่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้เสนอสามารถเสนอต่อที่ประชุมสภาด้วยวาจา ญัตติประเภทนี้จะเป็นญัตติที่เกี่ยวกับวิธีการประชุม เพื่อให้การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย | ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ไม่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้เสนอสามารถเสนอต่อที่ประชุมสภาด้วยวาจา ญัตติประเภทนี้จะเป็นญัตติที่เกี่ยวกับวิธีการประชุม เพื่อให้การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย<ref>จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536). หน้า 17. </ref> ญัตติที่เสนอด้วยวาจานั้นจะต้องเป็นญัตติที่ข้อบังคับการประชุมกำหนดให้เสนอด้วยวาจาได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญัตติที่เกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการประชุมสภา เพื่อช่วยให้การพิจารณาญัตติหลักสำเร็จลง เช่น ญัตติขอปรึกษาหรือให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วน ญัตติเสนอขอให้เปลี่ยนระเบียบวาระการประชุมญัตติขอให้งดการใช้ข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งหมด หรือญัตติขอให้เปิดอภิปราย เป็นต้น ซึ่งญัตติที่เสนอด้วยวาจานั้นจะมีผู้รับรองโดยผู้รับรองต้องแสดงการรับรองโดยยกมือขึ้นพ้นศีรษะ <ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ธันวาคม 2553. หน้า 19. ข้อ 51 – 52. </ref> | ||
ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ (ข้อ 46) | ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ (ข้อ 46)<ref>เรื่องเดียวกัน, หน้า 17-18. </ref> มีดังนี้ | ||
1. ญัตติขอให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วน | 1. ญัตติขอให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วน | ||
บรรทัดที่ 96: | บรรทัดที่ 98: | ||
16. ญัตติที่ประธานอนุญาตตามที่เห็นสมควร | 16. ญัตติที่ประธานอนุญาตตามที่เห็นสมควร | ||
ส่วนในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสืออยู่ในข้อ 40 | ส่วนในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสืออยู่ในข้อ 40<ref>เรื่องเดียวกัน, หน้า 108. </ref> ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับข้อกำหนดในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 | ||
ญัตตินั้นอาจตกไปหากที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณาทำให้ญัตติเดิมตกไป หรือกรณีผู้เสนอญัตติหรือผู้แปรญัตติไม่ชี้แจงในที่ประชุม ไม่อยู่ในที่ประชุมโดยไม่มีผู้รับมอบหมายให้ชี้แจงแทน ก็ทำให้ญัตติตกเช่นเดียวกัน | ญัตตินั้นอาจตกไปหากที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณาทำให้ญัตติเดิมตกไป หรือกรณีผู้เสนอญัตติหรือผู้แปรญัตติไม่ชี้แจงในที่ประชุม ไม่อยู่ในที่ประชุมโดยไม่มีผู้รับมอบหมายให้ชี้แจงแทน ก็ทำให้ญัตติตกเช่นเดียวกัน | ||
==การเสนอญัตติและรับรองญัตติ== | == การเสนอญัตติและรับรองญัตติ == | ||
การเสนอญัตติและรับรองญัตติ จะต้องกระทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ไว้โดยเฉพาะ | การเสนอญัตติและรับรองญัตติ จะต้องกระทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ไว้โดยเฉพาะ | ||
ผู้มีสิทธิเสนอญัตติ ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี | ผู้มีสิทธิเสนอญัตติ ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี ศาลหรือ[[องค์กรอิสระ|องค์กรอิสระ]]ตามรัฐธรรมนูญและ[[ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง|ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง]]ตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด | ||
จำนวนผู้เสนอญัตติ การเสนอญัตติใดๆ สามารถเสนอได้โดยผู้เสนอญัตติหนึ่งคนขึ้นไป แต่บางญัตติมีการกำหนดจำนวนผู้เสนอญัตติไว้ว่าจะต้องมีจำนวนเท่าไรเป็นอย่างน้อย เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กำหนดให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้า ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จึงมีสิทธิเสนอญัตตินี้ได้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. หน้า 116. </ref> หรือญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ กำหนดให้มีจำนวนสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ของวุฒิสภา จึงมีสิทธิเสนอญัตติดังกล่าวได้<ref>เรื่องเดียวกัน, หน้า 118. </ref> เป็นต้น | |||
[[ผู้รับรองญัตติ|ผู้รับรองญัตติ]] โดยทั่วไปนั้น การเสนอญัตติเพื่อให้ที่ประชุมสภาพิจารณาจะต้องมีผู้รับรองญัตติ การรับรองญัตติเป็นการแสดงว่ามีผู้สนใจและต้องการให้มีการพิจารณาญัตตินั้น สมาชิกสภาทุกคนเป็นผู้มีสิทธิรับรองญัตติซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้เสนอได้<ref>สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ระบบงานรัฐสภา. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2555 หน้า 66. </ref> การเสนอญัตติต่อที่ประชุมสภาโดยทั่วไปจะกำหนดให้มีผู้รับรองญัตติไม่น้อยกว่าห้าคน เว้นแต่ถ้ามีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับการประชุมสภากำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัตินั้น เช่น ญัตติขอให้สภามีมติให้[[รัฐมนตรี|รัฐมนตรี]]เข้าร่วมประชุมสภา ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีผู้รับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน<ref> สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ธันวาคม 2553. หน้า 15.ข้อ 39. </ref>หรือญัตติขอให้วุฒิสภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา ในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีผู้รับรองไม่น้อยกว่า สิบคน<ref>เรื่องเดียวกัน. หน้า 88. </ref> | |||
นอกจากนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาได้กำหนดประเภทของญัตติที่ไม่ต้องมีผู้รับรองญัตติ เช่น ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ หรือญัตติที่ต้องใช้สมาชิกจำนวนมากร่วมลงชื่อเสนอ เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ญัตติที่เป็น[[ร่างพระราชบัญญัติ|ร่างพระราชบัญญัติ]] เป็นต้น ญัตติที่เสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือ ผู้เสนอและผู้รับรองญัตติต้องลงลายมือชื่อในญัตตินั้น ส่วนญัตติที่ ไม่ต้องเสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือ ให้ผู้รับรองญัตติแสดงการรับรองโดยวิธี[[ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ|ยกมือขึ้นพ้นศีรษะ]] <ref>เรื่องเดียวกัน.หน้า 19. ข้อ 51 – 52. </ref> | |||
== อ้างอิง == | |||
<references /> | |||
==บรรณานุกรม== | == บรรณานุกรม == | ||
คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์'''. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. | คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์'''. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. | ||
จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” '''รัฐสภาสาร'''. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536). | จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” '''รัฐสภาสาร'''. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536). | ||
บรรทัดที่ 121: | บรรทัดที่ 126: | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551'''. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ธันวาคม 2553. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551'''. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ธันวาคม 2553. | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ระบบงานรัฐสภา'''. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,2555. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ระบบงานรัฐสภา'''. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,2555. | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย'''. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, มีนาคม 2554. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย'''. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, มีนาคม 2554. | ||
==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ== | == หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ == | ||
คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์'''. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. | คณิน บุญสุวรรณ. '''ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์'''. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551''' '''ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551'''. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551''' '''ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551'''. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551. | ||
บรรทัดที่ 133: | บรรทัดที่ 138: | ||
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย'''. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. | สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. '''รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย'''. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. | ||
==ดูเพิ่มเติม== | == ดูเพิ่มเติม == | ||
1. คำแปรญัตติ | 1. คำแปรญัตติ | ||
2. แปรญัตติ | 2. แปรญัตติ | ||
3. สงวนคำแปรญัตติ | 3. สงวนคำแปรญัตติ | ||
[[ | [[Category:กิจกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการทางนิติบัญญัติ]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:28, 3 กรกฎาคม 2560
ผู้เรียบเรียง : นางสาวชัชฎาภรณ์ ประยูรวงษ์
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง
การเสนอญัตติเป็นกลไกอย่างหนึ่งในการดำเนินงานของรัฐสภา ซึ่งในการเสนอเรื่องต่างๆเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาจะต้องเสนอเป็นญัตติญัตติจึงมีความสำคัญที่ใช้ในการตรากฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการประชุมสภา อาทิ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคล การตั้งกรรมาธิการ โดยการเสนอญัตตินี้ใช้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา และการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุม ซึ่งทำให้สมาชิกรัฐสภาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเสนอญัตติเพื่อให้สภาพิจารณาและลงมติ อันจะส่งผลให้การดำเนินงานของสภาบรรลุความมุ่งหมายและได้มาซึ่งข้อตกลงในการดำเนินงานของสภาร่วมกัน
ความหมายของญัตติ
ญัตติ หมายถึง เรื่อง ปัญหา หรือประเด็น ที่สมาชิกรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภา เพื่อให้มีการลงมติในเรื่อง ปัญหา หรือประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีความหมายว่า ข้อเสนอใด ๆ ที่มีความมุ่งหมายจะให้รัฐสภาลงมติหรือวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป[1]
ประเภทของญัตติ
จากการพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 อาจแบ่งประเภทของญัตติได้ 2 ประเภท โดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการเสนอญัตตินั้น ๆ ว่ามีความต้องการให้รัฐสภาดำเนินการอย่างไร คือ
1. ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
2. ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
1. ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
ญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยื่นเสนอต่อประธานสภาและต้องเสนอล่วงหน้า ญัตติประเภทนี้มักเป็นญัตติสำคัญที่เสนอให้รัฐสภาพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งก็หมายถึงญัตติหลักที่สำคัญที่สมาชิกสภาจะต้องมีโอกาสนำไปศึกษาล่วงหน้า เช่น ญัตติร่างพระราชบัญญัติ ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นต้น[2]
ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 37-43 ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือมีดังนี้[3]
1. ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
2. ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติ
3. ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
4. ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
5. ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
6. ญัตติขอให้สภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสภา
7. ญัตติขอให้สภามีมติในกรณีมีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป
8. ญัตติขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการหรือขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญคณะใดคณะหนึ่ง กระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภา
ญัตติดังกล่าวอาจเสนอเป็นญัตติด่วน เพื่อเสนอให้สภาพิจารณาเป็นการด่วนได้ ถ้าเป็นกรณีที่เกี่ยวกับประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน หรือมีความจำเป็นรีบด่วนในอันที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศไม่ว่าในทางเศรษฐกิจหรือในทางใด ๆ ก็ตาม หรือในอันที่จะขจัดเหตุใด ๆ ที่กระทบกระเทือนต่อเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ญัตติด่วน ต้องไม่มีลักษณะทำนองเดียวกับกระทู้ถามและต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สภาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งประธานสภาจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเป็นญัตติด่วนหรือไม่และแจ้งให้ผู้เสนอญัตติทราบถึงคำวินิจฉัยพร้อมด้วยเหตุผลภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ ญัตติที่เป็น ญัตติด่วนประธานสภาต้องบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน
ในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551ได้กำหนดญัตติที่ต้องเสนอเป็นหนังสือ(ข้อ 35 - 39)[4] มีดังนี้
1. การขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ
2. ญัตติเพื่อให้วุฒิสภามีมติให้ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภาออกจากตำแหน่งได้
3. ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
4. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา
5. ญัตติขอให้คณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา หรือญัตติขอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการสามัญหรือคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อกระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือศึกษาเรื่องใด ๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา
6. ญัตติขอให้วุฒิสภามีมติในกรณีมีความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มิใช่ศาลตั้งแต่สององค์กรขึ้นไป
ส่วนญัตติขอให้ประชุมลับ โดยปกติแล้วการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา จะประชุมโดยเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ แต่บางกรณีเป็นเรื่องที่ยังไม่ควรเปิดเผยเพราะอาจมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศชาติ เมื่อคณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาตามจำนวนที่กำหนดร้องขอให้ประชุมลับ ก็ให้ประชุมลับ ในทางปฏิบัติประธานที่ประชุมสภาจะอนุญาตให้เสนอในที่ประชุมสภา ถ้าคณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกของแต่ละสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือจำนวนสมาชิกของทั้งสองสภาเท่าที่มีอยู่รวมกัน แล้วแต่กรณี ร้องขอให้ประชุมลับ ก็ให้ประชุมลับ[5]
2. ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ
ญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ คือ ญัตติที่ไม่ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยผู้เสนอสามารถเสนอต่อที่ประชุมสภาด้วยวาจา ญัตติประเภทนี้จะเป็นญัตติที่เกี่ยวกับวิธีการประชุม เพื่อให้การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย[6] ญัตติที่เสนอด้วยวาจานั้นจะต้องเป็นญัตติที่ข้อบังคับการประชุมกำหนดให้เสนอด้วยวาจาได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญัตติที่เกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการประชุมสภา เพื่อช่วยให้การพิจารณาญัตติหลักสำเร็จลง เช่น ญัตติขอปรึกษาหรือให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วน ญัตติเสนอขอให้เปลี่ยนระเบียบวาระการประชุมญัตติขอให้งดการใช้ข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งหมด หรือญัตติขอให้เปิดอภิปราย เป็นต้น ซึ่งญัตติที่เสนอด้วยวาจานั้นจะมีผู้รับรองโดยผู้รับรองต้องแสดงการรับรองโดยยกมือขึ้นพ้นศีรษะ [7]
ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสือ (ข้อ 46)[8] มีดังนี้
1. ญัตติขอให้พิจารณาเป็นเรื่องด่วน
2. ญัตติขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม
3. ญัตติขอให้ลงมติไม่ให้จดรายงานการประชุมลับครั้งใดทั้งหมด หรือแต่เพียงบางส่วนก็ได้แต่ให้มีบันทึกเหตุการณ์ไว้
4. ญัตติขอให้ลงมติห้ามโฆษณาข้อความอันเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน ที่ได้กล่าวหรือปรากฏในการประชุม
5. ญัตติขอแปรญัตติเฉพาะในเรื่องที่ไม่ใช่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือร่างพระราชบัญญัติ
6. ญัตติขอให้รวมระเบียบวาระการประชุมที่เป็นเรื่องเดียวกัน ทำนองเดียวกัน หรือเกี่ยวเนื่องกันเพื่อพิจารณาพร้อมกัน
7. ญัตติขอให้ส่งปัญหาไปยังคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณา
8. ญัตติขอให้บุคคลใดส่งเอกสารมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น
9. ญัตติขอให้รวมหรือแยกประเด็นพิจารณา หรือลงมติ
10. ญัตติขอให้เลื่อนการปรึกษาหรือพิจารณา
11. ญัตติขอให้ปิดอภิปราย แต่จะเสนอในคราวเดียวกับการอภิปรายของตนไม่ได้
12. ญัตติขอให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณา แต่จะเสนอในคราวเดียวกับการอภิปรายของตนไม่ได้ เพราะอาจมีผลทำให้ญัตติเดิมตกไป และห้ามเสนอในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ
13. ญัตติเสนอวิธีลงคะแนนเสียงในการออกเสียงลงคะแนนโดยเปิดเผยหรือลับ
14. ญัตติขอให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ โดยคณะกรรมาธิการที่สภาตั้งหรือคณะกรรมาธิการเต็มสภา
15. ญัตติขอให้งดใช้ข้อบังคับการประชุมข้อใดข้อหนึ่งทั้งหมด หรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี
16. ญัตติที่ประธานอนุญาตตามที่เห็นสมควร
ส่วนในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ได้กำหนดญัตติที่ไม่ต้องเสนอเป็นหนังสืออยู่ในข้อ 40[9] ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับข้อกำหนดในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551
ญัตตินั้นอาจตกไปหากที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษาหรือพิจารณาทำให้ญัตติเดิมตกไป หรือกรณีผู้เสนอญัตติหรือผู้แปรญัตติไม่ชี้แจงในที่ประชุม ไม่อยู่ในที่ประชุมโดยไม่มีผู้รับมอบหมายให้ชี้แจงแทน ก็ทำให้ญัตติตกเช่นเดียวกัน
การเสนอญัตติและรับรองญัตติ
การเสนอญัตติและรับรองญัตติ จะต้องกระทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 และข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ไว้โดยเฉพาะ
ผู้มีสิทธิเสนอญัตติ ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี ศาลหรือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด
จำนวนผู้เสนอญัตติ การเสนอญัตติใดๆ สามารถเสนอได้โดยผู้เสนอญัตติหนึ่งคนขึ้นไป แต่บางญัตติมีการกำหนดจำนวนผู้เสนอญัตติไว้ว่าจะต้องมีจำนวนเท่าไรเป็นอย่างน้อย เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กำหนดให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้า ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จึงมีสิทธิเสนอญัตตินี้ได้[10] หรือญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ กำหนดให้มีจำนวนสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ของวุฒิสภา จึงมีสิทธิเสนอญัตติดังกล่าวได้[11] เป็นต้น
ผู้รับรองญัตติ โดยทั่วไปนั้น การเสนอญัตติเพื่อให้ที่ประชุมสภาพิจารณาจะต้องมีผู้รับรองญัตติ การรับรองญัตติเป็นการแสดงว่ามีผู้สนใจและต้องการให้มีการพิจารณาญัตตินั้น สมาชิกสภาทุกคนเป็นผู้มีสิทธิรับรองญัตติซึ่งตนไม่ได้เป็นผู้เสนอได้[12] การเสนอญัตติต่อที่ประชุมสภาโดยทั่วไปจะกำหนดให้มีผู้รับรองญัตติไม่น้อยกว่าห้าคน เว้นแต่ถ้ามีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับการประชุมสภากำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัตินั้น เช่น ญัตติขอให้สภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสภา ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีผู้รับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน[13]หรือญัตติขอให้วุฒิสภามีมติให้รัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมวุฒิสภา ในข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551 กำหนดให้มีผู้รับรองไม่น้อยกว่า สิบคน[14]
นอกจากนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาได้กำหนดประเภทของญัตติที่ไม่ต้องมีผู้รับรองญัตติ เช่น ญัตติที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ หรือญัตติที่ต้องใช้สมาชิกจำนวนมากร่วมลงชื่อเสนอ เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ญัตติที่เป็นร่างพระราชบัญญัติ เป็นต้น ญัตติที่เสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือ ผู้เสนอและผู้รับรองญัตติต้องลงลายมือชื่อในญัตตินั้น ส่วนญัตติที่ ไม่ต้องเสนอล่วงหน้าเป็นหนังสือ ให้ผู้รับรองญัตติแสดงการรับรองโดยวิธียกมือขึ้นพ้นศีรษะ [15]
อ้างอิง
- ↑ คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548. หน้า 319.
- ↑ สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. คู่มือการยกร่างญัตติและกระทู้ถาม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2556) (31 ตุลาคม 2556) สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 จากwww.parliament.go.th/ewtadmin/ewt.../article_20131031100115.doc.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,ธันวาคม 2553. หน้า 15-17.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้า 106 -108.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. หน้า 103.
- ↑ จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536). หน้า 17.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ธันวาคม 2553. หน้า 19. ข้อ 51 – 52.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้า 17-18.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้า 108.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554. หน้า 116.
- ↑ เรื่องเดียวกัน, หน้า 118.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ระบบงานรัฐสภา. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2555 หน้า 66.
- ↑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ :สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ธันวาคม 2553. หน้า 15.ข้อ 39.
- ↑ เรื่องเดียวกัน. หน้า 88.
- ↑ เรื่องเดียวกัน.หน้า 19. ข้อ 51 – 52.
บรรณานุกรม
คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548.
จเร พันธุ์เปรื่อง. “ญัตติ” รัฐสภาสาร. ปีที่ 41 ฉบับที่ 6 (มิ.ย. 2536).
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, ธันวาคม 2553.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ระบบงานรัฐสภา. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,2555.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, มีนาคม 2554.
หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ
คณิน บุญสุวรรณ. ปทานุกรม ศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ, 2548.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2551. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2551.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2554.
ดูเพิ่มเติม
1. คำแปรญัตติ
2. แปรญัตติ
3. สงวนคำแปรญัตติ