ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปรับปรุงโครงการศึกษาของชาติ"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
ในรัชกาลของ[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้มีระเบียบการขอรับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนเล่าเรียนหลวงแผนกวิทยาศาสตร์สำหรับการศึกษาในประเทศของกระทรวงธรรมการขึ้น เพื่อให้ชนทุกชั้นเข้าแข่งขันขอรับทุนได้ โดยใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์สำคัญ นอกจากนั้นยังได้เพิ่มทุนแผนกวิทยาศาสตร์ตามพระราชดำริที่ว่า วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ตรวจค้นมูลเหตุได้และกำลังเจริญรุ่งเรือง สามารถนำมาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ ทั้งยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์อีกปีละ ๑ ทุน เพิ่มจากของ[[รัฐบาล]] แสดงถึงความใส่พระราชหฤทัยสนับสนุนการศึกษาในวิชานี้เป็นพิเศษ | |||
การที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ปรับปรุงโครงการศึกษาของชาติในทุกระดับเช่นนี้ | การที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ปรับปรุงโครงการศึกษาของชาติในทุกระดับเช่นนี้ ย่อมเป็นการวางพื้นฐานให้[[พลเมือง]]มีความพร้อมที่จะ[[ปกครองตนเอง]]ใน[[ระบอบประชาธิปไตย]] | ||
เอกสารสำคัญ ซึ่งแสดงความเชื่อมโยงเช่นนี้เป็นเอกสารพระราชกระแสทรงตอบเสนาบดีกระทรวงธรรมการผู้ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเอกสารเกี่ยวกับโครงการการศึกษาของอิตาลีแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จภายใต้การนำของมุสโสลินีขึ้นทอดพระเนตร | เอกสารสำคัญ ซึ่งแสดงความเชื่อมโยงเช่นนี้เป็นเอกสารพระราชกระแสทรงตอบเสนาบดีกระทรวงธรรมการผู้ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเอกสารเกี่ยวกับโครงการการศึกษาของอิตาลีแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จภายใต้การนำของมุสโสลินีขึ้นทอดพระเนตร | ||
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าการที่สยามจะเอาอย่างอิตาลี | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าการที่สยามจะเอาอย่างอิตาลี โดยสอนให้คนไทยนิยม[[สมบูรณาญาสิทธิราชย์]]นั้น ไม่มีทางสำเร็จ อีกทั้งสยามแม้จะใช้ระบบเผด็จการ แต่ก็ดำเนินการแบบ[[ประชาธิปไตย]]หลายอย่าง จึงน่าจะดีกว่าที่จะจัดการศึกษาเพื่อเตรียมการที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นแบบ Constitutional Monarchy หรือ [[ระบบกษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญ]] ซึ่งเป็นประชาธิปไตยประเภทหนึ่ง | ||
พระราชกระแสนี้แสดงว่า ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้การศึกษาทำหน้าที่หนุนเนื่องให้ประชาชนได้เรียนรู้และมีความเท่าทันเพียงพอที่จะปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตย ต่อมาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก็ได้อำนวยให้ประชาชนได้รับรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้นตามลำดับ | พระราชกระแสนี้แสดงว่า ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้การศึกษาทำหน้าที่หนุนเนื่องให้ประชาชนได้เรียนรู้และมีความเท่าทันเพียงพอที่จะปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตย ต่อมาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก็ได้อำนวยให้ประชาชนได้รับรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้นตามลำดับ |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:08, 1 กุมภาพันธ์ 2559
ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีระเบียบการขอรับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนเล่าเรียนหลวงแผนกวิทยาศาสตร์สำหรับการศึกษาในประเทศของกระทรวงธรรมการขึ้น เพื่อให้ชนทุกชั้นเข้าแข่งขันขอรับทุนได้ โดยใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์สำคัญ นอกจากนั้นยังได้เพิ่มทุนแผนกวิทยาศาสตร์ตามพระราชดำริที่ว่า วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ตรวจค้นมูลเหตุได้และกำลังเจริญรุ่งเรือง สามารถนำมาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ ทั้งยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์อีกปีละ ๑ ทุน เพิ่มจากของรัฐบาล แสดงถึงความใส่พระราชหฤทัยสนับสนุนการศึกษาในวิชานี้เป็นพิเศษ
การที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ปรับปรุงโครงการศึกษาของชาติในทุกระดับเช่นนี้ ย่อมเป็นการวางพื้นฐานให้พลเมืองมีความพร้อมที่จะปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตย
เอกสารสำคัญ ซึ่งแสดงความเชื่อมโยงเช่นนี้เป็นเอกสารพระราชกระแสทรงตอบเสนาบดีกระทรวงธรรมการผู้ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเอกสารเกี่ยวกับโครงการการศึกษาของอิตาลีแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จภายใต้การนำของมุสโสลินีขึ้นทอดพระเนตร
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าการที่สยามจะเอาอย่างอิตาลี โดยสอนให้คนไทยนิยมสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ไม่มีทางสำเร็จ อีกทั้งสยามแม้จะใช้ระบบเผด็จการ แต่ก็ดำเนินการแบบประชาธิปไตยหลายอย่าง จึงน่าจะดีกว่าที่จะจัดการศึกษาเพื่อเตรียมการที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นแบบ Constitutional Monarchy หรือ ระบบกษัตริย์ในระบอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นประชาธิปไตยประเภทหนึ่ง
พระราชกระแสนี้แสดงว่า ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้การศึกษาทำหน้าที่หนุนเนื่องให้ประชาชนได้เรียนรู้และมีความเท่าทันเพียงพอที่จะปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตย ต่อมาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก็ได้อำนวยให้ประชาชนได้รับรู้เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้นตามลำดับ
ที่มา
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖