ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เสด็จฯ มณฑลปัตตานี 2471"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
แม้ปัตตานีจะเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลพระนคร แต่ทว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีก็ได้เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงแผ่พระปรีชาคุณแก่ราษฎรในดินแดนใต้สุดแห่งสยามนี้
แม้ปัตตานีจะเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลพระนคร แต่ทว่า[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]และ[[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี]]ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงแผ่พระปรีชาคุณแก่ราษฎรในดินแดนใต้สุดแห่งสยามนี้


พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลปัตตานีถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกในปี พุทธศักราช ๒๔๗๑ เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรที่เมืองปัตตานี ยะลา สายบุรี และนราธิวาส  
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยัง[[มณฑลปัตตานี]]ถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกในปี พุทธศักราช ๒๔๗๑ เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรที่เมืองปัตตานี ยะลา สายบุรี และนราธิวาส  


ทั้งสองพระองค์ได้ทอดพระเนตรกิจการด้านการศึกษาทั้งโรงเรียนกสิกรรม โรงเรียนสอนภาษามลายู และการศาสนาที่มัสยิด รวมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น และวิถีความเป็นอยู่ของราษฎร เช่นการเก็บเกี่ยวข้าวแบบพื้นเมือง ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงแวะที่เมืองสงขลาในมณฑลนครศรีธรรมราช เกาะสมุย และหมู่เกาะอ่างทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ซึ่งพระองค์เคยเสด็จมาแล้วถึง ๒ ครั้ง ในปี พุทธศักราช ๒๔๖๙ และ พุทธศักราช ๒๔๗๐  ครั้งนี้ทรงจารึกพระบรมนามาภิไธยไว้ที่ธารน้ำตกบนเกาะสมุยตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และใน พุทธศักราช ๒๔๗๒ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จไปยังปัตตานีอีกครั้งเพื่อทอดเนตรปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง
ทั้งสองพระองค์ได้ทอดพระเนตรกิจการด้านการศึกษาทั้งโรงเรียนกสิกรรม โรงเรียนสอนภาษามลายู และการศาสนาที่มัสยิด รวมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น และวิถีความเป็นอยู่ของราษฎร เช่นการเก็บเกี่ยวข้าวแบบพื้นเมือง ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงแวะที่เมืองสงขลาใน[[มณฑลนครศรีธรรมราช]] เกาะสมุย และหมู่เกาะอ่างทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ซึ่งพระองค์เคยเสด็จมาแล้วถึง ๒ ครั้ง ในปี พุทธศักราช ๒๔๖๙ และ พุทธศักราช ๒๔๗๐  ครั้งนี้ทรงจารึกพระบรมนามาภิไธยไว้ที่ธารน้ำตกบนเกาะสมุยตามรอยพระยุคลบาทของ[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] และใน พุทธศักราช ๒๔๗๒ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จไปยังปัตตานีอีกครั้งเพื่อทอดเนตรปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง


'''ที่มา '''
'''ที่มา '''
   
   
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖
บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖
*[https://www.youtube.com/watch?v=RM3mVlL-ti0&index=34&list=PLz3ADrKTT5i0vjsCnIPrpraHExclR_Odo  YOU TUBE : เสด็จฯ พระราชดำเนินทั่วถิ่นแดนสยาม : เสด็จฯ มณฑลปัตตานี 2471]


[[หมวดหมู่:พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ|ส]]
[[หมวดหมู่:พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ|ส]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:49, 22 มกราคม 2559

แม้ปัตตานีจะเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลพระนคร แต่ทว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีก็ได้เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงแผ่พระปรีชาคุณแก่ราษฎรในดินแดนใต้สุดแห่งสยามนี้

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลปัตตานีถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกในปี พุทธศักราช ๒๔๗๑ เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรที่เมืองปัตตานี ยะลา สายบุรี และนราธิวาส

ทั้งสองพระองค์ได้ทอดพระเนตรกิจการด้านการศึกษาทั้งโรงเรียนกสิกรรม โรงเรียนสอนภาษามลายู และการศาสนาที่มัสยิด รวมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น และวิถีความเป็นอยู่ของราษฎร เช่นการเก็บเกี่ยวข้าวแบบพื้นเมือง ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงแวะที่เมืองสงขลาในมณฑลนครศรีธรรมราช เกาะสมุย และหมู่เกาะอ่างทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งพระองค์เคยเสด็จมาแล้วถึง ๒ ครั้ง ในปี พุทธศักราช ๒๔๖๙ และ พุทธศักราช ๒๔๗๐ ครั้งนี้ทรงจารึกพระบรมนามาภิไธยไว้ที่ธารน้ำตกบนเกาะสมุยตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และใน พุทธศักราช ๒๔๗๒ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จไปยังปัตตานีอีกครั้งเพื่อทอดเนตรปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง

ที่มา

บทสารคดี “ปกเกล้าธรรมราชา” สารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ในวโรกาสครบ ๑๒๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพและเป็นบุคคลสำคัญของโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี ๒๕๕๖