ผลต่างระหว่างรุ่นของ "2 มีนาคม พ.ศ. 2500"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''ผู้เรียบเรียง''' ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุต...'
 
Apirom (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัดที่ 6: บรรทัดที่ 6:


----
----
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2500 เป็นวันที่[[รัฐบาล]]ของ[[จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม[[พระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495]] ที่รัฐบาลดำเนินการขั้นนี้ก็เพราะภายหลัง[[การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500]] ที่[[พรรคเสรีมนังคศิลา]]เป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งนั้น ได้มี[[การประท้วง]]ของนิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยกล่าวหาว่าทางรัฐบาลชนะเพราะเป็นการเลือกตั้งสกปรก มีการทุจริตในการเลือกตั้ง
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2500 เป็นวันที่[[รัฐบาล]]ของ[[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม[[พระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495]] ที่รัฐบาลดำเนินการขั้นนี้ก็เพราะภายหลัง[[การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500]] ที่[[พรรคเสรีมนังคศิลา]]เป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งนั้น ได้มี[[การประท้วง]]ของนิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยกล่าวหาว่าทางรัฐบาลชนะเพราะเป็นการเลือกตั้งสกปรก มีการทุจริตในการเลือกตั้ง


เมื่อประชาชนไม่พอใจรัฐบาลเพราะเห็นว่าทุจริตในการเลือกตั้ง จึงมีการรวมตัวกันและเดินขบวนประท้วงรัฐบาล ทางรัฐบาลต้องการจะควบคุมการประท้วงของประชาชนและนิสิต นักศึกาให้ได้ จึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ โดยทางรัฐบาลให้เหตุผลในการประกาศภาวะฉุกเฉินเอาไว้ว่า
เมื่อประชาชนไม่พอใจรัฐบาลเพราะเห็นว่าทุจริตในการเลือกตั้ง จึงมีการรวมตัวกันและเดินขบวนประท้วงรัฐบาล ทางรัฐบาลต้องการจะควบคุมการประท้วงของประชาชนและนิสิต นักศึกาให้ได้ จึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ โดยทางรัฐบาลให้เหตุผลในการประกาศภาวะฉุกเฉินเอาไว้ว่า
บรรทัดที่ 12: บรรทัดที่ 12:
“เนื่องจากมีคณะบุคคลและหนังสือพิมพ์หลายฉบับดำเนินการยุยงส่งเสริมและปลุกปั่นประชาชนให้กำเริบ ก่อกวนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มุ่งหวังที่จะทำลายล้างรัฐบาล ได้กระทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าใจผิด และดูหมิ่นเกลียดชัง[[รัฐบาล]] ตลอดจนเจ้าหน้าที่พนักงานที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ นอกจากนี้นี่ยังนัดให้มีการชุมนุมสาธารณะและเดินขบวนเพื่อปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนก่อการจลาจล หวังใช้กำลังบังคับเพื่อล้มล้างรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวกทางการเมือง...”
“เนื่องจากมีคณะบุคคลและหนังสือพิมพ์หลายฉบับดำเนินการยุยงส่งเสริมและปลุกปั่นประชาชนให้กำเริบ ก่อกวนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มุ่งหวังที่จะทำลายล้างรัฐบาล ได้กระทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าใจผิด และดูหมิ่นเกลียดชัง[[รัฐบาล]] ตลอดจนเจ้าหน้าที่พนักงานที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ นอกจากนี้นี่ยังนัดให้มีการชุมนุมสาธารณะและเดินขบวนเพื่อปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนก่อการจลาจล หวังใช้กำลังบังคับเพื่อล้มล้างรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวกทางการเมือง...”


ต่อจากนั้น[[คณะรัฐมนตรี]]ก็มีมติให้ [[จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] [[รัฐมนตรี]]ว่าการ[[กระทรวงกลาโหม]]และผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการฝ่ายทหารที่สามารถที่จะสั่งใช้กำลังทหารทั้ง 3 เหล่าทัพและตำรวจได้
ต่อจากนั้น[[คณะรัฐมนตรี]]ก็มีมติให้ [[สฤษดิ์ ธนะรัชต์|จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] [[รัฐมนตรี]]ว่าการ[[กระทรวงกลาโหม]]และผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการฝ่ายทหารที่สามารถที่จะสั่งใช้กำลังทหารทั้ง 3 เหล่าทัพและตำรวจได้


การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมกับเอารถถังและทหารออกมาตั้งมั่นในจุดสำคัญ ๆ ของพระนคร ทำให้ประชาชนหยุดชะงักไป แต่นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่หยุดและยังต่อต้านรัฐบาล ทั้งจอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์ ที่ทางรัฐบาลให้อำนาจที่จะดำเนินการปราบปรามได้ก็กลับไม่ยอมใช้กำลังเข้าปราบ แต่กลับกล่าวว่า
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมกับเอารถถังและทหารออกมาตั้งมั่นในจุดสำคัญ ๆ ของพระนคร ทำให้ประชาชนหยุดชะงักไป แต่นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่หยุดและยังต่อต้านรัฐบาล ทั้งจอมพล สฤษดิ์  ธนะรัชต์ ที่ทางรัฐบาลให้อำนาจที่จะดำเนินการปราบปรามได้ก็กลับไม่ยอมใช้กำลังเข้าปราบ แต่กลับกล่าวว่า

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:28, 15 ตุลาคม 2557

ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2500 เป็นวันที่รัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495 ที่รัฐบาลดำเนินการขั้นนี้ก็เพราะภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ที่พรรคเสรีมนังคศิลาเป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งนั้น ได้มีการประท้วงของนิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยกล่าวหาว่าทางรัฐบาลชนะเพราะเป็นการเลือกตั้งสกปรก มีการทุจริตในการเลือกตั้ง

เมื่อประชาชนไม่พอใจรัฐบาลเพราะเห็นว่าทุจริตในการเลือกตั้ง จึงมีการรวมตัวกันและเดินขบวนประท้วงรัฐบาล ทางรัฐบาลต้องการจะควบคุมการประท้วงของประชาชนและนิสิต นักศึกาให้ได้ จึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ โดยทางรัฐบาลให้เหตุผลในการประกาศภาวะฉุกเฉินเอาไว้ว่า

“เนื่องจากมีคณะบุคคลและหนังสือพิมพ์หลายฉบับดำเนินการยุยงส่งเสริมและปลุกปั่นประชาชนให้กำเริบ ก่อกวนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มุ่งหวังที่จะทำลายล้างรัฐบาล ได้กระทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าใจผิด และดูหมิ่นเกลียดชังรัฐบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่พนักงานที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ นอกจากนี้นี่ยังนัดให้มีการชุมนุมสาธารณะและเดินขบวนเพื่อปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนก่อการจลาจล หวังใช้กำลังบังคับเพื่อล้มล้างรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวกทางการเมือง...”

ต่อจากนั้นคณะรัฐมนตรีก็มีมติให้ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการฝ่ายทหารที่สามารถที่จะสั่งใช้กำลังทหารทั้ง 3 เหล่าทัพและตำรวจได้

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมกับเอารถถังและทหารออกมาตั้งมั่นในจุดสำคัญ ๆ ของพระนคร ทำให้ประชาชนหยุดชะงักไป แต่นิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่หยุดและยังต่อต้านรัฐบาล ทั้งจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ทางรัฐบาลให้อำนาจที่จะดำเนินการปราบปรามได้ก็กลับไม่ยอมใช้กำลังเข้าปราบ แต่กลับกล่าวว่า

“เมื่อประชาชนเห็นว่า การเลือกตั้งไม่เป็นไปอย่างบริบูรณ์ก็ลุกฮือขึ้นเพื่อทวงสิทธิของเขาแล้วจะให้ผมไปปราบปรามประชาชน ผมทำไม่ได้”

รัฐบาลนั้นเมื่อเห็นว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและให้จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีอำนาจเพื่อช่วยปราบปรามการต่อต้านและการประท้วง แต่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ไม่จัดการให้ ทั้งยังให้สัมภาษณ์สร้างคะแนนนิยมให้ตัวเอง จึงได้ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2500 และยกเลิกตำแหน่งผู้บัญชาการฝ่ายทหารในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2500 เสียก่อนด้วย