ผลต่างระหว่างรุ่นของ "22 เมษายน พ.ศ. 2522"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัดที่ 13: | บรรทัดที่ 13: | ||
ในวันเดียวกันกับที่มีการเลือกตั้งก็ได้มีประกาศแต่งตั้ง[[สมาชิกวุฒิสภา]]ตามรัฐธรรมนูญ มีจำนวน 3 ใน 4 ของ[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ที่จะมาจากผลการเลือกตั้งในวันนี้ ปรากฏว่าผลของการเลือกตั้งทั่วไปใน วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 ไม่มีกลุ่มการเมืองใดได้เสียงข้างมาก กลุ่มการเมืองที่มีคะแนนนำและได้ที่นั่งใน[[สภาผู้แทนราษฎร]]จำนวนมากเรียงลำดับกัน 5 กลุ่มจากจำนวนทั้งหมด 301 คน มีดังนี้ | ในวันเดียวกันกับที่มีการเลือกตั้งก็ได้มีประกาศแต่งตั้ง[[สมาชิกวุฒิสภา]]ตามรัฐธรรมนูญ มีจำนวน 3 ใน 4 ของ[[สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]]ที่จะมาจากผลการเลือกตั้งในวันนี้ ปรากฏว่าผลของการเลือกตั้งทั่วไปใน วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 ไม่มีกลุ่มการเมืองใดได้เสียงข้างมาก กลุ่มการเมืองที่มีคะแนนนำและได้ที่นั่งใน[[สภาผู้แทนราษฎร]]จำนวนมากเรียงลำดับกัน 5 กลุ่มจากจำนวนทั้งหมด 301 คน มีดังนี้ | ||
1. [[กลุ่มกิจสังคม | 1. [[กลุ่มกิจสังคม]] 88 | ||
2. [[ | 2. [[กลุ่มชาติไทย]] 42 | ||
3. [[กลุ่มประชาธิปัตย์ | 3. [[กลุ่มประชาธิปัตย์ ]] 35 | ||
4. [[กลุ่มประชากรไทย | 4. [[กลุ่มประชากรไทย]] 32 | ||
5. [[กลุ่มสยามประชาธิปไตย | 5. [[กลุ่มสยามประชาธิปไตย ]] 31 | ||
หลังการเลือกตั้งแล้ว [[ | หลังการเลือกตั้งแล้ว [[เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์|พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์]] นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แม้จะไม่ได้ลงแข่งขันเลือกตั้งก็ตาม ก็ยังได้รับการเสนอชื่อให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เกิดรัฐบาล “[[เกรียงศักดิ์ 2]]” ต่อมาได้ เพราะเสียงสนับสนุนในรัฐสภาที่มีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนถึง 3 ใน 7 ของจำนวนสมาชิก[[รัฐสภา]]ได้ทำให้ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้เสียงสนับสนุนมาก บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญได้เปิดทางให้คณะทหารมีบทบาททางการเมืองต่อไปอีกได้อย่างน้อย 4 ปี | ||
สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 นี้ แม้จะมีวาระอยู่ได้ 4 ปีก็ตาม แต่ก็มาหมดสมาชิกภาพ สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบสภาในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 ก่อนครบวาระเพียงไม่นาน โดยมีเหตุมาจากความเห็นที่แตกแยกกันเกี่ยวกับบทบาทของทหารในทางการเมืองและวิธีเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังที่นิยม รัฐอมฤต เขียนไว้ในหนังสือชื่อการเมืองไทย มีความตอนหนึ่งว่า | สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 นี้ แม้จะมีวาระอยู่ได้ 4 ปีก็ตาม แต่ก็มาหมดสมาชิกภาพ สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบสภาในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 ก่อนครบวาระเพียงไม่นาน โดยมีเหตุมาจากความเห็นที่แตกแยกกันเกี่ยวกับบทบาทของทหารในทางการเมืองและวิธีเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังที่นิยม รัฐอมฤต เขียนไว้ในหนังสือชื่อการเมืองไทย มีความตอนหนึ่งว่า |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:31, 14 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 เป็นวันที่มีการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 13 ในประเทศไทยและเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ยังไม่มีกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งหมายความว่ายังไม่ยอมให้มีพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ กระนั้นนักการเมืองก็ได้รวมตัวกันเป็น “กลุ่มการเมือง” และเรียกชื่อกลุ่มตัวเช่นเดียวกันชื่อพรรคการเมืองเก่าของตนนั่นเอง จึงมีคนเห็นว่าอาจเป็นเหตุทำให้พรรคการเมืองยังไม่เข้มแข็งในการเลือกตั้งครั้งนี้
ในวันเดียวกันกับที่มีการเลือกตั้งก็ได้มีประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ มีจำนวน 3 ใน 4 ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมาจากผลการเลือกตั้งในวันนี้ ปรากฏว่าผลของการเลือกตั้งทั่วไปใน วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 ไม่มีกลุ่มการเมืองใดได้เสียงข้างมาก กลุ่มการเมืองที่มีคะแนนนำและได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมากเรียงลำดับกัน 5 กลุ่มจากจำนวนทั้งหมด 301 คน มีดังนี้
1. กลุ่มกิจสังคม 88
2. กลุ่มชาติไทย 42
3. [[กลุ่มประชาธิปัตย์ ]] 35
4. กลุ่มประชากรไทย 32
5. [[กลุ่มสยามประชาธิปไตย ]] 31
หลังการเลือกตั้งแล้ว พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แม้จะไม่ได้ลงแข่งขันเลือกตั้งก็ตาม ก็ยังได้รับการเสนอชื่อให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เกิดรัฐบาล “เกรียงศักดิ์ 2” ต่อมาได้ เพราะเสียงสนับสนุนในรัฐสภาที่มีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนถึง 3 ใน 7 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาได้ทำให้ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้เสียงสนับสนุนมาก บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญได้เปิดทางให้คณะทหารมีบทบาททางการเมืองต่อไปอีกได้อย่างน้อย 4 ปี
สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 นี้ แม้จะมีวาระอยู่ได้ 4 ปีก็ตาม แต่ก็มาหมดสมาชิกภาพ สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบสภาในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 ก่อนครบวาระเพียงไม่นาน โดยมีเหตุมาจากความเห็นที่แตกแยกกันเกี่ยวกับบทบาทของทหารในทางการเมืองและวิธีเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังที่นิยม รัฐอมฤต เขียนไว้ในหนังสือชื่อการเมืองไทย มีความตอนหนึ่งว่า
“รัฐสภาไม่ยอมผ่านร่างแก้ไขรัฐธรมนูญที่ผลักดันโดยวุฒิสมาชิกสายทหาร ซึ่งต้องการให้ขยายเวลาบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2521 ออกไปอีกสมัยหนึ่ง เพื่อคงอำนาจของวุฒิสมาชิกในการแต่งตั้งถอดถอนรัฐบาล ให้สิทธิแก่ข้าราชการในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และระงับการใช้บังคับระบบเลือกตั้งแบบรวมเขตเลือกพรรค ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งกับวุฒิสมาชิกสายทหาร รัฐบาลจึงตัดสินใจยุบสภา”