ผลต่างระหว่างรุ่นของ "2 มีนาคม พ.ศ. 2534"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
บรรทัดที่ 6: | บรรทัดที่ 6: | ||
---- | ---- | ||
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 | วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 เป็นวันที่นาย[[อานันท์ ปันยารชุน]] อดีตนักการทูต นักเรียนอังกฤษ ที่ไม่เคยตั้ง[[พรรคการเมือง]]และลงเลือกตั้งได้รับการเลือกจากคณะทหารผู้ยึดอำนาจที่เรียกว่า [[คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ]]ให้เป็น “คนกลาง” อีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมาเป็น[[นายกรัฐมนตรีคนที่ 18]] จัดตั้ง[[รัฐบาล]] โดยมีการใช้[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2534]] | ||
แต่แม้จะเป็นนักการเมืองก็เป็นนักการเมืองจำเป็น และแม้ว่าจะมาจากการแต่งตั้งโดยคณะทหารผู้ยึดอำนาจก็ตาม นายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน ก็กลับได้รับความนิยมและชื่นชมมากกว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งหลายคน นายกรัฐมนตรีได้บอกแต่แรกว่า | แต่แม้จะเป็นนักการเมืองก็เป็นนักการเมืองจำเป็น และแม้ว่าจะมาจากการแต่งตั้งโดยคณะทหารผู้ยึดอำนาจก็ตาม นายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน ก็กลับได้รับความนิยมและชื่นชมมากกว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งหลายคน นายกรัฐมนตรีได้บอกแต่แรกว่า | ||
บรรทัดที่ 12: | บรรทัดที่ 12: | ||
“...อยู่สั้นเท่าไหร่ยิ่งดี นโยบายจะเป็นโครงการระยะสั้น ทำได้ 6 เดือน 9 เดือน...” แต่จริง ๆแล้วอยู่ได้นานจนครบปี | “...อยู่สั้นเท่าไหร่ยิ่งดี นโยบายจะเป็นโครงการระยะสั้น ทำได้ 6 เดือน 9 เดือน...” แต่จริง ๆแล้วอยู่ได้นานจนครบปี | ||
รัฐบาลของ[[นายกรัฐมนตรี]]อานันท์ ปันยารชุน เป็นรัฐบาลของ “[[เทคโนแครท]]” ที่ไม่เอานักการเมืองหน้าเดิมมาร่วมงานและส่วนมากเป็นอดีตปลัดกระทรวง และอธิบดี และเกือบทั้งหมดเป็นนักเรียนนอกที่นายกรัฐมนตรีรู้จักมักคุ้นกันดี | |||
หน้าที่หลักที่คนทั่วไปให้ความสนใจคือการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทน รัฐธรรมนูญที่คณะทหารยกเลิกไป ซึ่งงานร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้ รัฐบาลก็ได้ปลีกตัวออกมา โดยไม่ยอมรับว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้อง คนของรัฐบาลไปร่วมด้วยก็ถือเป็นเรื่องเฉพาะตัว กระนั้นการร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จเร็วและประกาศได้ในตอนปลายปี พ.ศ. 2534 จึงทำให้รัฐบาลได้รับความชื่นชมไปด้วย | หน้าที่หลักที่คนทั่วไปให้ความสนใจคือการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทน รัฐธรรมนูญที่คณะทหารยกเลิกไป ซึ่งงานร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้ รัฐบาลก็ได้ปลีกตัวออกมา โดยไม่ยอมรับว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้อง คนของรัฐบาลไปร่วมด้วยก็ถือเป็นเรื่องเฉพาะตัว กระนั้นการร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จเร็วและประกาศได้ในตอนปลายปี พ.ศ. 2534 จึงทำให้รัฐบาลได้รับความชื่นชมไปด้วย | ||
การทำงานบริหารประเทศ รัฐบาลก็ได้รับเสียงชมว่าบริหารงานได้รวดเร็ว ทั้งนี้ ก็เพราะรัฐบาลตั้งใจ และที่สำคัญสภาที่สมาชิกมาจากการแต่งตั้งก็ร่วมมือ | การทำงานบริหารประเทศ รัฐบาลก็ได้รับเสียงชมว่าบริหารงานได้รวดเร็ว ทั้งนี้ ก็เพราะรัฐบาลตั้งใจ และที่สำคัญสภาที่สมาชิกมาจากการแต่งตั้งก็ร่วมมือ แต่ที่คนมักไม่ค่อยสังเกตเห็นคือรัฐบาลกับคณะทหารที่สนับสนุนนั้นท้ายที่สุดก็มี[[ความขัดแย้ง]]กัน แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีภาพดีเป็นที่นิยม และเป็นผู้แสดงว่าจะบริหารประเทศด้วย[[ความโปร่งใส]]เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนในเมืองหลวงและ[[สื่อสารมวลชน]] ทั้ง 2 ฝ่ายจึงประคองกันอยู่จนจัด[[การเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535]] และมี[[นายกรัฐมนตรีคนที่ 19]] คือ [[สุจินดา คราประยูร|พลเอกสุจินดา คราประยูร]] อดีตผู้บัญชาการทหารบก ผู้ซึ่งเป็นแกนนำในการยึดอำนาจเข้ามารับตำแหน่งต่อมา | ||
[[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] | [[หมวดหมู่:เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย สมัย พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:17, 13 ตุลาคม 2557
ผู้เรียบเรียง ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 เป็นวันที่นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนักการทูต นักเรียนอังกฤษ ที่ไม่เคยตั้งพรรคการเมืองและลงเลือกตั้งได้รับการเลือกจากคณะทหารผู้ยึดอำนาจที่เรียกว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติให้เป็น “คนกลาง” อีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 จัดตั้งรัฐบาล โดยมีการใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2534
แต่แม้จะเป็นนักการเมืองก็เป็นนักการเมืองจำเป็น และแม้ว่าจะมาจากการแต่งตั้งโดยคณะทหารผู้ยึดอำนาจก็ตาม นายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน ก็กลับได้รับความนิยมและชื่นชมมากกว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งหลายคน นายกรัฐมนตรีได้บอกแต่แรกว่า
“...อยู่สั้นเท่าไหร่ยิ่งดี นโยบายจะเป็นโครงการระยะสั้น ทำได้ 6 เดือน 9 เดือน...” แต่จริง ๆแล้วอยู่ได้นานจนครบปี
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน เป็นรัฐบาลของ “เทคโนแครท” ที่ไม่เอานักการเมืองหน้าเดิมมาร่วมงานและส่วนมากเป็นอดีตปลัดกระทรวง และอธิบดี และเกือบทั้งหมดเป็นนักเรียนนอกที่นายกรัฐมนตรีรู้จักมักคุ้นกันดี
หน้าที่หลักที่คนทั่วไปให้ความสนใจคือการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทน รัฐธรรมนูญที่คณะทหารยกเลิกไป ซึ่งงานร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้ รัฐบาลก็ได้ปลีกตัวออกมา โดยไม่ยอมรับว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้อง คนของรัฐบาลไปร่วมด้วยก็ถือเป็นเรื่องเฉพาะตัว กระนั้นการร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จเร็วและประกาศได้ในตอนปลายปี พ.ศ. 2534 จึงทำให้รัฐบาลได้รับความชื่นชมไปด้วย
การทำงานบริหารประเทศ รัฐบาลก็ได้รับเสียงชมว่าบริหารงานได้รวดเร็ว ทั้งนี้ ก็เพราะรัฐบาลตั้งใจ และที่สำคัญสภาที่สมาชิกมาจากการแต่งตั้งก็ร่วมมือ แต่ที่คนมักไม่ค่อยสังเกตเห็นคือรัฐบาลกับคณะทหารที่สนับสนุนนั้นท้ายที่สุดก็มีความขัดแย้งกัน แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีภาพดีเป็นที่นิยม และเป็นผู้แสดงว่าจะบริหารประเทศด้วยความโปร่งใสเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนในเมืองหลวงและสื่อสารมวลชน ทั้ง 2 ฝ่ายจึงประคองกันอยู่จนจัดการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 และมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 คือ พลเอกสุจินดา คราประยูร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ผู้ซึ่งเป็นแกนนำในการยึดอำนาจเข้ามารับตำแหน่งต่อมา