ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557"

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าที่ถูกสร้างด้วย ''''เรียบเรียงโดย''' : พุทธชาติ ทองเอม '''ผู้ทรงคุณวุฒิ...'
 
Suksan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
(ไม่แสดง 4 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 5: บรรทัดที่ 5:
----
----


นับตั้งแต่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมา การปกครองประเทศจะมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดและมีรัฐสภา เป็นสถาบันหลักที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองมากขึ้น ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเกือบทุกฉบับบัญญัติให้รัฐสภาประกอบด้วย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้วางหลักให้รัฐสภามีอํานาจหน้าที่ในการตรากฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้ความเห็นชอบในภารกิจสําคัญของประเทศ แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการปกครองประเทศจนไม่สามารถนำประเทศไปสู่การปกครองด้วยความปกติได้ เกิดการยึดอำนาจทางการปกครอง และภายหลังการยึดอำนาจได้มีการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้บังคับอยู่ อีกทั้งองค์กรของรัฐสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาต้องถูกยุบไปด้วยโดยคณะผู้ยึดอำนาจ และเพื่อวางรูปแบบการปกครองประเทศจะมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรหรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราวใช้บังคับแทนจนกว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นการถาวรต่อไป พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่รัฐสภา ซึ่งเป็นสภาเดียวแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เรียกว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ”
นับตั้งแต่ประเทศไทยมี[[การเปลี่ยนแปลงการปกครอง]]จากระบอบ[[สมบูรณาญาสิทธิราชย์]]มาเป็น[[การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข]] เมื่อวันที่ [[24 มิถุนายน 2475]] เป็นต้นมา การปกครองประเทศจะมี[[รัฐธรรมนูญ]]เป็นกฎหมายสูงสุดและมี[[รัฐสภา]] เป็นสถาบันหลักที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองมากขึ้น ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเกือบทุกฉบับบัญญัติให้รัฐสภาประกอบด้วย 2 สภา คือ [[สภาผู้แทนราษฎร]] และ[[วุฒิสภา]] รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้วางหลักให้รัฐสภามีอํานาจหน้าที่ใน[[การตรากฎหมาย]] [[ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน]] และ[[การให้ความเห็นชอบในภารกิจสําคัญของประเทศ]] แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการปกครองประเทศจนไม่สามารถนำประเทศไปสู่การปกครองด้วยความปกติได้ เกิดการยึดอำนาจทางการปกครอง และภายหลังการยึดอำนาจได้มีการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้บังคับอยู่ อีกทั้งองค์กรของรัฐสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาต้องถูกยุบไปด้วยโดยคณะผู้ยึดอำนาจ และเพื่อวางรูปแบบการปกครองประเทศจะมีการประกาศใช้[[ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร]]หรือ[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว]]ใช้บังคับแทนจนกว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นการถาวรต่อไป พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่รัฐสภา ซึ่งเป็น[[สภาเดียว]]แทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เรียกว่า “[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]]”


==ความหมาย==
==ความหมาย==


คำว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” ตามที่ คณิน  บุญสุวรรณ ได้ให้ความหมายไว้ในหนังสือปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์) ว่า  สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หมายถึง สภานิติบัญญัติระดับชาติซึ่งทำหน้าที่รัฐสภา เป็นสภาเดียว โดยมีสมาชิกซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร สภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้งหมด มีที่มาหลังการปฏิวัติรัฐประหาร 
คำว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” ตามที่ คณิน  บุญสุวรรณ ได้ให้ความหมายไว้ในหนังสือปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์) ว่า  สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หมายถึง สภานิติบัญญัติระดับชาติซึ่งทำหน้าที่รัฐสภา เป็นสภาเดียว โดยมีสมาชิกซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร สภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้งหมด มีที่มาหลังการ[[ปฏิวัติ]][[รัฐประหาร]]<ref>คณิน บุญสุวรรณ. (2548). ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ. หน้า 919. </ref>


==สภานิติบัญญัติแห่งชาติในอดีต==
==สภานิติบัญญัติแห่งชาติในอดีต==


จากประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยที่ผ่านตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันในปี 2557 ประเทศไทยมีการปฏิวัติรัฐประหาร หรือยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เพื่อให้ประเทศชาติมีการปกครองด้วยความสงบมาแล้วหลายครั้ง  ซึ่งภายหลังที่มีการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ในด้านกระบวนการนิติบัญญัติแทนรัฐสภา มาแล้วจำนวน 6 ครั้ง ดังนี้  
จากประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยที่ผ่านตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันในปี 2557 ประเทศไทยมีการปฏิวัติรัฐประหาร หรือ[[ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน]] เพื่อให้ประเทศชาติมีการปกครองด้วยความสงบมาแล้วหลายครั้ง  ซึ่งภายหลังที่มีการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ในด้านกระบวนการนิติบัญญัติแทนรัฐสภา มาแล้วจำนวน 6 ครั้ง ดังนี้  


1) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2515  
1) [[สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2515]]


2) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2516
2) [[สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2516]]


3) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2520
3) [[สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2520]]


4) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2534
4) [[สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2534]]


5) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2549
5) [[สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2549]]


6) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2557
6) [[สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2557]]


==ที่มาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557==
==ที่มาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557==


หลังจากที่ประเทศไทยเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน จนลุกลามไปสู่แทบทุกภูมิภาคของประเทศ ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายต่าง ๆ ขาดความสามัคคี และมีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อกัน จนถึงขั้นจลาจลได้ทุกขณะซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ความสะดวกสบายของประชาชนผู้สุจริต อันจะเป็นการทําลายความมั่นคงของชาติและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองหยุดชะงัก กระทบต่อการใช้อำนาจในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร และในทางตุลาการ ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงจำเป็นต้องเข้าควบคุมอํานาจการปกครองประเทศและประกาศให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลง กลไกของรัฐสภา ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องถูกยุบเลิกไป ต่อจากนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงแต่งตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่ในด้านกระบวนการนิติบัญญัติแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป  ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557 เป็นสภาที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557  กำหนดให้ให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจํานวนไม่เกินสองร้อยยี่สิบคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดและมีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติถวายคําแนะนํา โดยให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา และในการถวายคําแนะนําเพื่อทรงแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้คํานึงถึงความรู้ความสามารถ ความหลากหลายของบุคคลจากกลุ่มต่าง ๆ ในภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ภาควิชาการ ภาควิชาชีพ และภาคอื่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย
หลังจากที่ประเทศไทยเกิด[[ความขัดแย้งทางการเมือง]]ขึ้นในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน จนลุกลามไปสู่แทบทุกภูมิภาคของประเทศ ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายต่าง ๆ ขาดความสามัคคี และมีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อกัน จนถึงขั้นจลาจลได้ทุกขณะซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ความสะดวกสบายของประชาชนผู้สุจริต อันจะเป็นการทําลายความมั่นคงของชาติและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองหยุดชะงัก กระทบต่อการใช้อำนาจในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร และในทางตุลาการ ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ในวันที่ [[22 พฤษภาคม 2557]] [[คณะรักษาความสงบแห่งชาติ]]จึงจำเป็นต้องเข้าควบคุมอํานาจการปกครองประเทศและประกาศให้[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550]] สิ้นสุดลง กลไกของรัฐสภา ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องถูกยุบเลิกไป ต่อจากนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงแต่งตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่ในด้านกระบวนการนิติบัญญัติแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป  ซึ่ง[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557]] เป็นสภาที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ของ[[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557]] <ref>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557.
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก ราชกิจจานุเบกษา 22 กรกฎาคม 2557. </ref>
กำหนดให้ให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจํานวนไม่เกินสองร้อยยี่สิบคน ซึ่ง[[พระมหากษัตริย์]]ทรงแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดและมีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติถวายคําแนะนํา โดยให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา และในการถวายคําแนะนําเพื่อทรงแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้คํานึงถึงความรู้ความสามารถ ความหลากหลายของบุคคลจากกลุ่มต่าง ๆ ในภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ภาควิชาการ ภาควิชาชีพ และภาคอื่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย


==อำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557==
==อำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557==
บรรทัดที่ 39: บรรทัดที่ 41:
การปฏิบัติหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการตรากฎหมายนั้น หมายความรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คือ   
การปฏิบัติหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการตรากฎหมายนั้น หมายความรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คือ   


- การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
- [[การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ]]


- การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
- [[การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ]]


- การพิจารณาอนุมัติพระราชกําหนด
- [[การพิจารณาอนุมัติพระราชกําหนด]]


2. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน  
2. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน  
บรรทัดที่ 49: บรรทัดที่ 51:
ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน นั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมาตรการในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ดังนี้
ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน นั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมาตรการในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ดังนี้


- การเสนอญัตติ - การตั้งกระทู้ถาม
- [[การเสนอญัตติ]]


- การเปิดอภิปรายทั่วไป
- [[การตั้งกระทู้ถาม]]
 
- [[การเปิดอภิปรายทั่วไป]]


3. อํานาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่กฎหมายกําหนด  
3. อํานาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่กฎหมายกําหนด  
บรรทัดที่ 57: บรรทัดที่ 61:
สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอํานาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หรือตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนี้
สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอํานาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หรือตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนี้


- ถวายคําแนะนําเพื่อแต่งตั้งและให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
- ถวายคําแนะนําเพื่อแต่งตั้งและให้พ้นจากตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]]


- เสนอกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวนห้าคน เพื่อประกอบเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่จัดทําร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยกรรมาธิการจํานวนสามสิบหกคน
- เสนอ[[กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]]จำนวนห้าคน เพื่อประกอบเป็น[[คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ]] ทำหน้าที่จัดทําร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยกรรมาธิการจํานวนสามสิบหกคน


- ตราข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกและการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภา รองประธานสภา และกรรมาธิการ วิธีการประชุม  
- ตรา[[ข้อบังคับ]]เกี่ยวกับการเลือกและการปฏิบัติหน้าที่ของ[[ประธานสภา]] [[รองประธานสภา]] และ[[กรรมาธิการ]] วิธีการประชุม  


- อํานาจหน้าที่อื่นๆ  
- อํานาจหน้าที่อื่นๆ  
 
 
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นอำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งในกระบวนการนิติบัญญัติ ส่วนคนไทยทุกคน ทุกฝ่าย ถึงเวลาแล้วจะต้องหันหน้ามาแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ด้วยสันติวิธี เนื่องจากวิกฤติของประเทศไทยในวันนี้มีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลก วิกฤติทางการเมือง และวิกฤติความแตกแยกของคนในสังคม อันส่งผลต่อวิกฤติสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องยืนหยัด ปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งปฎิบัติตามกฎหมายและประพฤติตนเป็นพลเมืองดีตามรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง.   
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นอำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งในกระบวนการนิติบัญญัติ ส่วนคนไทยทุกคน ทุกฝ่าย ถึงเวลาแล้วจะต้องหันหน้ามาแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ด้วยสันติวิธี เนื่องจากวิกฤติของประเทศไทยในวันนี้มีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลก วิกฤติทางการเมือง และวิกฤติความแตกแยกของคนในสังคม อันส่งผลต่อวิกฤติสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องยืนหยัด ปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งปฎิบัติตามกฎหมายและประพฤติตนเป็นพลเมืองดีตามรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง.   
==อ้างอิง==
<references/>


==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ==
==หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ==


1. คณิน บุญสุวรรณ. (2548). ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ.
1. คณิน บุญสุวรรณ. (2548). '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์)'''. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ.


2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2548). สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย. กรุงเทพฯ : บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์.
2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2548). '''สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย'''. กรุงเทพฯ : บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์.


==บรรณานุกรม==
==บรรณานุกรม==


1. คณิน บุญสุวรรณ. (2548). ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ.
1. คณิน บุญสุวรรณ. (2548). '''ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์)'''. กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ.


2. บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ. [ออนไลน์] วันที่ค้นข้อมูล 23 กรกฎาคม 2557. เข้าถึงได้จาก http://click.senate.go.th/?p=3907.
2. '''บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ'''. [ออนไลน์] วันที่ค้นข้อมูล 23 กรกฎาคม 2557. เข้าถึงได้จาก http://click.senate.go.th/?p=3907.


3. พิษณุ สุ่มประดิษฐ์. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ. [ออนไลน์] วันที่ค้นข้อมูล 23 กรกฎาคม 2557. เข้าถึงได้จาก http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php.
3. พิษณุ สุ่มประดิษฐ์. '''สภานิติบัญญัติแห่งชาติ'''. [ออนไลน์] วันที่ค้นข้อมูล 23 กรกฎาคม 2557. เข้าถึงได้จาก http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php.


4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557. ราชกิจจานุเบกษา  เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก ราชกิจจานุเบกษา 22 กรกฎาคม 2557.
4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557. ราชกิจจานุเบกษา  เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก ราชกิจจานุเบกษา 22 กรกฎาคม 2557.
บรรทัดที่ 85: บรรทัดที่ 93:
5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช ๒๕๕๐. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐.
5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช ๒๕๕๐. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐.


6. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2548). สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย. กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์.
6. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2548). '''สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย'''. กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์.


[[หมวดหมู่:สมาชิกวุฒิสภา]]
[[หมวดหมู่:สมาชิกวุฒิสภา]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:22, 22 สิงหาคม 2557

เรียบเรียงโดย : พุทธชาติ ทองเอม

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : นายจเร พันธุ์เปรื่อง


นับตั้งแต่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมา การปกครองประเทศจะมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดและมีรัฐสภา เป็นสถาบันหลักที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองมากขึ้น ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเกือบทุกฉบับบัญญัติให้รัฐสภาประกอบด้วย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้วางหลักให้รัฐสภามีอํานาจหน้าที่ในการตรากฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้ความเห็นชอบในภารกิจสําคัญของประเทศ แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการปกครองประเทศจนไม่สามารถนำประเทศไปสู่การปกครองด้วยความปกติได้ เกิดการยึดอำนาจทางการปกครอง และภายหลังการยึดอำนาจได้มีการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้บังคับอยู่ อีกทั้งองค์กรของรัฐสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาต้องถูกยุบไปด้วยโดยคณะผู้ยึดอำนาจ และเพื่อวางรูปแบบการปกครองประเทศจะมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรหรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราวใช้บังคับแทนจนกว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นการถาวรต่อไป พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่รัฐสภา ซึ่งเป็นสภาเดียวแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เรียกว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ความหมาย

คำว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” ตามที่ คณิน บุญสุวรรณ ได้ให้ความหมายไว้ในหนังสือปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์) ว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หมายถึง สภานิติบัญญัติระดับชาติซึ่งทำหน้าที่รัฐสภา เป็นสภาเดียว โดยมีสมาชิกซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร สภานิติบัญญัติแห่งชาติทั้งหมด มีที่มาหลังการปฏิวัติรัฐประหาร[1]

สภานิติบัญญัติแห่งชาติในอดีต

จากประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยที่ผ่านตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันในปี 2557 ประเทศไทยมีการปฏิวัติรัฐประหาร หรือยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน เพื่อให้ประเทศชาติมีการปกครองด้วยความสงบมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งภายหลังที่มีการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจะมีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่ในด้านกระบวนการนิติบัญญัติแทนรัฐสภา มาแล้วจำนวน 6 ครั้ง ดังนี้

1) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2515

2) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2516

3) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2520

4) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2534

5) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2549

6) สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง พ.ศ. 2557

ที่มาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557

หลังจากที่ประเทศไทยเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน จนลุกลามไปสู่แทบทุกภูมิภาคของประเทศ ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายต่าง ๆ ขาดความสามัคคี และมีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อกัน จนถึงขั้นจลาจลได้ทุกขณะซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ความสะดวกสบายของประชาชนผู้สุจริต อันจะเป็นการทําลายความมั่นคงของชาติและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การพัฒนาเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองหยุดชะงัก กระทบต่อการใช้อำนาจในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร และในทางตุลาการ ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงจำเป็นต้องเข้าควบคุมอํานาจการปกครองประเทศและประกาศให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลง กลไกของรัฐสภา ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ต้องถูกยุบเลิกไป ต่อจากนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงแต่งตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่ในด้านกระบวนการนิติบัญญัติแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557 เป็นสภาที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 [2] กำหนดให้ให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจํานวนไม่เกินสองร้อยยี่สิบคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดและมีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติถวายคําแนะนํา โดยให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา และในการถวายคําแนะนําเพื่อทรงแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้คํานึงถึงความรู้ความสามารถ ความหลากหลายของบุคคลจากกลุ่มต่าง ๆ ในภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม ภาควิชาการ ภาควิชาชีพ และภาคอื่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย

อำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ได้กำหนดให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ที่สำคัญที่สุดเปรียบเสมือนสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ดังนั้น อำนาจหน้าที่หลักของสภานิติบัญญัติแห่งชาติสามารถแบ่งได้ 3 ประการ คือ

1. อํานาจหน้าที่ในการตรากฎหมาย

การปฏิบัติหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการตรากฎหมายนั้น หมายความรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คือ

- การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ

- การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ

- การพิจารณาอนุมัติพระราชกําหนด

2. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน

ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน นั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมาตรการในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ดังนี้

- การเสนอญัตติ

- การตั้งกระทู้ถาม

- การเปิดอภิปรายทั่วไป

3. อํานาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่กฎหมายกําหนด

สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอํานาจหน้าที่อื่น ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หรือตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนี้

- ถวายคําแนะนําเพื่อแต่งตั้งและให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

- เสนอกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวนห้าคน เพื่อประกอบเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่จัดทําร่างรัฐธรรมนูญซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยกรรมาธิการจํานวนสามสิบหกคน

- ตราข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกและการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภา รองประธานสภา และกรรมาธิการ วิธีการประชุม

- อํานาจหน้าที่อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นอำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งในกระบวนการนิติบัญญัติ ส่วนคนไทยทุกคน ทุกฝ่าย ถึงเวลาแล้วจะต้องหันหน้ามาแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ด้วยสันติวิธี เนื่องจากวิกฤติของประเทศไทยในวันนี้มีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลก วิกฤติทางการเมือง และวิกฤติความแตกแยกของคนในสังคม อันส่งผลต่อวิกฤติสถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชน ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องยืนหยัด ปกป้องและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งปฎิบัติตามกฎหมายและประพฤติตนเป็นพลเมืองดีตามรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง.

อ้างอิง

  1. คณิน บุญสุวรรณ. (2548). ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ. หน้า 919.
  2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก ราชกิจจานุเบกษา 22 กรกฎาคม 2557.

หนังสือแนะนำให้อ่านต่อ

1. คณิน บุญสุวรรณ. (2548). ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ.

2. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2548). สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย. กรุงเทพฯ : บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์.

บรรณานุกรม

1. คณิน บุญสุวรรณ. (2548). ปทานุกรมศัพท์รัฐสภาและการเมืองไทย (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ.

2. บทบาทและอำนาจหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ. [ออนไลน์] วันที่ค้นข้อมูล 23 กรกฎาคม 2557. เข้าถึงได้จาก http://click.senate.go.th/?p=3907.

3. พิษณุ สุ่มประดิษฐ์. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ. [ออนไลน์] วันที่ค้นข้อมูล 23 กรกฎาคม 2557. เข้าถึงได้จาก http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php.

4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนที่ 55 ก ราชกิจจานุเบกษา 22 กรกฎาคม 2557.

5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๔๗ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐.

6. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2548). สรรสาระรัฐธรรมนูญไทย. กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์.