ไพโรจน์ ชัยนาม
ผู้เขียน : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
ไพโรจน์ ชัยนาม : เลขาธิการคนเดียวของพฤฒสภา
พฤฒสภาได้ถูกตั้งขึ้นภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2489 เพราะได้บัญญัติให้รัฐสภาไทยประกอบด้วย 2 สภา ได้แก่พฤฒสภาซึ่งเสมือนเป็นสภาสูง และสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเสมือนเป็นสภาล่าง อันพฤฒสภานี้ได้มีประธานสภาคนแรก คือ นายวิลาศ โอสถานนท์ และมีเลขาธิการคนแรกและคนเดียวคือไพโรจน์ ชัยนาม ซึ่งต่อมาท่านได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อายุของพฤฒสภานั้นสั้นเท่ากับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2489 ที่ถูกยกเลิกไปเมื่อมีการรัฐประหาร ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 2490 ชีวิตของศาสตราจารย์ไพโรจน์นั้นน่าติดตาม
ไพโรจน์ ชัยนาม เป็นคนกรุงเทพฯ ท่านเป็นบุตรของพระยาอุภัยพิพากษา (เกลื่อน) และคุณหญิงจันทร์ ชัยนาม เกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ.2450 ที่อำเภอจักรวรรดิ์ มีพี่ชายที่เป็นผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ชื่อ ดิเรก_ชัยนาม ด้วยไพโรจน์ได้เรียนหนังสือเบื้องแรกที่โรงเรียนประถมจักรวรรดิ (วัดสามปลื้ม) และไปเรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัน บางรัก ก่อนที่จะเข้าเรียนวิชากฎหมาย ที่โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม ท่านศึกษาจบกฎหมายได้เป็นเนติบัณฑิตไทย ในวันที่ 16 พฤษภาคม ปี 2475 ประมาณ 40 กว่าวันก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน พ.ศ.2475 เท่านั้นเอง และหลังเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนั้น ไพโรจน์ได้ไปช่วยงานผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครองฯ สายพลเรือน คือหลวงประดิษฐ์มนูธรรมที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร บางเวลาก็มาช่วยงานที่วังปารุสกวัน เพราะมีงานด้านเอกสารเกี่ยวกับระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายอยู่มาก จึงมีศิษย์ของหลวงประดิษฐ์ฯที่เป็นนักกฎหมายมาช่วยงานอยู่หลายคน ต่อมาในปี 2476 ไพโรจน์ ชัยนาม ได้ย้ายไปทำงานที่กองโฆษณา และอีกห้าปีต่อมาท่านก็ได้เป็นเลขานุการคณะกรรมการของสำนักงานโฆษณาการ สำหรับชีวิตครอบครัว ท่านได้สมรสกับนางสาวบรรเลง กันตะบุตร
ในขณะเดียวกันท่านยังมีงานพิเศษทำด้วย เมื่อมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นตอนปลายปี 2476 (เดือนมีนาคม) และเปิดมหาวิทยาลัยให้มีการเรียนการสอนได้ในเดือนมิถุนายน ปี 2477 ไพโรจน์ ชัยนาม ได้เป็นผู้บรรยายรุ่นแรกๆของมหาวิทยาลัย คือเป็นผู้บรรยายวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2478 ขณะ ทีมีอายุได้ 23 ปี และได้บรรยายวิชานี้อยู่จนถึงปี 2495 นับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ ท่านได้เขียนคำบรรยายและตำราเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้อ่านได้ศึกษามาตั้งแต่สมัยการเริ่มมีรัฐธรรมนูญในประเทศไทย งานเขียนของท่านนั้นมีมากมีทั้งหนังสือตำราและบทความ นี่ก็เป็นชีวิตทางด้านวิชาการที่ทำให้ท่านได้รับตำแหน่งทางวิชาการเป็นศาสตราจารย์พิเศษ และเมื่อเกษียณอายุราชการแล้วได้มาใช้ชีวิตสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ท่านได้เคยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย
สำหรับชีวิตการทำงานของท่านต่อมาจากปี 2481 ที่สำคัญนั้นก็คือในเดือนมกราคม พ.ศ.2484 ท่านได้เป็นผู้รักษาการอธิบดีกรมโฆษณาการ และได้เป็นอธิบดีตัวจริงในเดือนมีนาคมปีเดียวกัน ปี 2484 นับเป็นปีสำคัญของไทย นายกฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้นำกองทัพไทยทำสงครามกับอินโดจีนของฝรั่งเศส มาตั้งแต่เดือนมกราคม และเมื่อญี่ปุ่นบุกไทยในวันที่ 8 ธันวาคม ปี 2484 โดยไทยต้องยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทย ทั้งก่อนหน้านั้นเมื่อจอมพล ป.พิบูลสงคราม ขึ้นมาเป็นนายกฯในปี 2481นั้นท่านจอมพลได้ทำการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยมาก ตลอดจนเอาแนวคิด "เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย " มาใช้ งานด้านการโฆษณาให้ประชาชนเชื่อมั่นตามรัฐบาลจึงสำคัญและยากยิ่ง แต่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็หมดอำนาจหลังรัฐบาลแพ้มติในสภาฯสองครั้งติดกัน จนต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนกรกฎาคม ปี 2487 เปิด ทางให้นายควง อภัยวงศ์ ได้รับความไว้วางใจจากสภาฯให้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี
การเมืองในช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นายควงเป็นนายฯอยู่ประมาณหนึ่งปี จนประเทศไทยออกประกาศสันติภาพในวันที่ 16 สิงหาคม ปี 2488 แล้ว ท่านก็ลาออกจากการเป็นนายกฯ เปิดทางให้นายทวี บุณยเกต และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช เข้ามาเป็นนายกฯตามลำดับ ต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่และมีรัฐบาลใหม่ที่นายควงกลับเข้ามาเป็นนายกฯอีกครั้งก็ได้มีการเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นำมาสู่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2489 ในวันที่ 9 พฤษภาคม ปี เดียวกัน และในโอกาสนี้นั่นเอง ไพโรจน์ ชัยนาม ซึ่งยังทำงานอยู่ที่กรมโฆษณาการหรือกรมประชาสัมพันธ์ได้รับแต่งตั้งให้มารักษาการในตำแหน่งเลขาธิการพฤฒสภา ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ปี 2489 คือตั้งแต่แรกเลยทีเดียว
ในวันที่ 1 มิถุนายน ปี 2490 ท่านได้โอนไปรับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศ อาจเป็นความโชคดีของท่านก็ได้ เพราะวันที่ 8 พฤศจิกายน ปีนั้นเองได้เกิดรัฐประหาร และการเมืองที่ตามมาคือกวาดล้างคนของรัฐบาลนายปรีดี พนมยงค์ และรัฐบาลของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ไพโรจน์ ชัยนาม จึงพ้นหน้าที่จากพฤฒสภาที่ถูกยุบไป และเริ่มงานด้านใหม่ทางการทูตจากตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการที่ต่อมาเรียกว่ากรมพิธีการทูต และได้ออกไปเป็นทูตครั้งแรกในปี 2495 ท่านเจริญในงานด้านการทูตได้เป็นทูตไทยในหลายประเทศ รวมทั้งตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศในสมัยที่จอมพล_สฤษดิ์_ธนะรัชต์ เป็นนายกฯ หลังเกษียณอายุราชการ ในปี 2516 ถึงปี 2517 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในคราวนั้น ท่านได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2517 ซึ่งถือว่ารัฐธรรมนูญสำคัญฉบับหนึ่งของไทย และในปี 2520 ท่านก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติอีกครั้งและได้ทำงานทางวิชาการเรื่อยมา
ศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ได้มีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2537