แทนคุณแผ่นดินอีสาน (พ.ศ. 2550)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


พรรคแทนคุณแผ่นดินอีสาน

พรรคแทนคุณแผ่นดินอีสานจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550[1] โดยมีนายสุธนัย เจริญดี[2] ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2551 นายสุธนัย เจริญดี[3] ได้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองถึงการเปลี่ยนชื่อของตนเป็นนายเกริกชัย เจริญดี ซึ่งการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคแทนคุณแผ่นดินอีสานนั้นในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 พรรคมิได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลยแม้แต่ผู้เดียว


รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ[4]


นโยบายทางการเมืองและการบริหาร

1.กระจายอำนาจการปกครองตนเองให้กับท้องถิ่น

2.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

3.พัฒนาสถาบันการเมืองและข้าราชการ สนับสนุนบทบาทของสถาบันสื่อมวลชนให้เป็นมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบถ่วงดุล

4.ป้องกันและปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวง

5.แก้ไขเพิ่มเติมในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน

6.สร้างกองทัพให้เป็นกองทัพอาสาสมัคร

7.ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นใช้เองภายในประเทศ


นโยบายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

1.ปฏิรูปกฎหมายให้มีความทันสมัย

2.ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน

3.จัดตั้งองค์กรให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนทางด้านกฎหมาย

4.เพิ่มช่องทางในการร้องทุกข์กล่าวโทษ

5.คุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาและพยาน


นโยบายเศรษฐกิจ

1.สนับสนุนการส่งออก ปรับโครงสร้างการผลิตภายในประเทศ เพิ่มจำนวน และบทบาทของสถาบันการเงิน

2.ลดการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ

3.ยกระดับสถาบันการเงินทั้งที่มีอยู่ให้ได้มาตรฐาน

4.แก้ปัญหาคนว่างงาน

5.ฝึกฝนทักษะเพิ่มเติมให้แรงงาน

6.ยึดถือแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

7.กำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท

8.ให้การส่งเสริมผู้ประกอบการทุกระดับ

9.ป้องกันการผูกขาดการผลิตสินค้าและบริการ

10.สนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ

11.พัฒนาเทคโนโลยีและบุคคลากรด้านอุตสาหกรรม

12.สร้างและพัฒนาเครื่องหมายการค้า

13.ปรับปรุงศูนย์พาณิชยกรรมและสำนักงานการพาณิชย์ในต่างประเทศเพื่อใช้เป็นสถานที่แสดงสินค้า


นโยบายการเกษตร

1.แก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร

2.สนับสนุนให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรรม

3.นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาปรับปรุงและพัฒนาด้านการเกษตร

4.พัฒนาระบบตลาดสินค้าเกษตร

5.ดำเนินการการปฏิรูปที่ดิน

6.ส่งเสริมการประกอบอาชีพเสริมแก่เกษตรกร


นโยบายพัฒนาสังคม

1.ส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง

2.พัฒนาและคุ้มครองเด็ก สตรี คนพิการ และทุพพลภาพ

3.ป้องกันและปราบปรามการผลิต เผยแพร่ยาเสพติด

4.ฟื้นฟูสุขภาพและจิตใจของผู้ติดยาเสพติด

5.เพิ่มแหล่งการเรียนรู้นอกระบบ


นโยบายสาธารณสุข

1.ปรับปรุงการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ

2.ขยายระบบประกันสุขภาพให้ทั่วถึง

3.ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้มีคุณภาพและพอเพียง

4.ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย

5.สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของภาครัฐและเอกชน

6.ขยายบทบาทในการดูแลสุขภาพอนามัยไปยังชุมชนและครอบครัว

7.ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์และโรคติดต่อชนิดร้ายแรงอื่นๆ

8.กำจัดของเสีย ขยะติดเชื้อ และบำบัดน้ำเสียของสถานพยาบาลและสาธารณสุข

9.จัดหาน้ำสะอาดเพื่อการบริโภคให้แก่ประชาชนในชนบทอย่างทั่ว


นโยบายการศึกษาและวัฒนธรรม

1.ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนและบุคลากรทุกระดับ

2.ส่งเสริมการศึกษานอกระบบอย่างกว้างขวาง

3.ส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงาน

4.จัดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพการศึกษา

5.สร้างระบบหอสมุดแห่งประชาชน

6.ส่งเสริมและพัฒนากิจการพิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะและเทคโนโลยี ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในพัฒนาการกีฬา


ด้านต่างประเทศ

1.ร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียน องค์กรในระดับภูมิภาคและระดับโลกที่ไทยเป็นสมาชิก

2.ไม่แทรกแซงกิจการภายในระหว่างกันและยึดถือหลักการต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน

3.จัดตั้งหน่วยงานเพื่อรวมศูนย์รับผิดชอบการเจรจาการค้าต่างประเทศ

4.จัดให้มีระบบระวังภัยทางทะเลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลร่วมกันของชาติอาเซียน

5.สนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 9ง หน้า 39
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 9ง หน้า 89
  3. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 42ง หน้า 59
  4. สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 9ง หน้า 39-65