อินทร สิงหเนตร
ผู้แต่ง : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
อินทร สิงหเนตร : ผู้ถูกขับจากสภา
รัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 บัญญัติไว้ในมาตรา 21 มีความตอนหนึ่งว่า
“สมาชิกภาพแห่งสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงเมื่อ
(1).....................
(5) สภาผู้แทนราษฎร วินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่งโดยเห็นว่ามีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่สภา มติในข้อนี้ต้องมีเสียงไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม”
การบัญญัติความดังกล่าวข้างต้นไว้ ก็เพื่อให้เห็นว่า สมาชิกสภาที่แม้จะมีอำนาจมากนี้ ก็อาจถูกเอาออกจากสภาให้พ้นตำแหน่งได้โดยสมาชิกจำนวนมากพิเศษของสภา หากผู้นั้นมี "ความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่สภา" และหลังจากใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาได้สัก 6 ปี ก็มีกรณีเกิดขึ้น ดังนั้น ลองมาดู "ดาวสภา". ท่านหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ถูกเพื่อนสมาชิกร่วมสภาใช้บทบัญญัติข้างบนนี้เล่นงานขับออกจากสภา ท่านผู้นี้คือนายอินทร สิงหเนตร
นาย อินทร สิงหเนตร เป็นคนเชียงใหม่ เกิดที่อำเภอเมือง บิดาชื่อ นายดวงชื่น มารดาชื่อนางบัวจันทร นายอินทร เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2440 ตอนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นมีอายุประมาณ 35 ปี อายุใกล้เคียงกับผู้ก่อการหลายคน ในด้านการศึกษา ท่านก็เรียนที่โรงเรียนปริ้นสรอแยลวิทยาลัย แล้วย้ายไปเรียนที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ส่วนการศึกษาระดับอุดมศึกษานั้นก็มาเรียนตอนโตมากแล้วที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ที่เพิ่งเปิดการเรียนการสอนเมื่อปี 2477 อันเป็นการเปิดสอนแบบ “ตลาดวิชา” เล่ากันว่าท่านศึกษาโดยหาตำราอ่านและมาสอบเอาก็ได้เป็นธรรมศาสตร์บัณฑิต และมีอาชีพเป็นทนายความได้ ภรรยาชื่อ เสงี่ยม ชุณหศิริ เป็นทนายความเหมือนกัน
ท่านได้ลงเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2480 ตอนนั้นเชียงใหม่มีผู้แทนได้ 3 คน ท่านลงสมัครในเขต 2 การเลือกตั้งครั้งนั้นประชาชนเลือกตั้งผู้แทนได้โดยตรง และท่านก็ชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้แทนสมใจ หลังเลือกตั้งแล้วนายกรัฐมนตรีก็ยังเป็นพระยาพหลพลพยุหเสนาตามเดิม แต่สภาชุดนี้อายุสั้น เพราะมีปัญหาขัดแย้งและรัฐบาลแพ้เสียงในสภา จึงมีการยุบสภา โดยจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 2481ซึ่งนายอินทรก็ลงเลือกตั้งและได้รับเลือกตั้งกลับเข้าสภาอีกครั้ง เข้าสภาครั้งนี้ได้ไม่นานก็เกิดเรื่องที่ทำให้นายอินทรต้องเดือดร้อน
ปรากฏว่าในวันประชุม วันที่ 25 มีนาคม (ในส่วนนี้ อจ.นิยมมีข้อชี้แนะว่า “ควรหมายเหตุว่าประเทศไทยสมัยนั้นเปลี่ยน พ.ศ. เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม ไม่เช่นนั้น คนอ่าจจะสงสัยว่าทำไมเดือนพฤศจิกายน จึงมาก่อนเดือนมีนาคม) พ.ศ.2481 ผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา ชื่อนายแวเละ เบญอานัชร์ ได้เสนอญัตติเรื่องการกำหนดสมัยประชุมสามัญประจำปีว่าควรจะใช้วันใด จึงมีผู้เสนอให้ใช้วันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินมาสู่ระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นวันที่สำคัญ
แต่นายอินทรไม่ค่อยจะเห็นด้วย จึงแสดงความเห็นค้าน ดังที่ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์ ได้เขียนเล่าไว้ในบันทึกของท่าน
“นายอินทร สิงหเนตร ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ ได้อภิปรายคัดค้านความว่า การที่ถือเอาวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันสำคัญของชาตินั้นไม่เห็นด้วย เพราะวันนั้นหากผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองทำการไม่สำเร็จ ก็ต้องเป็น ‘วันกบฏ’ และเสนอความเห็นว่าควรเป็น ‘วันที่ 27 มิถุนายน’ เพราะเป็นวันที่ราษฎรได้รับพระราชทานรัฐธรรมนูญ” ฟังดูก็อาจไม่มีอะไรที่รุนแรงนักก็ได้ แต่เขาว่าคำอภิปรายของนายอินทร ทำให้สมาชิกในสภาไม่พอใจ ดังที่ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์ เล่าไว้ต่อมาอีกว่า
“นายซิม วีระไวทยะ สมาชิกประเภทที่ 2 ได้ประท้วงคำกล่าวนั้น และขอให้ผู้กล่าวถอนคำพูดที่ว่า วันที่ 24 มิถุนายนเป็นวันกบฏ เพราะได้มีการนิรโทษกรรมแล้ว นายอินทร สิงหเนตร ได้ยอมถอนคำพูดตามที่มีสมาชิกทักท้วง”
นี่ขนาดถอนคำพูดไปแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องเล่ากันสนั่นเมือง คนนอกสภาก็คิดว่าเรื่องนี้คงจะจบไปแล้ว เพราะที่ประชุมก็ตกลงกำหนดวันได้ว่า ให้เริ่มสมัยประชุมในวันที่ 24 มิถุนายน แต่เรื่องนี้กลับไม่จบอย่างที่คิด หลังจากนั้นเพียง 3 วัน คือในวันที่ 28 มีนาคม ปีเดียวกัน สมาชิกสภากลุ่มหนึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและที่มาจากการแต่งตั้ง ได้ร่วมกันยื่นญัตติต่อประธานสภาว่าการอภิปรายของนายอินทร สิงหเนตร ในวันที่ 25 มีนาคม เมื่อสามวันก่อนหน้านี้ มีเจตนาร้ายมุ่งหมายให้เกิดการดูหมิ่นเกลียดชังระบอบประชาธิปไตย จึงไม่สมควรอยู่เป็นผู้แทนราษฎรต่อไป เรื่องนี้จบลงตามที่ประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์ บันทึกว่า
“ที่ประชุมลงมติให้นายอินทร สิงหเนตร ออกจากสมาชิกภาพด้วยคะแนน113 ต่อ 15 ซึ่งเกินกว่าจำนวน 2 ใน 3 ของสมาชิก ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ นายอินทร สิงหเนตร จึงพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”
การบันทึกของประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์ จึงเป็นบันทึกการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นจากตำแหน่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยที่หลวงพิบูลฯเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนผู้ที่ได้รับเลือกเข้าสภามาแทนนายอินทร คือ นายสี่หมื่น มณีสอน ต่อมาประเทศอยู่ในภาวะสงครามสมาชิกสภาจึงได้รับการขยายอายุ และมามีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2489 นายอินทร จึงลงสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้งและคนเชียงใหม่ก็เลือกนายอินทร เข้าสภาอีกครั้ง 2 ปีต่อมาในวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2491ท่านก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2492 และสุดท้ายของชีวิต ท่านถูกลอบยิงเสียชีวิตที่หน้าวัดศรีดอนไชย จังหวัดเชียงใหม่