สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสู่ความเป็นรัตนองค์กร
ผู้เรียบเรียง วัชรา ไชยสาร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ พรรณราย ขันธกิจ
ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้เขียนบทความ เรื่อง “สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสู่ความเป็นรัตนองค์กร” ได้นำเสนอความสำคัญของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และความจำเป็นที่จะต้องมีความร่วมมือขององค์กรเครือข่าย[1] ดังต่อไปนี้
ความสำคัญของนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 หมวด 5 “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” ได้บัญญัติแนวนโยบาย ที่สำคัญๆ ไว้หลายอย่าง ซึ่งถ้าทำได้ประเทศชาติจะประสบความเจริญ แต่เป็นเรื่องที่ทำได้ยากที่ทำได้ยากเพราะบ้านเมืองขาดกลไกในการทำเรื่องยาก
ฉะนั้น มาตรา 89 ในหมวดนี้ จึงบัญญัติว่า “เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามหมวดนี้ ให้รัฐจัดให้มีสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ...” เป็นอันว่าสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับการบัญญัติขึ้นมาในรัฐธรรมนูญ ให้เป็นเครื่องมือทำสิ่งที่ยากแต่สำคัญมาก คือ แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
“นโยบาย” เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะกระทบทุกอณูของสังคม และกำหนดทิศทางที่สังคมจะดำเนินไปในอนาคต นโยบายที่ดีมีได้ยากเพราะขาดพลังความดี แต่มีพลังของผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มที่จะทำให้นโยบายเฉไฉไปทางอื่น ไม่เป็นสัมมาพัฒนา นโยบายไม่ดี ทำให้เกิดมิจฉาพัฒนา มิจฉาพัฒนาทำให้ปัญหาต่างๆ เพิ่มพูนขึ้นจนขัดแย้งรุนแรงและวิกฤต
แนวนโยบายของรัฐที่ดี จึงมีความสำคัญมากถึงกับเป็นความเป็นความตายของประเทศ ถ้าสภาที่ปรึกษาฯ สามารถเป็นกลไกให้เกิดนโยบายของรัฐที่ดีที่ขณะนี้ไม่มีองค์กรหรือบุคคลใดทำได้ สภาที่ปรึกษาฯ จะเป็นองค์กรอันประเสริฐ หรือรัตนองค์กร
ความจำเป็นที่จะต้องมีความร่วมมือขององค์กรเครือข่าย
ในเมื่อสภาที่ปรึกษาฯ มีหน้าที่ที่สำคัญถึงปานนี้ แต่เป็นเรื่องที่ยาก ภาคสังคม ภาควิชาการ ภาคสื่อมวลชน ไม่ควรจะนิ่งดูดายให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ จำนวน 99 คน ดำเนินการโดยลำพัง แต่ต้องเข้ามาร่วมมือสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะภารกิจแห่งชาติเป็นภารกิจร่วมกันของคนทั้งชาติ ควรมีการทำงานเป็นเครือข่ายกับภาคีต่างๆ ดังนี้

ประการแรก ต้องมีความมุ่งมั่นร่วมกันว่า สภาที่ปรึกษาฯ และเครือข่ายภาคีที่สนับสนุนจะทำงานในเรื่อง “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” เพื่อให้ประเทศชาติไปสู่การพัฒนาที่ดี ต้องแน่วแน่ ที่จะทำงานเรื่องนโยบาย มีข้อควรระวัง คือ
- อย่าไปทำแยกย่อยเป็นเบี้ยหัวแตก จะไม่มีพลัง กลายเป็นองค์กรจับฉ่าย
- อย่าไปทำตัวเป็นองค์กรรับเรื่องร้องทุกข์ เพราะทุกข์เป็นอาการของโรค คือ การพัฒนาที่ไม่ถูกต้อง นโยบายที่ดีคือการรักษาที่สมุฏฐานของโรค
- ไม่ทำตัวเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลหรือเป็นเอ็นจีโอแห่งชาติ เพราะจะพลาดจากภารกิจหลักเรื่องนโยบาย
ประการที่สอง สร้างภาคีในการทำงานที่ยาก ถ้าไม่มีภาคี ไม่สำเร็จ ต้องถือว่าเรื่องนโยบายที่ดี มีองค์กรอื่นๆ อีกที่มีความสำคัญ ควรเชิญองค์กรต่างๆ เข้ามาเป็นภาคี เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งถือว่านโยบายสาธารณะที่ดีเป็นเรื่องใหญ่อย่างหนึ่งขององค์กร สำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ (สปรส.) ซึ่งเชี่ยวชาญการทำงานเรื่องนโยบายสาธารณะ และมีเครือข่ายที่จัดสมัชชาสุขภาพอยู่ในทุกจังหวัด หรือแม้ คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ก็เกี่ยวข้องกับนโยบายที่สำคัญๆ อยู่หลายเรื่อง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ซึ่งทำงานกับเครือข่ายองค์กรชุมชนทั่วประเทศ แนวนโยบายที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ เรื่องสิทธิชุมชน ภาคีองค์กรสื่อมวลชน ประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เป็นต้น
การเป็นภาคีเป็นไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับใครหรือขึ้นกับใคร ทุกฝ่ายมาเชื่อมโยงกันด้วยสปิริต และด้วยการมีความมุ่งหมายร่วมกัน คือ ความเจริญของชาติบ้านเมือง การเป็นภาคี ทำให้มีความสุขและ มีพลังมหาศาล อาจกำหนดให้มีคณะทำงานร่วมระหว่างภาคี
ประการที่สาม รวมตัวสร้างวิสัยทัศน์ร่วม และกำหนดประเด็นนโยบายสาธารณะที่จะผลักดัน ควรจะมีการประชุมเครือข่ายภาคี เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ร่วมและกำหนดประเด็นนโยบายสาธารณะ ถ้าคณะทำงานได้ทำงานล่วงหน้า สังเคราะห์ประเด็นมานำเสนอ จะมีความก้าวหน้าเร็วขึ้น สกว. ได้ทำวิจัยเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายสาธารณะไว้มาก อาจขอให้มานำเสนอก็ได้ และควรจะดูมาตราต่างๆ ทั้งในรัฐธรรมนูญหมวด 5 “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” และในหมวดอื่นๆ บางเรื่องเป็นเรื่องใหญ่เรื่องเดียวกัน แต่กระจายอยู่ในหลายมาตรา ควรจะสังเคราะห์มารวมกันเป็นแนวทางใหญ่ๆ เช่น
- เรื่องความเป็นธรรมทางสังคม รวมทั้งระบบความยุติธรรม
- การใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
- สิทธิชุมชน
- การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น
ตามมาตรา 76 บทบาทของประชาชนในทางนโยบาย และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
มาตรา 87 ที่พูดถึงระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนั้น จะตีความอย่างไร ให้เข้ากับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
มาตรา 40 “คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และวิทยุ โทรคมนาคมเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ...”
ถ้ามีการสื่อสารให้คนไทยรู้ความจริงโดยทั่วถึง ประเทศจะเจริญอย่างรวดเร็ว นโยบายการสื่อสารสาธารณะจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดเหล่านี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น
ประการที่สี่ จัดเวทีนโยบายสาธารณะเป็นประจำ เพื่อขับเคลื่อน “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา”
“สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” เป็นวิธีขับเคลื่อนสิ่งยาก ประกอบด้วย
(1) สร้างความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
(2) การเคลื่อนไหวทางสังคม
(3) การเชื่อมโยงกับอำนาจรัฐ
การวิจัยสร้างความรู้ตาม (1) ควรขอให้ สกว. รับผิดชอบ สภาที่ปรึกษาฯ และภาคีควรรับผิดชอบนำประเด็นนโยบายสาธารณะที่ได้ตาม (1) มาสู่เวทีนโยบายสาธารณะที่เปิดการมีส่วนร่วมโดยกว้างขวาง เป็นการขับเคลื่อน (2) และ (3) ไปพร้อมกันและอย่างเชื่อมโยงกัน
ถ้าสภาที่ปรึกษาฯ สามารถดำเนินการตามนี้ได้ จะเกิดประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อบ้านเมือง สภาที่ปรึกษาฯ จะกลายเป็นเครื่องมือที่แก้ความติดขัดของบ้านเมือง เป็นองค์กรที่มีความประเสริฐ หรือเป็น รัตนองค์กร
ทั้งนี้ ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส มีความเชื่อพื้นฐานว่า มนุษย์ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอยู่ในหัวใจ จริงอยู่คนมีกิเลส ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทำที่น่าเกลียดต่างๆ แต่กิเลสไม่ใช่ด้านเดียวของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีด้วย ถ้ารดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ดี ความดีก็จะงอกงามแผ่ไพศาล ออกมาเชื่อมโยงเป็นความร่มเย็นและความงดงามได้ ซึ่งการทำงานของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประดุจการรดน้ำ พรวนดินเมล็ดพันธุ์แห่งความดีในหัวใจของทุกคน ให้งอกงามเติบโตขึ้นสร้างความถูกต้อง ความดีความงามในบ้านเมืองของเรา
ที่มา
ประเวศ วะสี สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสู่ความเป็นรัตนองค์กร. มติชนรายวัน วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 10057.
ดูเพิ่มเติม
ศ. นพ. ประเวศ วะสี. การบรรยายพิเศษ เรื่อง “บทบาทสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กับแนวทางการพัฒนานโยบายสาธารณะ” วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2548 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 1 สำนักงาน
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ http://www2.nesac.go.th/NESAC_LIVE/prawet/, กันยายน 2553.
อ้างอิง
- ↑ ประเวศ วะสี สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสู่ความเป็นรัตนองค์กร. มติชนรายวัน วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 10057.