สภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง วัชรา ไชยสาร


ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ พรรณราย ขันธกิจ


สภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน (Chinese People's Political Consultative Conference : CPPCC)

ความเป็นมาของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน

สภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน (Chinese People's Political Consultative Conference : CPPCC) เป็นองค์กรระดับชาติที่เกิดจากกลุ่มความร่วมมือระหว่างพรรคการเมือง ตลอดจนชาติและวิชาชีพต่างๆ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่สำคัญในการพัฒนาระบอบการปกครองประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมรูปแบบหนึ่งสภาที่ปรึกษาทางการเมืองก่อตั้งขึ้นครั้งแรก ก่อนวันสถาปนาประเทศสาธารณรัฐ

ประชาชนจีนใหม่ โดยระหว่างวันที่ 21 - 30 กันยายน 1949 ได้มีการจัดการประชุมเต็มคณะครั้งแรก การประชุมครั้งนั้น จัดขึ้นแทนอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนประชาชนจีน และเป็นตัวแทนของความมุ่งหมายแห่งประชาชน ในการประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีมติผ่านข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ต่างๆ พร้อมนี้ได้ประกาศให้กรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวง และกำหนดให้ธงดาวแดงเป็นธงชาติ และให้เพลงมาร์ช “กองกำลังทหารอาสา” เป็นเพลงชาติ รวมถึงกำหนดรูปแบบการบันทึกปีศักราช ตามลำดับปีของคริสศักราช และยังได้จัดตั้งสภาที่ปรึกษาทางการเมืองทั่วประเทศในเขตที่สำคัญ และในเมืองที่เป็นศูนย์กลางชนชาติส่วนน้อย

5 ปีแรกหลังก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนใหม่ สภาที่ปรึกษาทางการเมืองได้ฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจประชาชาติ ปฏิรูปสังคม ประสานแนวรบ ทั้งนี้เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็น ปึกแผ่นและสามัคคีระหว่างชนชาติต่างๆ ในประเทศ

การประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน (Chinese People's Political Consultative Conference : CPPCC)

ภายหลังการกำหนด “ระเบียบข้อบังคับของสภาที่ปรึกษาทางการเมือง” ในปี ค.ศ. 1954 เป็นต้นมา หน่วยจัดตั้งของสภาที่ปรึกษาทางการเมือง ได้เกิดขึ้น จาก 100 เป็น 1,000 กว่าแห่ง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1982 ที่มีการแก้ไขระเบียบข้อบังคับสภาฯใหม่ ทั่วประเทศมีหน่วยจัดตั้งสภาที่ปรึกษาทางการเมืองรวมกว่า 3,000 แห่ง มีสมาชิกในระดับต่างๆ กว่า 500,000 คน [1]

ในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งสภาที่ปรึกษาฯ มีคณะกรรมการกลางมาทั้งสิ้น 9 ชุด โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกลางของสภาฯ เรียงลำดับดังนี้ เหมาเจ๋อตง โจวเอินไหล (3 สมัย) เติ้งเสี่ยวผิง เติ้งอิ่งเชา (หญิง) หลี่เซียนเนี่ยน หลี่รุ่ยหวน (2 สมัย) ชุดปัจจุบัน (มีนาคม 2008 – ปัจจุบัน) เป็นชุดที่ 11 มี เจี่ยชิ่งหลิน (Mr. Jia Qinglin) เป็นประธานสภาฯ (2 สมัย) ทั้งนี้ คณะกรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี[2]

คณะสภาที่ปรึกษาฯ ไทยเข้าร่วมประชุมหารือกับ Mr. Jia Qinglin, ประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมือง
(Chinese People's Political Consultative Conference : CPPCC) กรุงปักกิ่ง

องค์ประกอบของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน

สภาที่ปรึกษาทางการเมืองได้จัดตั้งคณะกรรมการ 2 ระดับ คือ คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาฯ ระดับชาติ และคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาฯ ประจำท้องถิ่น

คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาฯ ระดับชาติ ประกอบด้วย คณะบุคคลจากพรรคการเมืองและกลุ่มต่างๆ ดังนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย คณะบุคคลที่ไม่สังกัดพรรคการเมือง กลุ่มสมาคมฝ่ายมวลชน ผู้แทนจากชนส่วนน้อยเชื้อสายต่างๆ รวมทั้ง ตัวแทนจากไต้หวัน ฮ่องกง และชาวจีนโพ้นทะเล ที่ได้รับเชิญมาเป็นกรณีพิเศษ

ในส่วนของคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาฯ ประจำท้องถิ่น จะจัดตั้งขึ้นตามแต่สภาพการณ์ของแต่ละท้องถิ่น และทำการสรรหาคณะบุคคลมาร่วมงานตามแบบการจัดตั้งของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองระดับชาติ

การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญในสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน อาทิ ประธาน รองประธาน และเลขาธิการ จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสภาที่ปรึกษาทางการเมืองระดับชาติ

ในแต่ละปี คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาทางการเมือง ระดับชาติ จะมีการจัดประชุมเต็มคณะ 1 ครั้ง ยกเว้นที่มีกรณีพิเศษที่คณะกรรมการฯ มีความเห็นพ้องกันว่าจำเป็น จึงจะจัดประชุมวิสามัญขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาฯ จะจัดตั้งคณะกรรมการประจำขึ้นชุดหนึ่ง เพื่อบริหารงาน

คณะกรรมการประจำประกอบด้วย ประธาน รองประธาน เลขาธิการ และกรรมการประจำ โดยผู้สมัครที่จะมาดำรงตำแหน่งดังกล่าวข้างต้น มาจากการเสนอชื่อของคณะผู้แทนพรรคการเมือง สมาคม ชนส่วนน้อยกลุ่มต่างๆ และตัวแทนคณะบุคคลต่างๆ และผ่านการคัดสรรจากที่ประชุม คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาทางการเมืองระดับชาติเต็มคณะ ในลำดับสุดท้าย[3]

บทบาททางการเมืองการปกครองของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน

ภาระหน้าที่ที่สำคัญของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ มี 3 ด้านคือ เป็นที่ปรึกษาทางการเมือง ควบคุมดูแลตามหลักการประชาธิปไตย และเข้าร่วมในกิจกรรมด้านการเมือง ในขอบข่ายของพรรคการเมือง สมาคมและกลุ่มชนส่วนน้อยต่างๆ

หน้าที่ในการเป็นที่ปรึกษาทางการเมือง หมายถึง ให้คำปรึกษาในนโยบายหลักๆ ก่อนและระหว่างการกำหนดหรือวางแผนยุทธศาสตร์การบริหารงาน ทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ยังให้คำปรึกษาเกี่ยวข้องกับปัญหาสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งนี้ มีกลุ่มตัวแทนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คณะกรรมการประจำของสภา ผู้แทนประชาชนแห่งชาติ รัฐบาลประชาชน พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย และกลุ่มมวลชนต่างๆ จะร่วมกันเสนอให้สภาที่ปรึกษาฯจัดตั้งคณะทำงานจากตัวแทนต่างๆ ดำเนินการประชุมหารือพร้อมทั้งเสนอแนะความคิดเห็น ต่อกรณีปัญหาสำคัญของประเทศ

หน้าที่ในการควบคุมดูแลตามหลักการประชาธิปไตย หมายถึง ควบคุมตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานทางการเมือง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งชาติจีน และสอดคล้องกับกฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ตรวจสอบควบคุมนโยบายชี้นำที่กำหนดโดยผู้นำประเทศและโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนี้ ยังควบคุมดูแลการดำเนินนโยบายให้เป็นผลจนถึงที่สุด อีกทั้งควบคุมตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่บริหารประเทศ หน่วยงานของรัฐ ให้อยู่ในหน้าที่โดย ความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต และเคารพกฎเกณฑ์ของหน่วยงานด้วย ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษาฯ อาศัยการวิพากษ์วิจารณ์และการเสนอแนะความคิดเห็น เป็นหนทางในการควบคุมตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานทางการเมืองเหล่านี้

หน้าที่ในการเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง อาทิ จุดประกายความคิดเห็นและความสนใจของมวลชน และเจ้าหน้าที่ทำงานของรัฐและพรรคฯ ในประเด็นทางการเมือง ด้วยการทำการสำรวจหรือศึกษาวิจัยว่าด้วยประเด็นปัญหาที่สำคัญ และริเริ่มเสนอแนะความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ ต่อรัฐบาล ผู้นำประเทศ และต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ที่มา

สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. รายงานการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจด้านวิเทศสัมพันธ์และศึกษาดูงาน เพื่อเชื่อมสัมพันธภาพกับสภาที่ปรึกษาประชาชนแห่งชาติของจีน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 18-23 มิถุนายน 2549.


ดูเพิ่มเติม

http://en.wikipedia.org/wiki/Chinese_People's_Political_Consultative_Conference, กันยายน 2553.

http://www.china.com.cn/english/chuangye/55437.htm, กันยายน 2553.

http://www.nesac.go.th/China/

อ้างอิง

  1. http://www.china.com.cn/english/chuangye/55437.htm, กันยายน 2553.
  2. http://en.wikipedia.org/wiki/Chinese_People's_Political_Consultative_Conference, กันยายน 2553.
  3. รายงานการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจด้านวิเทศสัมพันธ์และศึกษาดูงาน เพื่อเชื่อมสัมพันธภาพกับสภาที่ปรึกษาประชาชนแห่งชาติของจีน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 18-23 มิถุนายน 2549.