วิจิตร ลุลิตานนท์

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้เรียบเรียง : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต


วิจิตร ลุลิตานนท์ : เลขาธิการเสรีไทย

          เมื่อคุยกันถึงบุคคลหมายเลขหนึ่งของขบวนการเสรีไทยไปแล้ว ก็น่าจะคุยกันต่อถึงบุคคลอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทในความเงียบ เป็นผู้ประสานงานเสรีไทยเพราะเป็นเลขาธิการเสรีไทย ท่านคือ ศาสตราจารย์ วิจิตร ลุลิตานนท์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ดังที่หัวหน้าเสรีไทยท่านเล่าเอาไว้ว่า

          “ข้าพเจ้าได้มอบให้นายวิจิตร ลุลิตานนท์ เลขาธิการมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งทำหน้าที่เลขาธิการองค์การต่อต้านซึ่งต่อมาใช้ชื่อว่า "ขบวนการเสรีไทย" นั้น เป็นหัวหน้าพนักงานฝ่ายความเป็นอยู่ของผู้ถูกกักกันเท่านั้น”

          วิจิตร ลุลิตานนท์ เป็นคนกรุงเทพฯหรือพระนครในสมัยก่อนนั่นเอง มีบิดาชื่อหลวงวิจารณสุขกรรม (ติ๊ด ลุลิตานนท์) มารดาชื่อทรัพย์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2449 ที่บ้าน "ลุลิตานนท์" ถนนสีลม ในด้านการศึกษานั้นท่านได้เข้าเรียนเบื้องต้นที่โรงเรียนเล็กๆในตรอกโรงภาษี ต่อมาก็เรียนที่โรงเรียนผดุงดรุณี จากนั้นจึงมาเรียนทั้งชั้นประถมและมัธยมที่โรงเรียนอัสสัมชันจนจบชั้นมัธยมศึกษาจึงได้มาศึกษาวิชากฎหมายที่โรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ศึกษาจบได้เป็นเนติบัณฑิต เมื่อ พ.ศ.2470 หลังจากศึกษาจบแล้วประมาณสองปี ท่านได้สมรสกับ นางสาวทิพวดี ตัณฑสวัสดิ์

          ชีวิตการทำงานหลังจากเรียนจบก็คือเริ่มด้วยฝึกงานที่กรมร่างกฎหมาย แล้วมาเป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนกฎหมาย จากนั้นเป็นผู้พิพากษาฝึกหัดกระทรวงยุติธรรม ตอนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อพ.ศ.2475 นั้นท่านเป็นผู้พิพากษาอยู่ที่กระทรวงยุติธรรม หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองฯแล้ว ในปี 2476 ท่านได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการกรมร่างกฎหมายอยู่ปีกว่าๆ ในปี 2477 ได้เป็นหัวหน้าแผนกในกองกฤษฎีกาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อมีการตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ท่านก็ได้เป็นผู้บรรยายคนหนึ่งของมหาวิทยาลัย และที่สำคัญได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดทำตำราของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย การจัดการเรียนของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองนั้นเป็นเสมือนตลาดวิชา นักศึกษาจำนวนมากไม่ได้มีโอกาสเข้าห้องเรียน ตำราที่จะใช้ช่วยในการศึกษาจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก และในปีถัดมาท่านก็ได้ช่วยงานบริหาร เป็นผู้ช่วยเลขาธิการมหาวิทยาลัยอยู่จนถึงปี 2484 ก็ได้เป็นเลขาธิการมหาวิทยาลัย และต้องมีความรับผิดชอบสำคัญเป็นเลขาธิการเสรีไทยนั่นเอง ดังที่ไสว สุทธิพิทักษ์ ได้เขียนเล่า

          “...วิจิตร ลุลิตานนท์ เป็นหัวหน้าศูนย์บัญชาการของขบวนการเสรีไทย ซึ่งจะเรียกว่าท่านเป็นเสนาธิการของกองบัญชาการก็ว่าได้ ท่านเป็นผู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติการของขบวนการเสรีไทยในประเทศ”

          คนที่สนใจงานของเสรีไทย คงไม่ลืมว่าเมื่อครั้งที่ “เข้ม” หรือ ป๋วย อึ้งภากรณ์ มาปฏิบัติงานสำคัญคือส่งสารจากคนสำคัญของอังกฤษให้นายปรีดีหัวหน้าเสรีไทยนั้น นายป๋วยได้ประสานและไปมอบสารให้นายปรีดีที่บ้านพักของวิจิตร ลุลิตานนท์ ที่บางเขน แบบลับๆ ที่จริงอาจารย์วิจิตรมีเรื่องเกี่ยวกับเสรีไทยที่จะบันทึกไว้ให้คนไทยได้รู้อยู่ไม่น้อย แต่ท่านไม่ได้ทำไว้จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้

          สำหรับงานทางด้านการเมืองอาจารย์วิจิตร มาได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2488 นั่นก็คือภายหลังที่นายกรัฐมนตรีหลวงพิบูลสงคราม ถูกสภาฯบีบโดยไม่ยอมผ่านกฎหมายอนุมัติพระราชกำหนด 2 ฉบับ และเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีรัฐบาลชุดหลังสงครามของนายกรัฐมนตรี ทวี บุณยเกตุ อาจารย์วิจิตร ก็ได้เข้าร่วมรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีลอย แต่รัฐบาลของนายทวีนั้นอายุสั้น เพราะเป็นรัฐบาลที่เข้ามาชั่วคราวรอ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มาเป็นนายกฯ ซึ่งในรัฐบาลที่มี ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นนายกฯ อาจารย์วิจิตร ก็ได้ร่วมรัฐบาลโดยเป็นรัฐมนตรีสั่งราชการกระทรวงการคลัง มาเว้นไม่ได้ร่วมรัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ที่ตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งตอนต้นเดือนมกราคม ปี 2489 แต่เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่  ฉบับ พ.ศ.2489 ที่ทำให้รัฐสภาประกอบด้วยพฤฒสภาและสภาผู้แทนฯ อาจารย์วิจิตร ก็ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกพฤฒสภาชุดแรกด้วยในสมัยที่ นายปรีดี พนมยงค์ เป็นนายกรัฐมนตรี

          ครั้นนายปรีดีลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ได้เข้ามาเป็นนายกฯตั้งรัฐบาลใหม่ อาจารย์วิจิตรได้เข้าร่วมรัฐบาลและได้ตำแหน่งสำคัญเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ท่านได้เป็นขุนคลังของนายกฯหลวงธำรงฯอยู่จนรัฐบาลถูกคณะรัฐประหารยึดอำนาจล้มรัฐบาลในวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 2490 และท่านก็เป็นขุนคลังที่หลวงธำรงฯระบุว่าท่านเป็นผู้ไปรื้อเอาเรื่องที่ญี่ปุ่นเป็นหนี้รัฐบาลไทยระหว่างสงคราม มีค่าทองคำที่ต้องชำระหนี้มีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท และเริ่มดำเนินการ เพียงแต่มาสำเร็จผลหลังจากท่านพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วเท่านั้น

          การพ้นจากตำแหน่งการเมืองนั้นไม่หนักหนาอะไรนัก แต่การที่เป็นผู้ที่ร่วมทำงานกับนายปรีดีทั้งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และที่ขบวนการเสรีไทย ทำให้อาจารย์วิจิตรได้ถูกฝ่ายตรงข้ามนายปรีดีคุกคามมาก แต่ท่านก็ประคองตัวทำงานที่มหาวิทยาลัยที่ถูกเปลี่ยนชื่อให้สั้นลงเอาคำว่า “การเมือง” ออกไปเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์วิจิตรได้เป็นศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่จนเกษียณอายุราชการ และก็ได้เป็นศาสตร์พิเศษของมหาวิทยาลัยสืบมา นับว่าน้อยคนมากที่จะเป็นเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังเป็นบุคคลเดียวที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ทำการแทนคณบดีเป็นการประจำ” อยู่เกือบ2ปี และยังเคยเป็นบรรณาธิการวารสารธรรมศาสตร์ นอกจากการสอนหนังสือและเขียนตำรากฎหมายหลายฉบับ ตำรา “วิทยาการคลังและกฎหมายการคลัง” ก็เป็นตำราเล่มหนึ่งที่มีคนกล่าวถึงมาก

          ศาสตราจารย์วิจิตร ลุลิตานนท์ เสรีไทยผู้นี้ได้มีชีวิตอยู่จนถึงแก่อนิจกรรมในวันที่ 9 ธันวาคม ปี 2530