วนิช ปานะนนท์
ผู้เรียบเรียง : ศาสตราจารย์พิเศษ นรนิติ เศรษฐบุตร
ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ : รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต
วนิช ปานะนนท์ : ผู้ประสานกับญี่ปุ่น
ในตอนที่รัฐบาลไทยของนายกรัฐมนตรีหลวงพิบูลสงครามคบเป็นมิตรกับญี่ปุ่นซึ่งเป็นมหาอำนาจที่สำคัญในเวลานั้นคือ ช่วงเวลาหลังวันที่ 8 ธันวาคม ปี 2484 โดยยอมให้กองทหารญี่ปุ่นเดินทัพผ่านและเข้ามาอยู่ในประเทศไทยนั้น มีรัฐมนตรีดาวรุ่งที่น่ารู้จักมากอยู่ท่านหนึ่งชื่อ วนิช ปานะนนท์ จนมีคนมองว่าท่านเป็นรัฐมนตรีที่มาพร้อมกับญี่ปุ่น เพราะท่านได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลของหลวงพิบูลฯในวันที่ 17 ธันวาคม ปี 2484 หลังวันที่ไทยยอมตกลงกับญี่ปุ่นเพียง 9 วันเท่านั้นและได้มาเป็นรัฐมนตรีสั่งราชการแทนรัฐมนตรีคลัง หลังรัฐมนตรีคลังคนก่อนคือ นายปรีดี พนมยงค์ คนที่ทางฝ่ายญี่ปุ่นไม่ค่อยชอบ พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีไปดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในวันที่16 ธันวาคม ปี 2484 นั่นคือเพียงวันเดียวจึงมีคนเชื่อว่าท่านเป็นคนที่นายกฯหลวงพิบูลฯไว้วางใจมาก แต่ต่อมาก็มีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น วนิช ปานะนนท์ ถูกตำรวจเข้าจับกุมขณะเป็นรัฐมนตรี ในข้อหาร้ายแรงเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ และที่ร้ายกว่านั้นท่านรัฐมนตรีวนิช ปานะนนท์ ได้เสียชีวิตในที่คุมขังโดยมีรายงานว่าท่านได้ปลิดชีวิตตัวท่านเองจะว่าไปแล้วบทบาทที่รัฐมนตรี วนิช ปานะนนท์ มีและทำอะไรทั้งที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อประเทศก็มิได้มีการเปิดเผยมากนัก
วนิช ปานะนนท์ เป็นคนเมืองชลแต่มาจากครอบครัวพ่อค้าข้าว เกิดที่ตำบลพานทอง อำเภอพานทอง มีบิดาเป็นพ่อค้าข้าวเปลือก ชื่อปาน มารดาชื่อแจ่ม ทางด้านการศึกษานั้นเริ่มเรียนที่บ้าน มาก่อน เมื่อโตขึ้นมาจึงได้เข้ามาเรียนที่ตัวจังหวัดที่โรงเรียนวัดบางทราย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จนถึงชั้นมัธยมปีที่ 2 ในปี 2460 จากนั้นจึงได้เดินทางเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯที่โรงเรียนวัดปทุมคงคา ตอนนั้นอายุได้ 14 ปี ตามประวัติระบุว่าเมื่อสอบได้ชั้นมัธยมปีที่ 5 ในปี 2463 จึงได้เข้าโรงเรียนนายเรือแต่มีคนน้อยคนที่จะทราบว่าท่านเคยเป็นนักเรียนนายเรือ เพราะท่านเลือกที่จะออกไปทำมาค้าขายก่อนเรียนจบกับพี่ชายคือ นาย ขจร ปานะนนท์ โดยใช้ความรู้และประสบการณ์จากออกภาคปฏิบัติของนักเรียนนายเรือที่ต่างประเทศจึงได้รู้ได้เห็นโอกาสที่จะค้าขายได้กว้างขวาง ปรากฏว่าในปี 2468 วนิช ได้ร่วมกับพี่ชายเปิดร้าน “ เอส วี บราเดอร์ ” ที่ริมถนนมหาราชบริเวณท่าเตียน และอีกสองปีต่อมาวนิช ก็มาเป็นเจ้าของกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงของตัวเอง สำหรับชีวิตครอบครัวท่านได้สมรสกับคุณ สงวน ผู้เป็นน้องสาวของหลวงสินธุสงครามชัย
อีก 5 ปี ต่อมาเมื่อมีการปฏิวัติปี 2475 วนิช ปานะนนท์ นั้นแม้จะมิได้เป็นทหารเรือแต่เป็นพลเรือนที่ได้เข้าร่วมในคณะผู้ก่อการสายทหารเรือที่มีหลวงสินธุสงครามชัยเป็นหัวหน้าสาย ทั้งนี้เพราะวนิช นอกจากเคยเรียนที่โรงเรียนนายเรือมาก่อนจึงมีเพื่อนเป็นทหารเรืออยู่มากและท่านยังเป็นน้องเขยหลวงสินธุฯอีกด้วย หลังการปฏิวัติไม่นานในวันที่ 1 เมษายน ปี 2476 วนิช ก็ได้รับแต่งตั้งให้ทำงานที่ตนถนัดคือเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ท่านได้เป็นหัวหน้าแผนกน้ำมันที่กระทรวงกลาโหมซึ่งขณะนั้นมีพลเรือโท พระยาราชวังสัน พี่เขยอีกคนหนึ่งที่แม้จะมิได้เป็นผู้ก่อการฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และในปีต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ปี 2477 สมัยนายกรัฐมนตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา วนิช ปานะนนท์ ก็เป็นพลเรือนที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกเชื้อเพลิงที่กรมพลาธิการทหารบก ครั้งนั้นผู้ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เปลี่ยนมาแล้วสองคนมาเป็นพระยาพหลฯ นับว่าคุณวนิช เป็นพลเรือนที่ทำงานในสายงานทหารได้เป็นอย่างดี ครั้นมาถึงวันที่ 14 กันยายน ปี 2482 ในรัฐบาลของหลวงพิบูลสงครามสมัยแรก คุณวนิช ก็ได้ย้ายมาเป็นรักษาการอธิบดีกรมพาณิชย์ กระทรวงเศรษฐการ และพอครบปีก็ได้เป็นอธิบดีกรมพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม
จากนั้นในวันที่ 4 กันยายน ปี 2484 สมัยนายกฯหลวงพิบูลสงคราม รัฐบาลก็ย้ายคุณวนิช ข้ามกระทรวงไปเป็นอัครราชทูตประจำกระทรวงอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ตอนนั้นทูตไทยที่ กรุงวอชิงตันและที่กรุงลอนดอนก็เป็นเพียงอัครราชทูตเช่นกัน และเพียงเวลา 3 เดือนกว่าต่อมาเมื่อญี่ปุ่นเข้าไทย คุณวนิช ก็ขึ้นเป็นรัฐมนตรีข้ามกระทรวงมาสั่งราชการที่กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ มีคนเล่าว่าบุตรีของท่านนายกฯหลวงพิบูลสงครามได้เล่าให้ฟังว่านายกฯหลวงพิบูลฯชอบรัฐมนตรีวนิช เพราะเมื่อครั้งเหตุการณ์ วันที่ 8 ธันวาคม ปี 2484 ตอนที่ทูตญี่ปุ่นมายื่นคำขาดให้ นายกฯไทยตอบหรือบีบให้ไทยยอมให้ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกในประเทศ และขอเดินทัพผ่านไปรบกับดินแดนใกล้เคียงนั้น ทูตญี่ปุ่นไม่ได้มาคนเดียวแต่มีทหารญี่ปุ่นที่ถืออาวุธพร้อมรบเข้ามาด้วย และทหารเหล่านี้ทำเหมือนจะคุมทำเนียบรัฐบาลเฝ้ารอนายกฯกลับจากตรวจราชการ พอหลวงพิบูลฯกลับมาถึงทำเนียบ ทหารญี่ปุ่นก็เข้าล้อมทำทีเหมือนจะคุมตัว ซึ่งบุตรีของหลวงพิบูลฯบอกว่าบิดาของท่านเล่าให้ฟังว่านายวนิช ที่ตอนนั้นอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยได้เป็นผู้เจรจากับทหารญี่ปุ่นให้ปล่อยนายกฯพิบูลฯเข้าไปประชุมคณะรัฐมนตรีจนทหารญี่ปุ่นยอม และตรงนี้ก็ทำให้เชื่อกันว่า คุณวนิช ปานะนนท์ น่าจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย
ส่วนที่ว่าเป็นรัฐมนตรีที่สนิทกับทางฝ่ายญี่ปุ่นและญี่ปุ่นวางใจนั้นน่าจะเป็นเพราะท่านเคยเป็นกรรมการที่ดูเรื่องระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ปี 2484 เพียง 3 วัน หลังที่ไทยต้องยอมญี่ปุ่นและเพียง 7 วันก่อนที่ท่านจะได้เข้าร่วมรัฐบาลได้เป็นรัฐมนตรี เรียกว่ากรรมการผสมระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และในปีต่อมาทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสูงของญี่ปุ่นให้ท่านแต่แล้วพอถึงต้นปี 2487 ตอนที่หลวงพิบูลฯใกล้หมดอำนาจรัฐมนตรีวนิช ก็ถูกตำรวจที่มีหลวงอดุลเดชจรัสเป็นอธิบดีฯจับในคดีร้ายแรง โดยนายกฯช่วยอะไรไม่ได้ แม้ทางฝ่ายญี่ปุ่นเองก็พยายามช่วยแต่ไม่เป็นผล
วันที่ 21 พฤษภาคม ปี 2487 รัฐมนตรีวนิช เสียชีวิตในที่คุมขัง อ้างกันว่าท่านปลิดชีวิตตัวเอง