รักษ์ชาติไทย (พ.ศ. 2550)

จาก ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า

ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต



พรรครักษ์ชาติไทย

พรรครักษ์ชาติไทยจดทะเบียนจัดตั้งพรรคขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550[1] โดยมี นายวิญญู ศิริยากร ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคและนางวิภารดี ภูวนาถนรานุบาล ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค[2] ในส่วนของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการของพรรคนั้นที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่าพรรคได้เจ้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างเช่นการเลือกตั้งแต่อย่างใดซึ่งในท้ายที่สุดพรรคก็ได้ทำการปิดตัวเองลงโดยหัวหน้าพรรคได้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในครั้งแรกตั้งแต่จัดตั้งพรรคมาเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2551 นั้นได้มีมติให้เลิกพรรครักษ์ชาติไทย[3]

รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้คือ [4]


ด้านการเมืองการปกครอง

1. ปกป้องคุ้มครองสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์

2. ส่งเสริมเสรีภาพ

3. ส่งเสริมการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและแก้ไขกฎหมายบางข้อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

4. ส่งเสริมให้ข้าราชการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเปิดเผย

5. สนับสนุนการกระจายอำนาจการปกครอง

6. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ

7. สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง

8. สนับสนุนให้มีมาตรฐานความเป็นธรรมในระบบงานของราชการ

9 ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีการเรียนรู้เกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย


ด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ

1. พัฒนาความมั่นคงของชาติให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ

2. ให้กองทัพมีส่วนร่วมในการพัฒนา สร้างความมั่นคงทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม

3. จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพ

4. ให้สวัสดิการแก่ทหารและครอบครัวทหาร

5. สร้างและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นใช้เอง

6. การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ทางการทหารกับต่างประเทศ

7. ป้องกันและติดตามการแทรกแซงในต่างๆจากขบวนการก่อการร้าย

8. พัฒนาประสิทธิภาพ ความเข้มงวดของระบบการตรวจสอบคนเข้าเมือง

9. สนับสนุนให้ทหารกองหนุนและประชาชนมีบทบาทในการปกป้องภัยคุกคาม


ด้านการพลังงาน

1. สนับสนุนการประหยัดพลังงาน

2. จัดตั้งองค์กรมหาชนในการบริหารจัดการการใช้พลังงาน

3. กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้พลังงานทุกชนิด

4. พัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลเพื่อติดตามสถานะภาพการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

5. ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

6. เร่งรัดการวิจัยพัฒนา พลังงานทดแทน

7. จัดตั้งโรงงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่เหมาะสม

8. กำหนดมาตรการในการจัดหาและผลิตพลังงานที่มีความหลากหลาย

9. กำหนดให้มีแผนบูรณาการในการจัดหาพลังงานในระยะยาว


ด้านเศรษฐกิจและสังคม

1. ติดตามประเมินและปรับปรุงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

2. จัดทำมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อการส่งออก

3. สนับสนุนการสร้างงานในชนบท

4. สนับสนุนการจัดเก็บภาษีให้ถูกต้องและเป็นธรรม

5. ยกระดับมาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตของประชาชน

6. แก้ไขปัญหาการเงิน การคลัง และการธนาคาร

7. ควบคุมและป้องกันมิให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

8. ร่วมมือกับต่างประเทศในด้านเศรษฐกิจ

9. จัดตั้งองค์กรเศรษฐกิจพอเพียงแห่งชาติ

10. พัฒนาการวางผังเมืองของทุกจังหวัด

11. สนับสนุนจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน

12. กำหนดมาตรการการควบคุมราคาสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค

13. ส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาการประกอบอาชีพของคนไทย


ด้านการศึกษา

1. จัดการศึกษาฟรีไม่น้อยกว่า 15 ปี

2. พัฒนาหลักสูตรการเรียนในทุกระดับชั้น

3. ปลูกฝังหน้าที่พลเมืองให้ประชาชน

4.จัดการศึกษานอกระบบให้แก่ผู้ด้อยโอกาส

5. จัดตั้งศูนย์ข้อมูลระบบการศึกษาไทยแบบบูรณาการ

6. สนับสนุนให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทุกระดับได้มีการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน

7. ส่งเสริมให้มีการผลิตบุคลากรในสาขาวิชาชีพที่กำลังขาดแคลน

8. เสริมสร้างสวัสดิการ และขวัญกำลังใจแก่บุคลากรทางการศึกษาทุกระดับ

9. สนับสนุนให้มีการแปลและเรียบเรียงหนังสือหรือ ตำราเรียน


ด้านการต่างประเทศ

1.ดำเนินนโยบายอิสระโดยยึดหลักผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ

2.กระชับความสัมพันธ์อันดีกับทุกๆประเทศ

3.ปรับปรุงสนธิสัญญาต่างๆที่ทำให้ประเทศเสียเปรียบ

4.รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศให้น้อยที่สุด


ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

1.สำรวจข้อมูลทรัพยากร แร่ธาตุเศรษฐกิจทุกชนิดในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

2.ควบคุมการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

3.เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับทรัพยากรแก่ประชาชน

4.แก้ปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

5.ฟื้นฟูระบบนิเวศน์และทรัพยากรธรรมชาติ

6.ควบคุมการทำประมงในเขตหวงห้ามและฤดูกาลขยายพันธุ์


ด้านการท่องเที่ยว

1.อนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ

2.พัฒนาแผนแม่บทการจัดการท่องเที่ยว

3.จัดทำข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

4.ให้ชุมชนเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการท่องเที่ยวในพื้นที่ของตนเอง

5.จัดสร้างเส้นทางคมนาคมในการเดินทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว

6.กำหนดมาตรการควบคุมการให้บริการค่าอาคารและที่พักในแหล่งท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานสากล


ด้านการสื่อสาร

1.จัดระบบการสื่อสารให้เครือข่ายเชื่อมโยงได้ทั่วประเทศ

2.ป้องกันการผูกขาดจากบริษัทเอกชน

3.แก้ไขสัญญาสัมปทานที่เอาเปรียบประชาชน

4.จัดสรรแถบคลื่นวิทยุให้เกิดประโยชน์สูงสุด

5.ป้องกันการลงทุนด้านการสื่อสารที่ซ้ำซ้อน

6.ให้การบริการด้านการสื่อสารขั้นพื้นฐานโดยรัฐ


ด้านการขนส่งและคมนาคม

1.จัดให้มีการบริหารจัดการระบบการขนส่งสินค้า (Logistic)

2.ขยายเส้นทางในการคมนาคมให้เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ

3.ส่งเสริมการแข่งขันเสรีในการให้บริการด้านการจัดการขนส่ง

4.จัดระบบการจราจรในทุกจังหวัดให้เป็นระเบียบ

5.สนับสนุนประชาชนให้ใช้ยานพาหนะในขนาดที่เหมาะสม

6.สนับสนุนเส้นทางรถจักรยานในทุกจังหวัด

7.ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดพลังงาน


ด้านการเกษตรและปศุสัตว์

1.พัฒนาศูนย์ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการเกษตรแบบครบวงจร

2.พัฒนาระบบสหกรณ์

3.ประกันการผลิตและราคาผลผลิต

4.ขยายตลาดสินค้าเกษตรกรรมแบบปลอดสารพิษ

5.ปรับปรุงระบบชลประทาน

6.ปฏิรูปที่ดินให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง

7.ปลูกป่าชายเลนทั่วประเทศ

8.ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยธรรมชาติ

9.ส่งเสริมการผลิตอาหารสัตว์ที่ใช้ทรัพยากรในประเทศ

10.จัดตั้งควบคุมป้องกันโรคติดต่อของสัตว์เศรษฐกิจ


ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม

1.จัดตั้งศูนย์ข้อมูลอุตสาหกรรม

2.คุ้มครองผลผลิตที่สามารถผลิตได้ในประเทศ

3.ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยภูมิปัญญาไทย

4.พัฒนาฝีมือแรงงาน

5.จัดตั้งอุตสาหกรรมท้องถิ่นจากเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน

6.ควบคุมมลภาวะที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด

7.จัดให้หน่วยงานของรัฐเข้าถือหุ้นในบริษัท อุตสาหกรรมขนาดใหญ่


ด้านการสาธารณสุข

1.ควบคุมการโฆษณาสินค้าที่ให้โทษต่อสุขภาพและร่างกายของประชาชน

2.ปรับปรุงการบริการทางด้านสาธารณสุขในทุกระดับ

3.ควบคุมค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนให้เป็นธรรม

4.จัดสร้างศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ

5.จัดให้มีการผลิตยารักษาโรคเองภายในประเทศ

6.ควบคุมการนำเข้ายาปราบศัตรูพืชที่มีสารพิษเจือปน สัตว์หรือพาหะต่างๆ รวมทั้งชาวต่างชาติที่อาจนำมาซึ่งเชื้อโรคร้ายแรง


ด้านการต่อต้านยาเสพติด

1.ให้การศึกษาถึงพิษภัยของยาเสพติด

2.จัดกิจกรรมต่อต้านยาเสพติด

3.ป้องกัน ปราบปรามการนำเข้า การผลิต การจำหน่ายและการเสพยาเสพติด

4.บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างมีระบบ


ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

1.สนับสนุนทุนการศึกษา การวิจัยด้านวิทยาศาสตร์แก่นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ

2.การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับนานาประเทศและนำเทคโนโลยีนั้นๆมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม


ด้านการส่งเสริมแรงงานและสวัสดิการสังคม

1.จัดทำศูนย์ข้อมูลแรงงานไทย

2.ปรับปรุงกฎหมาย เกี่ยวกับแรงงาน

3.ขยายการจ้างแรงงานทั้งภาครัฐและเอกชน

4.สนับสนุนการจัดตั้งสหภาพแรงงาน

5.สนับสนุนให้มีระบบแรงงานสัมพันธ์

6.จัดตั้งกองทุนบำนาญแห่งชาติสำหรับผู้ที่ใช้แรงงานทุกสาขาอาชีพ

7.จัดตั้งกองทุนเพื่อสวัสดิการแรงงานและสังคมแห่งชาติ


ด้านการกีฬา

1.ส่วนเสริมการเล่นกีฬาในทุกภาคส่วนของสังคม

2.จัดหากองทุนสนับสนุนการสร้างนักกีฬา

3.สร้างสถานที่ฝึก สถานที่แข่งขันและสถานที่พักผ่อนสาธารณะให้พอเพียง


ด้านสตรี เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการในสังคม

1.ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้หญิงและชายมีสิทธิเท่าเทียมกัน

2.จัดหางานที่เหมาะสมและสงวนสิทธิของงานบางประเภทสำหรับสตรี

3.คุ้มครองการใช้แรงงานเด็กอย่างเข้มงวด

4.ออกกฎหมายลงโทษพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ทำทารุณกรรมและไม่เอาใจใส่ในการเลี้ยงดูบุตร

5.จัดให้มีองค์กรของรัฐเพื่อที่จะดูแลเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง


ด้านการปลูกฝังอุดมการณ์ ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

1.ปลูกฝังอุดมการณ์ดังกล่าวผ่านการศึกษาทุกระดับชั้น

2.จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการแสดงความรักชาติ

3.จัดกิจกรรมเพื่อการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

4.เผยแพร่โครงการตามพระราชดำริโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง


อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 19ง หน้า 69
  2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 19ง หน้า 116
  3. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 91ง หน้า 205
  4. สรุปความจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 19ง หน้า 69-91